3

3551 Words
นั่งในรถเงียบ ๆ ราวชั่วโมงเศษ ณัฏฐ์ก็พารถจอดที่หน้าร้านค้าส่งขนาดใหญ่ในบริเวณที่เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อขายมีชื่อ เขาออกจากรถโดยไม่เอ่ยอะไรกับเธอเลยสักคำ แล้วหากใครถามว่าทำไมเธอไม่หนี ก็เพราะว่าเขากดล็อกรถเอาไว้น่ะสิ เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก นั่งรออย่างกระวนกระวายใจประมาณยี่สิบนาทีได้ ณัฏฐ์กลับมาพร้อมถุงข้าวของห้าหกใบ จากนั้นเขาพารถออกจากตรงนั้น ไม่กี่อึดใจก็เลี้ยวไปยังถนนเลียบชายหาดที่ทอดยาวจนสุดทาง หักพวงมาลัยเข้าไปในเขตรั้วสูง จอดลงตรงหน้าบ้านหลังสวยสีเปลือกไข่สองชั้นขนาดใหญ่ มีต้นแสงจันทร์ปลูกรายล้อมรอบบ้านให้บรรยากาศร่มรื่นเข้ากับลมทะเลทีเดียวหากว่ามาพักผ่อนหย่อนใจ เสียแต่ว่า การมาครั้งนี้ไม่ใช่การพักผ่อนน่ะสิ หญิงสูงวัยคนหนึ่ง เดินออกมาเมียงมองครู่เดียว ใบหน้าบึ้งตึงแต่แรก แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน กระวีกระวาดเดินตรงเข้ามาที่รถในทันที เธอเห็นเขาเปิดประตูลงไป ก็ลองตามลงไปบ้าง ไม่นานก็แว่วเสียงทักดังขึ้นอย่างดีใจ “คุณดิน ทำไมไม่โทรมาบอกป้าก่อนละคะ แล้วนี่พาเพื่อนมาด้วยอีก ป้าจะได้เตรียมห้องพัก เตรียมอาหารไว้รอ” “ไม่ใช่เพื่อนหรอกครับป้าเนียน นี่ผู้ช่วยเลขาฯ คนใหม่ของผม” ณัฏฐ์บอกแล้วสั่งงานต่อเลย “ป้าเนียนช่วยหาห้องว่างให้เธอด้วยนะครับ ตรงห้องแถวหลังบ้านนั่นก็ได้ เขาง่ายออก” ปานทิพย์ค่อยเหลือบตามองไปที่เขา พบแววตาหยัน เหยียด ก็ให้นึกไม่พอใจเขา แต่จะพูดอะไรได้ ในเมื่อยินยอมตกลงแล้วนี่ ง่ายก็ง่าย ณัฏฐ์มองเธอนิ่ง แล้วนึกขึ้นได้บอกป้าเนียนไปว่า “เดี๋ยวหนูดีจะแวะมากินข้าวด้วย ป้าเนียนช่วยทำเผื่อว่าที่คู่หมั้นผมด้วยนะครับ” ณัฏฐ์เดินกลับไปที่รถ แล้วส่งสายตาเรียก พอทำเฉย เขาก็ส่งเสียงเรียกดังขึ้นว่า “มาเอาของของเธอไปเก็บ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วไปช่วยป้าเนียนทำอาหารในครัวด้วย” สั่งเสร็จ เขาเดินหายเข้าบ้านไปในทันที ปานทิพย์ไม่ได้สนใจมองที่เขาอีก เธอมุดเข้าไปหยิบของที่เขาสั่ง ก่อนจะเดินตามป้าเนียนที่มีทีท่าไม่สนใจเธออีก ตั้งแต่เจ้าของบ้านบอกว่าเธอเป็นแค่ผู้ช่วยเลขานุการของเขา พาเดินไปยังห้องที่ว่างด้านใน ห้องที่ถูกพามาพัก มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมในนั้น ตู้ เตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ได้หรูหราแต่อย่างใดแต่ก็มีให้ครบครัน ก็เธอมาในฐานะอะไรล่ะ ผู้ช่วยเลขานุการอย่างเขาบอกอย่างไรเล่า จะไปคาดหวังอะไร ได้แต่ก้มหน้ารับการตัดสินใจของตัวเอง รู้แต่แรกแล้วว่าการกระทำแบบนี้มันผิด คิดแล้วก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่อยากถูกเขาเกลียดมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็คงเกลียดเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อคืน คงไม่หลงเหลือความรู้สึกดี ๆ หรือความเป็นเพื่อนให้กันอีกเลยละมั้ง ตอนที่เธอตกลงรับปากจะทำเรื่องถ่ายรูปสยิวคู่เขานั่น ก็เพราะโดนเกลี้ยกล่อมจนใจอ่อน ไม่นึกว่าแผนการที่วางเอาไว้อย่างดีจะมาตกม้าตายแบบนี้ ปานทิพย์รู้ว่าบิดาของณัฏฐ์ทิ้งเขาและแม่แล้วมาสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่ใคร ผู้หญิงคนใหม่ของคุณวัฒน์ก็คือน้าสาวของเธอเอง และเพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาเดิม ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ จึงง่ายที่จะจดทะเบียนสมรสกับน้าเดือน ตอนนี้นึกกระดากใจ ว่าที่เธอทำกับเขาก็สมควรให้เขาเกลียดแล้วล่ะปานทิพย์ หญิงสาวสะบัดความคิดเหล่านั้นออก เอาของในถุงมาเท แล้วยืนมองอย่างไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี มองอยู่หลายนาที ก็ค่อยลงไปหยิบของออกดูทีละชิ้น มีเสื้อผ้าที่เขาซื้อมาให้ แต่ละชุดไม่สั้นก็บาง ไม่บางก็โป๊จนน่าเกลียด เธอหยิบตัวที่โป๊น้อยที่สุด ออกมาทาบกับลำตัว มองหากระจกส่อง ยืนมองเงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็หน้าเบ้ เหยเกเลยทีเดียว อดบ่นเขาไม่ได้ ณัฏฐ์ทำแบบนี้ จงใจแกล้งเธอ สุดท้ายก็จำต้องเปลี่ยนจากเดรสที่ใส่มาจนเกือบจะครบยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นเสื้อสายเดี่ยวสีแดงที่ดูโป๊น้อยที่สุดในถุงที่ณัฏฐ์ซื้อมา กับกางเกงยีนส์ขาตัดชายสั้นกุด เดินออกจากห้องไปอย่างไม่มั่นใจนัก ด้วยว่ากระดากไม่น้อยกับชุดบนตัว เธอเดินหาห้องครัวอยู่หลายนาทีทีเดียว ก็ยังอุตส่าห์หาเจอ ค่อยยื่นหน้าเข้าไปมอง ถามหญิงสูงวัยที่ง่วนอยู่ในนั้นคนเดียว “ให้ปานช่วยอะไรบ้างคะ” “จะช่วยก็เข้ามานี่สิ” ป้าเนียนหันหน้าจากเตามาบอกทางเธอ ก่อนจะหยุดสะดุดกึก สายตาไม่ชอบใจฉายเต็มใบหน้าของแก คงนึกตำหนิการแต่งตัวของเธอสินะ แล้วก็จริงดังคาด เมื่อได้ยินแกบ่นขึ้นว่า “หน้าตาก็ดี ไม่จำเป็นต้องแต่งเนื้อแต่งตัวเปิดเผยขนาดนี้ก็ได้หรอกมั้งแม่คุณ” บ่นจบ แกส่ายหน้าแล้วพึมพำอีกอย่างเอือม ๆ “ผู้หญิงสมัยนี้นี่เกินจะรับประทานจริง ๆ” ปานทิพย์หน้าเจื่อน นึกต่อว่าใครบางคนเงียบ ๆ ใจคอเขาจะย่ำให้เธอจมดินจนแทรกกายขึ้นมาไม่ได้เลยหรือไง เขาอยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนแบบไหนไม่พอ นี่ยังทำให้ป้าเนียนเข้าใจตามเขาไปด้วยอีก “มาล้างผัก แล้วก็แล่ปลาตรงนั้นให้หน่อย” ป้าเนียนสั่งเสียงห้วน แล้วลงมือทำอาหารตรงหน้าแกไป โดยไม่สนใจจะชวนเธอคุยอะไรด้วยทั้งสิ้น ปานทิพย์เป็นลูกมือที่ดีทีเดียว เธอพอมีรสมืออยู่บ้าง เพราะชอบปรุงอะไรต่อมิอะไรกินเองเป็นประจำ ไม่บ่อยนักที่จะซื้อมากิน จนเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นเอง แววตาของป้าเนียนที่ใช้มองเธอก็ดูดีขึ้นมาหน่อย ปานทิพย์มองอาหารที่เธอปรุงแต่ง จัดจานด้วยสายตาพึงพอใจ ใบหน้าของเธอมันเยิ้ม เหงื่อโซมก็รีบยกแขนปาดลวก ๆ ทิ้งไปเสีย ป้าเนียนจึงออกปากสั่งต่อ เมื่อเห็นเธอยืนนิ่ง “ยกไปตั้งที่โต๊ะเลย” ปานทิพย์ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย จนเสร็จแล้ว ป้าเนียนก็สั่งอีกครั้งว่า “ไปตามคุณดินที่สระว่ายน้ำที” ปานทิพย์รับคำ แล้วยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าอีกครั้ง ออกเดินไปตามทางที่เห็นอยู่ไกล ๆ ว่ามีสระว่ายน้ำที่ตรงนั้น ระหว่างทางเดินเธอเก็บรายละเอียดรอบบ้านไปพลาง บ้านสวยหลังนี้ สร้างบนที่ดินที่ยาวขนานไปกับชายหาดเบื้องหน้า อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไรเลย ทำเลก็ดี ถัดไปจากตรงนี้มีโรงแรม รีสอร์ต บังกะโลตั้งอยู่รอบ ๆ ค่อนข้างเป็นสัดส่วน ตอนนั้นเอง ที่ลมทะเลพัดเอื่อยเข้ามาต้องใบหน้าของเธอ เหงื่อที่ไหลซึมออกมา โดนลมเข้าหน่อยก็ให้ความรู้สึกเย็นสบายไม่น้อย หากนี่คือยามที่ไม่ได้มีเรื่องเข้ามารบกวนจิตใจ เป็นเวลาที่เธอได้มาเที่ยว มาพักผ่อนจริง ๆ คงสร้างความผ่อนคลายให้ไม่น้อยเลยล่ะ สระว่ายน้ำที่ป้าเนียนบอกเป็นสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานที่สร้างหันหน้าหาทะเล เพื่อให้เห็นบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินได้พอดิบพอดี ตอนเธอเดินไปถึงก็พบว่าพระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวลงต่ำแล้ว สวยจัง ปานทิพย์ยืนมองนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้น ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นจุดสนใจของชายหญิงที่กำลังนั่งคุย นั่งหัวเราะอยู่ตรงขอบสระนั่น “ปานทิพย์” เสียงเรียกชื่อดังแทบเป็นตะคอก ปานทิพย์สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ละสายตาจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าขอบทะเล ไปมองทางคนที่ส่งเสียงเรียก ถึงได้เห็นว่าณัฏฐ์กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง “มานี่” เขาเรียกพร้อมกวาดสายตามองชุดบนตัวเธอด้วยแววตาเหยียดหยัน “นี่หนูดีว่าที่คู่หมั้นของฉัน” ณัฏฐ์แนะนำ พร้อมเปลี่ยนสรรพนามจากที่เคยเรียกชื่อแทนตัวมาเป็น ‘ฉัน’ จนปานทิพย์ได้ยินก็ให้รู้สึกโหวง ๆ ขึ้นในใจ ละสายตาจากเขามองไปทางหญิงสาวคนนั้น ว่าที่คู่หมั้นของณัฏฐ์ยิ้มทักทายให้อย่างสุภาพ จนเธออดนึกไปถึงการกระทำของตัวเองเมื่อคืนนี้อีกครั้งไม่ได้ แล้วก็ร่ำร่ำอยากจะเขกหัวตัวเองให้เจ็บ ๆ เสียนัก ณัฏฐ์ถามอย่างวางตัว “มื้อเย็นตั้งโต๊ะแล้วหรือยัง” ปานทิพย์พยักหน้าพร้อมรับคำว่า “อือ” พอเห็นสายตาดุ ๆ ของเขา ก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยลงตามกรอบหน้าออก ผินไปมองทางอื่นแทน ณัฏฐ์มองเธออย่างคาดโทษ แล้วเปลี่ยนไปชวนทางว่าที่คู่หมั้นของเขา “ไปครับหนูดี วันนี้ป้าเนียนทำอาหารเอาใจหนูดีน่าดูเลย พี่ชักอิจฉาแล้วสิ แกชอบบ่นบ่อย ๆ ด้วยนะ ว่าอยากให้พี่พาหนูดีมากินข้าวที่นี่ทุกมื้อเลย” อรนลินตีเพียะที่ต้นแขนของเขา ณัฏฐ์จึงคว้าหมับที่มือของว่าที่คู่หมั้น ยกเอามาจูบเบา ๆ จนเจ้าของมืออายหน้าแดงซ่านขึ้นในทันที ปานทิพย์เองก็อายแทนเหมือนกัน เลยขยับถอยหนี เมื่อเห็นว่าณัฏฐ์ส่งสายตาบางอย่างมาที่เธอ ทั้งที่กำลังจี๋จ๋ากับสาวสวยคนนั้นอยู่ “ไปครับ” ณัฏฐ์ชวน แล้วลุกขึ้นยืนก่อน พร้อมส่งมือลงมาดึงว่าที่คู่หมั้นของเขาให้ลุกตามกันไป ก่อนจะพากันเดินเข้าบ้าน โดยมีเธอตามหลังไปห่าง ๆ อย่างต้องการทิ้งระยะระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ตลอดเวลาเกือบชั่วโมง ที่ปานทิพย์ต้องยืนขาแข็งบริการณัฏฐ์และว่าที่คู่หมั้นของเขา ท้องของเธอร้องครางอย่างน่าสงสาร เพราะตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องแม้แต่นิดเดียว จนเห็นว่านายกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ป้าเนียนเลยหันมาบอกให้เธอเข้าไปหาข้าวกินเองในครัวและกลับห้องได้เลย ปานทิพย์ตักข้าวราดกับข้าวง่าย ๆ นั่งกินจนอิ่ม จึงกลับห้อง พอได้อาบน้ำจนสบายตัว อาการอ่อนเพลียที่สะสมมาทั้งวันก็รบเร้าให้ลงไปนอนพักเสียที หญิงสาวพาร่างที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ เดินไปที่เตียงนอน ถึงแล้วก็ลงนอน หนังตาของเธอปิดสนิทแทบไม่ต้องเสียเวลากล่อมตัวเองแม้แต่นิดเดียว เข้าสู่ห้วงนิทราไปตอนไหนก็ไม่รู้ได้ พลันเสียงกุก ๆ กัก ๆ ที่ประตู พร้อมแสงจากด้านนอกส่องมาพร้อมกับเงาของใครบางคนตรงนั้น ทำให้ความง่วงงุนของเธอปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง ปานทิพย์ผงะ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ถามคนบุกรุก “มีอะไร” ผู้บุกรุกไม่ตอบ เขาปิดประตูห้อง แล้วถามเธอกลับ “คิดว่ามาที่นี่ ต้องทำอะไรบ้างล่ะปานทิพย์” เขาถามแล้วไม่รอคำตอบทั้งยังช่วยชี้แจงราวกับเจ้านายใจดีว่า “นอกจากงานบ้าน ที่ต้องทำให้เรียบร้อยแล้ว งานบนเตียงเธอก็ต้องไม่บกพร่องด้วยนะ” บอกจบ เขาก็เดินเข้ามานั่งลงชิดกับเธอที่บนเตียง ใบหน้าของเขาเคลื่อนมาใกล้จนได้กลิ่นและได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ปานทิพย์ทำได้เพียงเปล่งเสียงแผ่วเบา เรียกชื่อเขาด้วยหัวใจสั่นหวิว “ดิน...” ณัฏฐ์โน้มตัวจนริมฝีปากอุ่นทาบกับริมฝีปากของเธอ ไล้นวลแก้มนุ่ม ๆ กระซิบเสียงพร่า “อนุญาตให้เรียกชื่อเล่นได้เฉพาะบนเตียงเท่านั้น จำไว้” แล้วเขาก็ปิดปากเธอแน่น พร้อมด้วยสัมผัสปลุกเร้าที่กายบอบบางเริ่มจะคุ้นเคยและชินไปกับมัน อดหลอกตัวเองไม่ได้ ว่ามันช่วยให้เธออุ่นขึ้น ทั้งกายและใจจนหลับไปทั้งรอยยิ้มหลังจากจบบทรักที่ร้อนกว่าครั้งแรกเสียอีก “ตื่นได้แล้วแม่คุณ” เสียงปลุกจากป้าเนียนดังปลุกเธอออกมาจากความฝัน ปานทิพย์ทำได้เพียงขยับเปลือกตาอย่างยากลำบาก เธอไม่ไหวจริง ๆ หากจะให้ตื่นนอนตอนนี้ หากสมองของเธอไม่ได้เลอะเลือนนัก เธอคิดว่าณัฏฐ์เพิ่งผละจากเธอเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนนี่เองนะ “ลุกขึ้น แล้วไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว คุณดินเรียก” พอได้ยินชื่อเขา ความง่วงงุนก็กระจายตัวสลายหายไปแทบทันที เท่าที่จำได้ เธอแทบไม่ได้หลับเลยนะ ก็เพราะว่าณัฏฐ์ปลุกเร้าความต้องการของเธอไม่หยุด ตั้งแต่เขาเปิดประตูเข้ามาบอกถึงหน้าที่ของเธอ จนผู้หญิงไร้ยางอายในตัวเธอตอบสนองเขาไม่หยุดเช่นกัน แล้วทำไมเขาถึงยังมีเรี่ยวแรงจิกเรียกใช้เธอแต่เช้าได้อีก ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วฝืนกายลุกขึ้นอาบน้ำล้างหน้าล้างตัว เพื่อออกไปหาเขา แต่ก็ไม่พบ จึงเดินกลับเข้าครัวด้วยชุดนุ่งน้อยห่มน้อยอีกชุดที่เขาซื้อไว้ให้เธอใส่ แล้วก็ได้รับสายตาตำหนิจากป้าเนียนกลับมาเช่นเดิม แต่ไม่มีคำพูดอะไรออกมาแบบเมื่อวานนี้อีกแล้ว อาจเพราะเอือมจะพูดแล้วล่ะมั้ง หลังเตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ณัฏฐ์ก็กลับมาในสภาพเหงื่อเต็มตัวทั้งชุดออกกำลังกายของเขา ปานทิพย์ไม่กล้าสบตาคมที่มองมายังเธอ จึงเอาแต่ก้มหน้าคอยบริการอาหารเช้าให้เขามือไม้สั่นนิด ๆ ขณะรอให้เขากินจนอิ่มเธอถึงกับยืนสัปหงกด้วยความง่วงงุน ก่อนจะสะดุ้งกระชากตัวให้ตรงเมื่อได้ยินเสียงเข้มสั่งเสียงดังขึ้นว่า “ไปรอที่ห้องทำงานข้างห้องรับแขก” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินนำไป พอมาถึงณัฏฐ์ก็ถาม “ทำบัญชีได้ไหม” ด้วยความหงุดหงิดบวกกับความหิวและง่วง เธอจึงตอบเขาไปว่า “ไม่ได้” “อะไรกัน ได้ข่าวว่าเกียรตินิยมเหรียญทองบัญชีไม่ใช่หรือ แต่ทำบัญชีง่าย ๆ ไม่เป็นเนี่ยนะ” เสียงเขาพูดเรื่องของเธออย่างคนรู้ประวัติมาดี จนอดแปลกใจไม่ได้ ว่าเขารู้เรื่องของเธอได้อย่างไร และรู้มากน้อยแค่ไหนกัน แต่แล้วณัฏฐ์ก็ไม่ทิ้งช่วงให้เธอได้คิดนาน เขายื่นสมุดลงบนโต๊ะเบื้องหน้าแล้วสั่ง “มาเอาไปดู อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย อย่าลืมนะปานทิพย์ว่าเธอมาที่นี่ทำไม” เธอมองเขาอย่างเคือง ๆ แล้วเดินไปหยิบมันมาเปิดออกดู ก่อนจะเดินไปทางประตู ณัฏฐ์กระชากเสียงถามขึ้นทันที “จะไปไหน” ปานทิพย์ชูสมุดในมือแต่ไม่ตอบอะไรเขา “นั่งทำในนี้” แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอ ขยับจนเธอถอยหลังไปเบียดกับประตู มือของเขายื่นไปกดล็อก พร้อมก้มลงกระซิบบอกตัวเลือกชิดใบหู จนขนกายของเธอแข่งกันลุกชันไปทั่วทุกรูขุมขนเลยทีเดียว “แต่ถ้าอยากนอนทำก็บอกได้ จะจัดให้” ปานทิพย์ผงะหนีไปอีกทาง ส่งค้อนให้เขาทันที แว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากเขา แต่ไม่ได้สนใจอะไร หลบไปที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ตรงมุมห้อง ตัดสินใจนั่งทำตรงนั้น พอเรียบร้อยเธอจะเอาเข้าไปให้เขาที่โต๊ะ ณัฏฐ์ทำมือว่าให้เธอรอเขาคุยสายก่อน จึงนั่งรออยู่สักพักแล้วเสียงคุยของเขาก็เหมือนเสียงขับกล่อมให้คนที่นอนไม่เต็มตานั่งพิงพนักหลับไปในที่สุด นานแค่ไหนไม่รู้ได้ แต่ปานทิพย์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อหัวเธอตกจากพนักพิงลงมาจนเกือบตกเก้าอี้ “ไปทำอะไรมา ถึงได้ง่วงขนาดนั้น” คนถามก้มหน้ากับสมุดงานตรงหน้า ก่อนจะเงยขึ้นส่งสายตาพราวระยับให้เธอ ปานทิพย์มองตอบเขาแล้ว ก็อดร้อนวาบไปทั่วท้องน้อยไม่ได้ นี่เขายังกล้าถามเธออีกหรือว่าไปทำอะไรมา เขานั่นแหละที่ทำ ปานทิพย์ลุกไปส่งสมุดให้เขา ณัฏฐ์รับมาเปิดดูผ่าน ๆ อยู่ครู่จึงปิดมันลง “พอใช้ ต่อไปงานของเธอก็จะมีเอกสารพวกนี้เพิ่มด้วยนะ ไม่ใช่แค่งานบนเตียงอย่างเดียวอีกแล้ว” ปานทิพย์งึมงำสวนออกไปทันที “โหดชะมัด” “ว่าไงนะ” ณัฏฐ์ถามเสียงเข้ม ลุกจากเก้าอี้ แล้วอ้อมโต๊ะ เดินตรงมาหาเธอ ราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว ปานทิพย์ถอยหนีแต่ก็ถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้ แล้วสาวเข้าไปกอดเสียแน่น พร้อมกับก้มลงถามย้ำอีกที “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” “เปล่า” “กล้า ๆ หน่อยสิ มัวพูดงุบ ๆ งิบ ๆ อยู่ทำไม” “ปานบอกว่าโหด พอใจหรือยัง” “แค่นี้จะพอใจได้ไง มันต้องแบบนี้สิ ดินถึงจะพอใจ” เขาบอกจบ ช้อนเธอขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานของเขา แล้วประทับริมฝีปากทาบลงทันที ปานทิพย์อ้าปากจะโวยก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขารุกราน ดูดดึงลิ้นของเธอได้อย่างที่เขาอยาก “เธอทำให้ร้อนได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ เลย รู้ตัวไหมปาน” เสียงเข้มเหมือนกล่าวชม แต่เป็นคำชมทำนองนี้ปานทิพย์ไม่ต้องการ มือไม้ของเขาล้วง แหย่ เขี่ยตรงจุดอ่อนไหวของเธอหนัก ๆ ปานทิพย์ดิ้นรนหนีแต่แล้วก็อ่อนเปลี้ย พ่ายให้เขาจนได้ ไม่นานเสียงของเธอก็ดังครางแผ่ว ๆ อย่างทุรนทุราย เพราะถูกปลุกอารมณ์ให้ตื่นเพริดด้วยเงื้อมมือที่แสนร้ายกาจของเขา ภายในห้องทำงานกลางวันแสก ๆ นั่น แล้วเสียงพูดคุยกันที่ดังผ่านหน้าต่างเข้ามา ก็เหมือนกับน้ำเย็นที่สาดใส่ทั้งคู่ให้ต้องผละออกจากกันโดยไว เสี้ยววินาทีที่เสียงประตูถูกเปิด แต่ไม่สามารถเปิดได้เพราะณัฏฐ์กดล็อกเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ เขายังไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาภายในเธอ เพียงแค่ลูบไล้กันไปมาเท่านั้น แต่หลักฐานที่แกนกลางกายของเขาก็นูนเด่นเป็นลำทีเดียว ปานทิพย์ลนลานไม่น้อยเช่นกัน เธอรีบใส่เสื้อให้มิดชิดมือไม้สั่น ก่อนที่ณัฏฐ์จะตรงไปปลดล็อกประตูแล้วเปิดมันออก อรนลินยืนยิ้มหวาน แล้วเดินเข้ามา ตามหลังมาด้วยป้าเนียน ปานทิพย์ยกมือขึ้นกอดอก แล้วยืนเบี่ยงตัวหลบที่มุมห้อง ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสังเกตเท่าไรนัก “เสร็จแล้วหรือคะ” ว่าที่คู่หมั้นของเขาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ปานทิพย์กลับรู้สึกแปลก ๆ กับคำถามเช่นนั้น จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร เป็นณัฏฐ์ที่ถามกลับไปด้วยเสียงที่ฟังแล้วไม่มีพิรุธเลยแม้แต่นิด “ทำไมมาไม่บอกกันก่อนละครับ” “ขอโทษค่ะพี่ดิน หนูดีลืมน่ะค่ะ นี่พี่ดินไม่ได้หลบ ๆ ซ่อน ๆ แอบทำตัวเกเรหรอกใช่ไหมคะ” คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับทำให้ปานทิพย์สะดุ้งสะเทือนขึ้นมาได้ แต่ณัฏฐ์ก็ยังดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของว่าที่คู่หมั้นของเขาเลยสักนิด หรือเพราะเขาหน้าหนากันแน่นะ “พี่นี่หรือจะเกเร” ณัฏฐ์เอ่ยด้วยท่าทีน่าเชื่อถือ จนเธออดนึกค่อนเขาอยู่ในใจไม่ได้ “แล้วนี่เสร็จงานหรือยังคะคุณปาน ถ้าเสร็จงานแล้ว หนูดีขอตัวพี่ดินแป๊บหนึ่งนะคะ” อรนลินพูดกับเธอด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อย ๆ แต่สายตาจับผิดอากัปกิริยาของเธอนิ่ง จนปานทิพย์สบตาตอบแล้วก็ให้ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ด้วยความรู้สึกผิด เธอพูดอะไรไม่ออก เอ่ยขอตัวแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที ตรงเข้าห้องแล้ว น้ำตาจากที่ไหนนักก็ไม่รู้ไหลพรากลงมาตามพวงแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮัก ที่ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว นอกจากวันเวลาจะครบตามที่เขาบอก แล้วเขาถึงจะยอมปล่อยเธอไป    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD