มัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษาที่ 1

2130 Words
                ม.3 คงเป็นความทรงจำที่ฉันเจ็บปวดมากที่สุดแล้วล่ะ                 เพราะฉันเพิ่งรู้ความจริงบางอย่าง                 ความจริง...                 ที่ทำเอาฉันเจ็บปวด และทรมาน                 หายใจลำบาก                 ไร้เรี่ยวแรง                 ซังกะตาย                 เหมือนมีอะไรสักอย่าง มาบีบรัดหัวใจฉันไว้ ให้มันเต้นช้าลง ช้าลง และช้าลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะหยุดเต้นกันเลยทีเดียว                 สงสัยมานานแล้วแหละ ว่าทำไมน้องป้อนถึงไม่ขึ้นรถรับ - ส่งนักเรียนกลับบ้านสักทีตั้งแต่เปิดเทอมมา                 เกือบเดือนแล้วที่ฉันเดินมาที่รถ แล้วไม่เห็นป้อนบนรถรับ - ส่งนักเรียนเหมือนอย่างเคย                 ที่นั่งประจำของป้อน ไม่มีป้อนอยู่                 บนรถคันนั้น ไม่มีแม้แต่เงา                 กินข้าวป้อนก็ไม่มากินกับฉัน                 น้ำปั่นฉันก็ได้สั่งโกโก้ของตัวเอง                 ไม่มีคนมาสลับแก้วกิน                 โทร.ไปก็ไม่ค่อยรับสาย                 แชทก็ไม่ค่อยตอบ                 เป็นอะไรนะ...                   แล้วฉันก็รู้ ว่าที่ฉันคิดทั้งหมด มีแค่ฉันคนเดียวที่คิดไปเอง                 ทั้งแชท                 ทั้งโทร.                 กินข้าว                 กินน้ำ                 หรือแม้แต่ความรู้สึกของฉันที่มีให้ป้อน                 ฉันคงคิดไปเอง...ทั้งหมด                 เมื่อวันนี้เห็นกับตา ว่าป้อนซ้อนรถจักรยานยนต์ฟีโน่คันสีส้ม ของพี่ฟิล์มที่ตอนนี้อยู่ ม.6 นักกีฬาตะกร้อทีมเดียวกันผ่านหน้าฉันไป                 ฉันนิ่ง                 ไม่ใช่สิ                 ไม่ใช่นิ่งหรอก                 ชาไปทั้งตัวมากกว่า                 เหมือนมีค้อนปอนด์หนัก ๆ มาทุบลงที่หัว                 เจ็บดีแฮะ แต่จะร้องก็ไม่ได้ ทนหน่อยดิมาศ จะกลับบ้านแล้ว ทนนิดนึง กลับไปร้องไห้ที่บ้านดีกว่า                 และจากเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ฉันเกลียดรถฟีโน่เข้ากระดูกดำไปเลย                   ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่บนรถ                 อะไรวะ                 ที่ผ่านมา มันคืออะไร                 ป้อนชอบฉันจริง ๆ หรือแค่อยากเอาชนะ                 ชอบฉันจริง ๆ หรือแค่ความรู้สึกปลอม ๆ ที่หลอกคนโง่ ๆ คนนี้ไปวัน ๆ                 หรือฉันช้าไป                 มีแต่ความลังเล                 ป้อนเลยไม่รอ                 คงเป็นแบบนี้แหละมั้ง ป้อนคงรอฉันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว                 แต่อย่างน้อยก็บอกฉันหน่อยไม่ได้รึไง ว่าจะเทความรักของฉันทิ้งไว้กับกองขยะเปียกหลังโรงเรียนอะ                 อย่างน้อย...ก็บอกหน่อยเถอะ จะได้ทำใจ                 "ป้อนคบกับพี่ฟิล์มหรอ"                 "เอ้า พี่ไม่รู้หรอ"                 "นานยัง"                 "ตั้งแต่เปิดเทอมแน่ะ ตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้วมั้ง"                 เบียร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉันตอบ                 เฮ้อ...                 ฉันถอนหายใจ เอี้ยวตัวหันหน้าออกทางหน้าต่างรถ หลับตาแน่น                 นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย                 ขอเถอะ                 ขอให้เป็นแค่ฝันได้มั้ย                   กลับถึงบ้าน                 ฉันเขวี้ยงกระเป๋าเข้าข้างฝาอย่างที่เคยทำประจำทุกวัน ไม่สนด้วยซ้ำว่ามันจะไปนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงไหน                 ถอดเข็มขัดแขวนไว้                 ถอดเสื้อกับกระโปรงทิ้งลงตะกร้าอย่างไม่ไยดี                 เดินเข้าห้องน้ำ                 เปิดฝักบัว                 ทรุดตัวลงนั่งหลังพิงฝาเหมือนกับที่เคยเห็นคนอกหักในมิวสิกวิดีโอทำ                 ไม่น่าเชื่อ...คนที่ไม่เคยต้องเสียน้ำตากับอะไรง่าย ๆ อย่างฉัน                 ตอนนี้กลับมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย                 เพราะเจ็บ                 เพราะรัก                 เพราะเสียใจ                 มาก ๆ                 ฉันนั่งกุมขมับอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนแม่มาตามไปกินข้าว                 แน่นอนฉันบอกแม่ว่าไม่กิน แม่ก็ออกจากห้องไป เพราะแม่ชินแล้ว กับการที่ฉันไม่กินข้าวตอนเย็น                 ในหัวมันมีแต่ภาพ                 เสียง                 รอยยิ้ม                 การกระทำ                 และคำพูด                 ของน้องป้อนที่ฉันยังจำมันได้ทุกฉาก ทุกตอน                 เขาแอบไปคุยกันตอนไหน                 ตอนที่ฉันอยู่ด้วย                 ตอนกินข้าว                 ตอนซ้อมกีฬา                 ตอนปิดเทอม                 หรือตอนไหน                 ฉันออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวที่เปียกออก สวมชุดใหม่นอนแผ่หราอยู่บนเตียง                 ตามองเพดาน                 ปล่อยน้ำตารินไหลลงไปตามหางตาด้วยความเจ็บช้ำ                 ฉันเจ็บ                 เจ็บมาก ๆ                 ไม่รู้จะเจ็บไปถึงเมื่อไหร่                 และความเจ็บที่มีมันจะหายไปหรือลดลงมั้ย                 ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ยินจากปากป้อน ว่าความจริงมันเป็นยังไง แต่เท่าที่เห็นใครก็เดาถูกหมดแหละ ว่าเขาคบกันแล้ว                 และฉันก็รู้ด้วย ว่าพี่ฟิล์มเลิกกันกับพี่ยุ้ยแล้ว                 เพราะพี่สาวฉันเล่าให้ฟังเอง                 หึ                 เลิกปุ๊บ คงคบปั๊บเลยสินะ                 รอมานานแล้วล่ะสิ                 ที่ไปนั่งอยู่ตรงนั้นตอนฉันซ้อมตะกร้อ คงไปหากันสินะ                 ฉันที่มันโคตรหลงตัวเอง                 โคตรคิดไปเองจริง ๆ ว่ะ                 ฉันลุกขึ้นจากเตียง เดินไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าที่นอนอยู่อย่างน่าสงสาร                 เปิดมันออก                 และควานมือถือไปมา เพื่อหาโทรศัพท์และหยิบมันออกมาจากช่องกระเป๋า                 กดโทร.ออก                 หาเบอร์ที่ทำให้ฉันจะเป็นจะตายอยู่ตอนนี้                   คราวนี้ป้อนรับ                 รับเร็วดี                 ต่างจากหลายครั้งที่ฉันโทร.หา                 วันนี้ทำไมรับง่ายจังวะ                 รอฉันโทร.ไปฟูมฟายอยู่งั้นหรอ                 ดีใจด้วย คุณคิดถูกแล้ว                 รับสายด้วยนะ                 เพราะครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่มาศคนขี้แพ้คนนี้จะโทร.หาคุณ                 "พี่มาศ"                   "เห็นเธอกับเขาจูงมือกันอยู่                 ต้องรีบหันไปมองทางอื่น                 ไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำ                 ในวันที่ฉันเคยมีเธออยู่                 ไม่เคยรู้ ว่าเธอความสำคัญ                 ทุกครั้งที่เธอห่วงกัน                 กลับมองเธอว่าคอยวุ่นวาย"                   ฉันร้องจบท่อนนี้ก็เงียบ                 ป้อนเองก็เงียบ                 เหมือนกับว่ารอฟังฉันอยู่                   "เคยอธิษฐาน วอนขอให้เธอกลับมา                 อยากโทร.ไปหา เธอคงไม่อยากรับสาย                 ส่งเพียงข้อความหนึ่งคำ ว่าคิดถึงเธอมากมาย                 รู้ดีเธอมีคนใหม่ ฉันควรรีบเดินออกไปให้พ้นทาง                 ตั้งแต่ต้นจนมันเจ็บ ยังเก็บเอาไว้คือคำว่ารักเธอ                 ต่อให้ฉันต้องทนเดียวดายยังไง กลับไปจะจมน้ำตา                 ตั้งแต่ต้นจนมันเจ็บ กลบเกลื่อนด้วยยิ้มที่ไม่มีปัญหา                 ฉันรู้ตัวดีมันเกินเยียวยา จะรักษาอาการที่มันรักเธอ"                   ตอนนั้นฉันชอบเพลงนี้ 'ตั้งแต่ต้นจนเจ็บ' ของวงแพนเค้ก                 ความจริงฉันชอบวงนี้มาก ร้องได้ทุกเพลง แต่ตอนนี้ เพลงนี้เหมาะกับฉันมากที่สุด                 ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาร้องเพลงอกหักแบบนี้ด้วยซ้ำ                 ร้องจบ ฉันตัดสาย นอนมองเพดาน น้ำตาไหล                 เปลี่ยนท่าเป็นนอนขดตัว                 น้ำตายังไหล                 นอนคว่ำหน้า น้ำตาก็ยังไหล                 นอนตะแคง                 น้ำตาก็ยังไหล                 เออ ไหลให้พอ ไหลออกมาหมดตัวเลยยิ่งดี                 ฉันเจ็บ เจ็บมากจริง ๆ                 รู้สึกสูญเสียความรัก                 สูญเสียความรู้สึก                 เจ็บ...ปางตาย                 ป้อนโทร.มาอีกหลายสาย                 แต่ฉันไม่รับ                 กลัวร้องไห้...ให้คนใจร้ายได้ยินและสมน้ำหน้า                     ฉันมาโรงเรียนเหมือนเดิม แค่ตอนที่เห็นป้อนฉันจะไม่มองไปเท่านั้น                 ไม่ยิ้ม                 ไม่ทักทาย                 เข้าแถวฉันก็ไปยืนด้านหน้าสุด เพราะจะได้ไม่หันไปมองป้อน                 ความจริงก็เรียกหลบหน้าแหละ                 ใครมันจะทนไหววะ                 ให้มองหน้าคนที่เรารักมาก ๆ และเขาคือคนที่หักอกเราน่ะหรอ                 น้ำตามีแต่จะไหลอะดิ                 สู้ไม่เจอกันยังจะดีกว่า                 แต่ก็หลบไม่พ้นอยู่ดี                 ฉันยังต้องซ้อมกีฬา                 ซ้อมตะกร้ออยู่                 ฉันไม่ใช่คนหนีปัญหาหรอก ต่อให้เขาพลอดรักกันต่อหน้า ฉันก็จะยังซ้อมอยู่ตรงนี้                 หน้าที่ฉันคือซ้อมกีฬา ทำเพื่อโรงเรียน ไม่ใช่มายืนหน้าโง่ดูเขารักกันอยู่ตรงนี้                 ทนเอา แค่วันละ 1 ชั่วโมงเอง                 ป้อนยังมานั่งอยู่ที่ศาลาตามเดิม                 แต่วันนี้ป้อนซื้อน้ำมาให้นักกีฬาด้วย ทำไมตอนที่บอกว่าชอบฉันไม่เห็นซื้อมาให้เลยล่ะ สักหยดก็ไม่มี                 แน่นอนว่าคนเป็นแฟนกันต้องโดนแซว ฉันได้ยินแต่ไม่หันไปมองให้เสียสายตา                 ปล่อยเขารักกันไป ส่วนฉันน้ำตาไหลถึงตีน                 "น้ำค่ะ"                 ฉันรับมาแต่ไม่พูด ไม่มองหน้าน้อง                 ถือขวดน้ำไปวางไว้ข้างสนาม และไม่แตะต้องมันอีก                 ยอมแม้กระทั่งเป็นคนไร้ระเบียบ ที่ต้องวางขวดน้ำทิ้งไว้ให้เป็นขยะแบบนั้น                 ตอนเย็นเขาก็กลับด้วยกันอีก                 ที่บ้านมีบ่อน้ำมันหรอ ทั้ง ๆ ที่บ้านคนละทางแต่ไปรับไปส่งทุกวัน                 เอ๊ะ...                 หรือเขาอยู่ด้วยกัน                 ใจง่ายจังวะน้องป้อน                   ฉันกลับมาบ้านนอนน้ำตาไหลตามเคย ป้อนโทร.มานะ แต่ฉันไม่รับ เพื่ออะไรล่ะป้อน มีแฟนแล้วไม่ใช่รึไง                 แค่คิดว่าตอนซ้อนรถกลับ ป้อนจะทำกับพี่ฟิล์ม อย่างที่ทำกับฉัน                 หัวใจก็บีบรัด                 น้ำตาไหล                 หายใจลำบาก                 เจ็บชะมัด                 ฉันผุดลุกขึ้นอย่างว่องไว                 เปิดลิ้นชักหัวเตียง                 หยิบรูปที่เคยให้เจ้าของร้านถ่ายภาพปริ๊นให้ออกมาจนหมด                 ปาดน้ำตา                 เดินออกจากห้อง                 หยิบไฟแช็กที่พ่อวางไว้ตรงโต๊ะโทรทัศน์ เพราะจะได้หยิบง่ายเวลาถวายดอกไม้ในวันพระติดมือมาด้วย อย่าเข้าใจผิดล่ะ พ่อฉันไม่ได้สูบบุหรี่หรอกนะ                 เดินออกนอกบ้าน                 ทิ้งรูปทั้งหมดลงบนกองขยะ                 จุดไฟเผารูปพวกนั้นไปพร้อมกับขยะเน่า ๆ                 "แม่ วันนี้ไม่กินข้าวนะ"                 ฉันพูดเสียงสั่นเครือ                 เดินเข้าห้อง และแน่นอนว่าฉันนอนร้องไห้ทั้งคืน                   ผ่านไปเป็นเดือน ฉันก็ยังไม่หาย                 วันนี้ฉันมาเข้าห้องน้ำห้องประจำ ซึ่งก็คือห้องสุดท้าย                 ไม่ให้เพื่อนตามมาด้วย เพราะตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวไปแล้ว                 ทำธุระเสร็จ ฉันเปิดประตูออกมา แต่ก็ต้องถอยหลังกลับตามเดิม                 เพราะมีคนผลักเข้ามา                 และ...                 แกร็ก! เสียงล็อกประตู                 ฉันขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์กับคนตรงหน้า                 ต้องการอะไรจากฉันอีกวะ                 "ทำไมพี่ไม่คุยกับเค้า"                 "รู้อยู่แก่ใจ"                 "แล้วจะให้เค้าทำไง"                 "ก็เรื่องของเธอสิวะ"                 ฉันขึ้นเสียงใส่น้อง ไม่ชอบแบบนี้เลย มีแฟนแล้วแต่ตัดคนอื่นไม่ขาด                 หึ แบบเดียวกันเลยกับพี่ฟิล์ม                 มิน่า...ถึงไปกันได้                 "เค้าขอโทษ"                 "ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ"                 ฉันทำท่าจะเปิดประตูออกไป แต่ป้อนขวางไว้และกอดฉันแน่น                 "เค้าไม่ได้รักพี่ฟิล์มนะ"                 "แล้วคบทำไม"                 "ที่เค้าบอกว่าชอบพี่ เค้าชอบจริง ๆ นะ"                 "ความรู้สึกที่พี่มีให้ป้อนก็ของจริง รักจริง ๆ ไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทน แล้วป้อนเคยสนใจมันบ้างมั้ย"                 ฉันถามเพราะเริ่มไม่สบอารมณ์ และเริ่มเสียงดังขึ้น                 ป้อนเงียบ แต่ยังกอดฉันและซบหน้าลงกับซอกคอของฉันอยู่แบบนั้น                 ขอล่ะ...                 ขอร้อง...                 ขอร้องล่ะนะ อย่าให้ฉันได้สวมหน้ากากแสดงบทร้ายเลย                   ฉันตัดสินใจ ผลักป้อนออก ก้มหน้าลงจูบน้อง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน                 ดันหลังน้องติดกับผนังห้องน้ำซุกไซร้ซอกคอ ปลดกระดุมเสื้อคอซองและดึงโบของน้องออก                 ตั้งใจดูดแรง ๆ ให้เกิดรอยตรงคอขาว ๆ นั้น นั่งลงบนฝาชักโครกแล้วกระตุกแขนน้องเบา ๆ น้องก็เซมาคร่อมฉันไว้แล้ว                 ฉันจูบต่อ คราวนี้ได้รสชาติฝาดเฝื่อนของเลือดติดลิ้นมาจาง ๆ                 ป้อนใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักฉันออก มองหน้าฉันด้วยน้ำตาอาบเต็มสองแก้ม                 "อย่ามายุ่งกับพี่อีก"                 ฉันกัดฟันพูด ป้อนลุกขึ้น เปิดประตูและวิ่งออกไปทันที                 ส่วนฉัน...                 ปิดประตู นั่งอยู่ในนั้นตามเดิม                 ร้องไห้ จนเพื่อนต้องมาตามว่าหมดคาบแล้ว                 และครูเช็คฉันโดด                 เอาเลย                 ตามสบาย                 ไม่รู้รึไงว่านักเรียนอกหัก เดินไปเรียนไม่ไหว มีเหตุผลหน่อยสิครู                   ตอนเที่ยงฉันไม่กินข้าว                 แต่แอบเดินขึ้นห้อง                 ห้องเรียนของน้อง วางโบที่ฉันดึงออกในห้องน้ำไว้ใต้โต๊ะเรียนที่น้องนั่ง                 ฉันรู้ว่าป้อนนั่งโต๊ะนี้                 แค่เป็นป้อน ฉันรู้หมดแหละ                 ยกเว้นเรื่องที่ป้อนก็คุยกับคนอื่นเหมือนกัน ในขณะที่บอกชอบฉัน                 และเขาก็ได้คบกัน                 เจ็บเป็นบ้าเลยว่ะ                 ฉันจะทนได้นานแค่ไหนกันนะ  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD