ปานทิพย์สะดุ้งตั้งท่าผละหนี แต่อีกฝ่ายไวกว่า ณัฏฐ์ลุกมาคว้าแขนเธอในเสี้ยววินาทีที่เธอเกือบจะหลุดพ้นจากเขา แล้วดึงลงบนเตียงนอน
เขาผลัก กดและกักร่างของเธอ ให้ลงนอนยังเบื้องล่างของเขา ผิวเนื้อเปลือยที่ด้านหลังกระทบเข้ากับความเย็นของที่นอนจนต้องผวา เธอเบิกตาโต ร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจกึ่ง ๆ แปลกใจ ที่เขาไม่ได้หมดสติอย่างที่เธอคิด
“ดิน ทำไมดิน”
“ปานไม่ใช่คนแรกที่พยายามวางยาดินหรอก”
ณัฏฐ์กวาดสายตาคมเข้มที่เธอมองเห็นความดุดันเต็มไปหมดข้างในนั้น พร้อมคำพูดกล่าวชมน้ำเสียงหมิ่นแคลน “แต่ก็ถือว่าปานมีความพยายามดีนี่”
เขาไม่พูดมากอีกต่อไป ก้มลงกดริมฝีปากบดจูบที่กลีบปากของเธอ ขบเม้มดูดดึงก่อนจะสอดรัดเนื้อร้อน ๆ ดิ้นได้เข้าไปควานหาความหวานข้างในอย่างเอาแต่ใจไม่ใช่น้อย
ปานทิพย์ดิ้นรนพยายามดิ้นหนี เธอเบี่ยงหน้าหลบ แต่ถูกเขาตรึงคางล็อกไว้แน่น หนีไปไหนไม่พ้น ลิ้นที่ถูกเขาดูดดึง เธอหลบเลี่ยงหลีกหนี ต่อสู้ ไม่ยอมให้มันพัลวันกันในโพรงปาก
แต่แล้วอาการหลบหลีกของเธอกลับกลายเป็นการจุดความต้องการของณัฏฐ์ให้ลุกไหม้โหมแรงมากขึ้น
เสียงทุ้มต่ำครางออกมาอย่างถูกใจ มือไม้อุ่นร้อนไต่ลงไปสัมผัสที่บั้นเอว ล้วงเข้าไปถลกผ้าชิ้นเล็กที่เบื้องล่างขยับดึงอย่างไม่ปรานีเลยสักนิด อีกมือของเขาดึงทึ้งที่ชิ้นบนที่ปิดทรวงอกของเธอ ออกแรงดึงพร้อมเขี่ยปลายนิ้วสะกิดที่ยอดอกของเธออย่างจงใจปลุกเร้า ก่อนจะปล่อยริมฝีปากของเธอ แล้วดึงผ้าชิ้นเล็ก ๆ ออกจนหมด พ้นสายตาของเขา
ณัฏฐ์กวาดมองทั่วเรือนกายของเธอ ด้วยสายตาที่เธอไม่เข้าใจ ก่อนจะตามลงมาเพื่อจุมพิตที่ปากของเธออีกครั้ง ปานทิพย์สั่นด้วยความกลัว เธอออกแรงดิ้นรน ผลักไส ดันเขาให้ออกห่าง
“จะดิ้นทำไม ต้องการแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
ณัฏฐ์ร้องถาม ห้ามมือเธอด้วยการกดตรึงกับเตียง แล้วซุกไซ้ใบหน้าลงที่ซอกคอของเธอ แตะลิ้นลงที่แอ่งชีพจร ไล้เลียลากมาที่ลำคอด้านหน้า ลากต่ำลงไปกว่านั้น
“ไม่ ไม่ ดินหยุดก่อน ฟังปานก่อน”
ปานทิพย์ยังคงดิ้นรน แม้จะอ่อนแรงกว่าเดิมก็ตามที เธอร้องปราม ละล่ำละลัก เอ่ยปากรั้งยั้งให้เขาหยุดการกระทำวาบหวามนี้
ณัฏฐ์งึมงำ ที่ไม่รู้ว่าเขากล่าวชม หรือเพียงแค่พูด เพราะมันคือบทพูดคุยบนเตียงก็เท่านั้น “ผิวของปานดีมากรู้ไหม หุ่นก็ดี”
จบประโยค เขาลากลิ้นลงไปจนถึงยอดอกของเธอ ครอบครองยอดปลาย เท่านั้นเองที่ทำให้ต้องหยุดดิ้นรนเพราะความร้อนแล่นพล่านไปทั่ว เธอบิดเร่าด้วยความรัญจวนแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต
ณัฏฐ์เปลี่ยนถ่ายย้ายฝั่งมาที่อีกข้าง ยิ่งสร้างความทรมานให้เธอมากยิ่งขึ้น ก่อนจะหยุด เพื่อยกศีรษะขึ้นสบตากับเธอ
ดวงตาของเขาออกสีดำเข้ม วินาทีนี้หยาดเยิ้มหวานไม่น้อย ปานทิพย์ส่งเสียงวอนขอเขาอีกครั้ง เสียงที่ตั้งใจร้องห้ามให้ฟังเข้ม ฟังดูจริงจัง ทำไมถึงได้หวาน อ่อน อ้อนจนเหมือนกับร้องขอเขาให้ดำเนินทุกอย่างต่อไปก็ไม่รู้
“ดิน ได้โปรด”
“นิสัยชอบแย่งของคนอื่นมันถ่ายทอดจากน้ามาถึงหลานได้เหมือนกันสินะ” ณัฏฐ์พูด สายตาเขาจ้องลึกเข้ามาในตาของเธอ ปานทิพย์ค่อย ๆ ประมวลผลจากประโยคของเขาเมื่อครู่ เสียงบอกห้วน ความหมายเจ็บปวด บาดเข้าไปในความรู้สึกของเธอเสียจนไม่มีหนทางให้กล่าวแก้ตัวได้แต่ประการใด
“จะไม่มีการรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น จำไว้นะปานทิพย์”
เขาประกาศกร้าว ร้ายกาจใส่เธอ แล้วก้มลงจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง
ปานทิพย์เสียดไปทั้งอกทั้งหัวใจ เธอเจ็บและแสบที่ริมฝีปาก รู้สึกว่าตัวเองพลาดไป ไม่น่าคิดอะไรตื้น ๆ และทำกับเขาแบบนี้เลย หากย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ยินยอมตกลงใด ๆ ทั้งสิ้นกับคนที่วานให้มาทำเรื่องพวกนี้เป็นอันขาด
ความคิดของเธอเริ่มเลือนหาย เมื่อรับรู้ได้ถึงนิ้วของเขาตรงส่วนแกนกลางกาย ปานทิพย์ร้องวอนเขา
“ดิน อย่า...”
ณัฏฐ์แตะนิ้วของเขาที่ตรงรอยแยกของเธอ ปานทิพย์หนีบขา หุบเข้า ไม่ให้เขากระทำการใด ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่แล้วเขากลับพาตัวเองเข้ามาเบียดแทรกที่ระหว่างขาของเธอ เขาปลดกางเกงออกเพียงอย่างเดียว แล้วล้วงเอาซองสีเงินออกมาฉีกออก หยิบของด้านในดันออกสวมลงที่ตัวตนของเขาทันที แล้วแทรกส่วนนั้นของเขาเข้ามาที่ด้านในของเธอทันที
“ฮือ เจ็บ ปานเจ็บ”
ปานทิพย์ร้องครวญ เนื้อตัวของเธอทั้งสั่น ทั้งแสบที่ส่วนนั้น ได้ยินเสียงเขาสบถเบา ๆ ส่วนที่ตึงแน่นเมื่อครู่ก็หายไปแทบทันที
ณัฏฐ์ก้มลงจูบเธอใหม่ ส่วนมือของเขาก็เขี่ย ปลุกเร้าไปยังส่วนที่ไวต่อสัมผัสของเธอ จนความรู้สึกเมื่อก่อนหน้าหายไปสิ้น ขนอ่อนบนลำตัวของเธอลุกฮือ เมื่อถูกเขาแตะลิ้นลากไล้ไปทั้งตัว อ่อนเปลี้ย ซาบซ่าน เมื่อเขาขบเม้มไปตามผิวอ่อนของเธอ
เสียงหวีดร้อง ทั้งเสียวทั้งซ่าน ปนเสียงหายใจหอบกระเส่าของชายหญิงในห้องนอนห้องนั้น ดัง ๆ หยุด ๆ สลับกันจนหมดคืนจวบจนรุ่งเช้า
ปานทิพย์ลืมตาตื่นเมื่อพยายามดิ้นรนจากฝันร้าย ฝันที่ถูกรัดรอบตัวด้วยความดำมืด มองไม่เห็นสิ่งที่กระทำลงมา จนหายใจไม่ออกและเหมือนจะหมดลมในที่สุด ถ้าไม่ชิงตื่นจากฝันร้ายนั่นเสียก่อน
สีขาวสว่างจ้าของฝ้าเพดานด้านบนปลุกให้สมองตื่นตัวขึ้นอีกนิด รู้สึกถึงน้ำหนักแขนของคนสักคนที่กอดรัดพาดที่เอว จึงทำให้นึกได้ว่า นี่คงเป็นต้นตอของฝันร้ายก่อนตื่นสินะ
พลันนั้นเองที่น้ำตาเอ่อคลอหน่วยขึ้นในทันที เมื่อนึกถึงคำพูดร้ายกาจของเขาเมื่อคืนนี้
‘จะไม่มีการรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น’
ไม่รับก็ไม่รับสิ
ใช่ว่าเธอจะต้องการเสียที่ไหนกัน
เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิด คล้ายจะมลายสลายลงตรงนั้นเมื่อนึกว่าสูญเสียความสาวไปแล้ว พยายามกลั้นใจ กลั้นน้ำตา ค่อย ๆ ยกแขนของเขาขึ้น เมื่อพ้นจากลำตัวได้แล้ว ปานทิพย์จึงเขยิบตัวออกจากความอบอุ่นชนิดเดียวในห้อง ที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ เหวี่ยงเท้าลงบนพื้นห้องได้แล้ว ก็ให้รู้สึกระบมร้าวตรงส่วนนั้นของร่างกาย แต่ก็ต้องฝืนตัว ก้มหยิบเศษซากชุดชั้นในที่อยู่คนละทิศคนละทางมาสวมพอใส่จนเกือบครบ
ก็ค่อยเดินให้เงียบเสียงที่สุด เข้าไปหยิบเดรสที่ถอดทิ้งไว้มาสวมจนเรียบร้อยดี
มองคนที่นอนอยู่บนเตียงอีกที เห็นเขาขยับพลิกตัวคล้ายกับจะตื่น ก็ค่อยกลั้นลมหายใจ เกร็งไปหมดทั้งตัว ภาวนาให้เขาหลับต่อไป
พอห้องยังคงเงียบเสียง ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากคนบนนั้นอีก ก็เขย่งขากระย่องกระแย่งเดินตรงไปที่ประตูทันที
พอจะเปิดประตูห้องออก ก็นึกถึงกระเป๋าของตัวเอง จึงต้องย้อนกลับมาอีกครั้ง แล้วเดินตามหามัน เธอจำได้ว่าเมื่อคืนวางเอาไว้บนเคาน์เตอร์นี่นา ก่อนจะเกิดเรื่องผิดแผนนั่นขึ้น แล้วตอนนี้มันอันตรธานหายไปไหน แล้วก็อดที่จะบ่นหาไม่ได้
“อยู่ไหนนะ”
บ่นจบ กระเป๋าสะพายของเธอ ก็โผล่พรวดลงมาที่เบื้องหน้าทันที ใจหายวาบ เมื่อมีเสียงถามที่ด้านหลัง ชิดใบหู มาพร้อมลมหายใจอุ่นจนร้อนของเขา “หานี่อยู่หรือ”
ปานทิพย์ครางชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ปนตกใจ “ดิน” แล้วผงะหนี แต่ก็ไปไหนไม่รอด
“จะไปไหนเล่า” ณัฏฐ์ถาม ลากเธอกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ปานทิพย์ออกแรงดิ้น เอาตัวรอดสุดชีวิต โวยลั่นว่า
“ดิน ปล่อยปานเดี๋ยวนี้นะ”
ณัฏฐ์ปล่อยตามที่เธอบอก แต่เป็นการเหวี่ยงเธอลงบนเตียงยับย่น ที่ผ่านศึกกามารมณ์มาทั้งคืนจนเช้า แล้วตามลงมากักเธอไว้ทั้งตัว โน้มลงถามชิดริมฝีปากของเธอ
“ดินถามว่าจะไปไหน ปานยังไม่ตอบดินเลยนะ”
คนโดนถามเบี่ยงหน้าหนี แต่ทำไม่ได้เพราะถูกเขาตรึงคางไว้ เธอจึงใช้วิธีหลบสายตาไปทางอื่นแทน “ปานจะกลับ”
“กลับไปไหน ก็นี่ห้องปานไม่ใช่หรือ” เสียงของเขาถามหยัน ๆ
ปานทิพย์เม้มปากแน่น พูดไม่ออก
ที่นี่ใช่ห้องของเธอที่ไหนกัน มันเป็นห้องที่เช่ามาจัดฉากต่างหาก
“ปล่อยได้แล้ว ปานมีธุระต้องไปทำ”
“จะไปก็รอดินตื่นก่อนสิ นี่อะไร น้ำแตกก็จะแยกย้ายกันเลย ที่แท้ก็ชอบมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยนี่เอง” สายตาคนถามไม่เรียบนิ่งแบบเมื่อคืนนี้อีกแล้ว ดูพราวเจ้าเล่ห์ไม่น้อย คำพูดคำจาก็ดูถูกเธอเสียเหลือเกิน
ปานทิพย์อึ้งและโกรธกับคำพูดดูถูกแบบนั้น เขาดูไม่ออกหรอกหรือว่าเธอไม่เคยผ่านเรื่องบนเตียงมาก่อน แต่ณัฏฐ์ไม่สน ไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง แล้วเริ่มสอบสวนหลังจากลงทัณฑ์เธอไปแล้ว
“ส่วนไอ้วิธีแบบนี้นี่ ดินว่ามันคุ้น ๆ นะ ช่วยบอกดินที ว่าใครที่ชี้ทางให้ปานใช้วิธีแบบนี้ แย่งผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วน่ะ”
ปานทิพย์ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เธอจะบอกเขาไม่ได้เด็ดขาด
ณัฏฐ์จึงใช้วิธีที่เขามักถนัดโดยเฉพาะเวลาที่ต้องข่มขวัญพวกเหลือบไรในวงการธุรกิจของเขา “ถึงปานไม่พูด นักสืบเก่ง ๆ สักทีมของดินก็คงสืบจนรู้อยู่ดี ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเมื่อคืนนี้ แล้วปานรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น”
“ดินจะทำอะไร” ปานทิพย์รีบถามขัดอย่างร้อนรน เมื่อเห็นแววกระด้างในตาเขา
ณัฏฐ์ทำท่าคิดอึดใจแล้วตอบด้วยท่าทีเหมือนราชสีห์กำลังหยอกเอินหนูตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง “คงจะซ้อมจนน่วม ไม่ต้องถึงตายหรอก แล้วเอาไปปล่อยลงอ่าวไทย ให้ปลาช่วยทำลายหลักฐานไง ปานว่าดีไหม”
ฟังเขาเข้า เลือดเย็นขนาดนี้เธอแอบรักเขาเข้าไปได้อย่างไรกัน ปานทิพย์ส่ายหน้าหวือทันที “ไม่ดี ดินทำแบบนั้นไม่ได้นะ”
“พวกชอบแย่งของชาวบ้านก็ต้องเจอแบบนี้แหละ เอ จะว่าไป น้าของปานก็เป็นประเภทนี้เหมือนกันนี่ ชอบแย่งผัวชาวบ้านไง”
ปานทิพย์เรียกเขาเสียงแข็ง “ดิน!”
“หรือไม่จริง” ณัฏฐ์ยิ้มเยาะ เขาจ้องเธอที่อยู่ใต้ร่างของเขาจนตาแทบถลนออกมา ก่อนจะดันตัวหนี เมื่อความต้องการดำมืดเริ่มจะครอบงำเขาอีกครั้ง แค่เพียงได้กลิ่น ได้เบียด ได้ชิด ได้สบตาเท่านั้น ของของเขามันพร้อมจะรุกล้ำ ทะลุทะลวงเข้าสู่ตัวเธอจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว และเขาไม่อยากให้เธอรู้ความต้องการข้อนี้ ก่อนสำทับไปว่า
“ถ้าไปไหน โดยไม่มีดินออกไปด้วย ลูกน้องดินที่รออยู่หน้าห้องก็พร้อมจะลากปานไปรุมโทรมทันทีเลย ไม่เชื่อก็ลองดู”
ปานทิพย์นอนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเขาจะลุกหนีจากเธอไปแล้วก็ตามที เธอกลัวจนตัวสั่น ไม่นึกไม่คิดว่าเขาจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
นี่เขามีลูกน้องคอยเฝ้าด้วยหรือ
เธอคิดอย่างงุนงง
“เอ้า เอาไป เผื่ออยากไปมอมยาใครอีก” ณัฏฐ์โยนห่อกระดาษที่เธอจำได้ว่าขยำทิ้งไว้อย่างรีบ ๆ เมื่อคืนใส่หน้า แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ
แล้วถึงได้ดันตัวลุกนั่ง นิ่งอึ้ง คิดทบทวน ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ณัฏฐ์ดื่มยานอนหลับนี่แล้ว แต่ไม่หลับ
แล้วที่คอพับไปนั่นล่ะ
อย่างนั้นเขาก็แกล้งหลับหลอกเธอน่ะสิ
เรื่องนี้มันไม่ควรผิดพลาดเพราะวางแผนและซักซ้อมมาอย่างดีตั้งหลายเดือน แต่ความจริงที่ปรากฏตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้านี้ก็เห็นแล้วว่ามันพลาด จึงได้แต่นั่งรอเขาเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น
ณัฏฐ์เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูสีขาวพันท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่เอาไว้ เรียกให้เลือดในเรือนกายของเธอสูบฉีด พุ่งพล่านไปทั่ว จนใบหน้าร้อนวูบและคงแดงก่ำไม่น้อย
เบือนหน้าหนี ไม่กล้ามอง เธอรู้สึกอาย แม้จะแนบชิดสนิทแน่นกันหลายครั้งเมื่อคืนนี้ก็ตามที
“เข้าไปล้างหน้าล้างตาให้มันดูดีกว่านี้หน่อย”
ณัฏฐ์สั่งเสียงห้วน คล้ายหงุดหงิดรำคาญใจ เมื่อเห็นใบหน้าของเธอ ปานทิพย์ก้มหน้า แล้วเดินหลบเข้าห้องน้ำไปเสีย
พอเข้ามาในห้องน้ำได้ เห็นเงาตัวเองในกระจกที่สะท้อนออกมาก็แทบร้องกรี๊ด ดวงตาที่คัดเบ้ามาอย่างสวย แต่งดำแบบสโมกกี้อาย บัดนี้สีดำนั่นหยดย้อยตามคราบน้ำตาอย่างน่าเกลียดน่ากลัว ผมเผ้าของเธอกระเซิงไม่เป็นทรงใกล้เคียงคนบ้าเข้าไปทุกที
ปานทิพย์หน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย ถึงว่าสิ เขาเลยไล่ให้เธอเข้ามาล้างหน้าล้างตา คงทนเห็นสภาพของเธอไม่ได้นี่เอง
แล้วเปิดน้ำ ก้มลงล้างเท่าที่พอทำได้ จนเครื่องสำอางหลุดออกไปพอสมควร ค่อยจัดแจงล้างอย่างอื่นต่อจนเรียบร้อยหลังจากนั้น
เยี่ยมหน้าออกไปมอง คนที่นั่งรออยู่ก็ยืนกอดอกมองนิ่งมาที่เธอ
ณัฏฐ์ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงหน้าใส ๆ เรียบ ๆ หงิม ๆ อย่างปานทิพย์จะกล้าทำอะไรแบบเมื่อคืนนี้ อดีตในภาพจำของเขา คือปานทิพย์ขี้อาย เรียบร้อย พูดน้อย ไม่ใช่มารยาสาไถย ลูกล่อลูกชนเยอะแยะแบบที่พยายามแสดงนั่นเลย และตอนนี้เขาก็ไม่สนใจจะหาคำตอบด้วยว่าปานทิพย์ทำไปเพราะอะไร ได้แต่สรุปเอาเองว่าคงแค่ต้องการจับผู้ชายแบบน้าของตน
เขารู้ว่าเธอยังไม่เคย ยังสด ยังใหม่
เขาผ่านผู้หญิงมาตั้งมากมาย ทำไมจะไม่รู้เรื่องพวกนี้
แต่แล้วกลับไม่มีความสงสารเลยแม้แต่นิดเดียวที่ได้รู้
น่าทุเรศสิ้นดี
เสียดายความรู้สึก
ณัฏฐ์บอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็ปัดความคิดนั่นทิ้งไป เขาจะไม่ให้เธอมามีอิทธิพลใด ๆ เหนือจิตใจของเขาเป็นอันขาด ไม่มีทาง!
แล้วจึงอดพูดจาเหยียดหยันใส่อีก อย่างที่ห้ามปากตัวเองไม่ได้ “แต่งตัวเปิดบนเปิดล่าง หน้าก็แต่งเสียแก่ นึกว่าผู้ชายทุกคนเห็นแล้วก็จะชอบหรือไง”
คนโดนว่าหน้าซีด ก้มลงมองชุดตัวเองอย่างเก้อกระดาก ยกมือลูบแก้มเบา ๆ ด้วยว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ตอบโต้เขาแบบไหนดี อีกความคิดก็ค่อย ๆ ผุดเข้ามา นึกไม่ถึงว่าเขาจะวิจารณ์ได้รุนแรงขนาดนี้
“นักเรียนเรียนดีอย่างปานสิ้นคิดได้ขนาดนี้เลยหรือ”
ปานทิพย์หน้าซีดไม่พอ ตอนนี้เธอชาไปเลย เมื่อเขาพูดจบแล้วลุกขึ้นเดินนำหน้าออกไปก่อน เธอก้าวขาตามหลังเขาไปห่าง ๆ นึกหาทางกลับว่าจะกลับอย่างไรดี ยังดีที่เดรสไม่ได้ถูกดึงทึ้ง ฉีกจนขาดวิ่นแบบบราที่อยู่ด้านใน
งานที่ทำก็ไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ เพราะหลังจากถ่ายภาพเขาได้แล้ว และถูกณัฏฐ์ล่วงล้ำเข้ามาอย่างไม่ปรานี เขาก็แย่งเอาโทรศัพท์ของเธอไปลบภาพทิ้งจนหมด และตอนนี้เขาก็ยึดโทรศัพท์ของเธอไปแล้วด้วย
คิดมาถึงตรงนี้ เธอเดินออกจากห้องมาพอดี แล้วมองหาคนของเขา ที่ณัฏฐ์บอกว่ายืนคุมที่นอกห้อง แต่ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าห้องอย่างที่เขาขู่เลยสักคน ปานทิพย์จึงได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ถูกเขาหลอก ลิฟต์มาถึงแล้ว เธอหันหลังทำท่าจะหนีไปทางอื่น แต่กลับถูกเขาดึงเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
เขากดลิฟต์ลงไปยังด้านล่าง แล้วกุมข้อมือของเธอแน่นอย่างไม่ลดแรงลงเลยสักนิด พาไปยังรถของเขา
“จะไปไหน”
ปานทิพย์ถามเสียงเบาหวิว เมื่อณัฏฐ์พามาที่รถหรูนำเข้าสีดำ ที่มีไม่ถึงสิบคันทั้งเอเชีย เขาไม่ตอบ เปิดประตูได้ก็ดันเธอให้เข้าไปในนั้นอย่างไร้ความปรานี แล้วผลักประตูปิดอย่างเดิม ปานทิพย์คว้าที่จับประตูจะเปิด แต่กลับเปิดไม่ออก
ณัฏฐ์ตามเข้ามาที่หลังพวงมาลัย พาขับออกไปยังอีกเส้นทาง ที่เป็นถนนนอกเมือง พูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ปานต้องชดเชย ที่ทำตัวไร้สามัญสำนึกแบบนั้นกับดิน”
เธอช้อนตามองเขา ถามเสียงตื่น ๆ “ดินหมายความว่ายังไง”
“อยากขึ้นเตียงกับดินนักไม่ใช่หรือ ดินจะให้ปานขึ้นเตียงกับดินทั้งวันทั้งคืนทุกที่ทุกเวลาสมใจอยากเลย”
ได้ยินคำตอบจากเขาแล้ว ปานทิพย์หน้าซีดลงอีก จนตอนนี้ใบหน้าของเธอแทบจะไร้ซึ่งสีเลือดแล้วด้วย ปากคอสั่นบอกเขา “แต่ปานต้องทำงาน”
เขาหันมองเธอแวบเดียว แล้วมองกลับไปยังถนนเบื้องหน้าบอกเสียงติดจะหมิ่นอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน ดินจะจ้างปานเองหลังจากนี้ ผู้หญิงแบบปานเดือนเดียวดินก็เอียนแล้วล่ะ ส่วนค่าเสียเวลา เดี๋ยวดินจะเขียนเช็คให้ เอาเท่าไรดี” เขาบอกอย่างใจป้ำในตอนท้าย
ปานทิพย์เลี่ยงประเด็นเรื่องเงินไปแล้วพาดพิงถึงคนที่อาจจะช่วยเธอได้ “ถ้าว่าที่คู่หมั้นดินรู้เข้าล่ะ”
แต่แล้วก็โดนเขาตอกกลับมา “ถามถึงแฟนดินทำไม แล้วไอ้ที่ปานพยายามทำเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะอยากให้ดินมีปัญหากับแฟนหรอกหรือ”
ปานทิพย์ได้แต่งันไป เธอเถียงไม่ออก
“ดินว่าดินคิดไว้ไม่ผิดหรอกว่าใครที่ช่วยปานวางแผนเรื่องสกปรกแบบนี้ คงเป็นคุณสมัยใช่ไหม” ณัฏฐ์สรุปความคิดของเขา ถามหมิ่นเธอ ก่อนจะทำท่าราวกับเพิ่งนึกอะไรได้ “โอ๊ะ! น้าเธอเปลี่ยนชื่อแล้วนี่ อะไรโชติโชตินะ”
ปานทิพย์ไม่เคยสัมผัสมุมร้าย ๆ ของณัฏฐ์มาก่อน
เธอไม่คิดว่าเขาจะกวนประสาทได้ขนาดนี้
ใช่ที่น้าของเธอมีชื่อเดิมว่า ‘สมัย’ มาก่อน เพิ่งเปลี่ยนมาเป็น ‘รัศมีโชติ’ ไม่กี่ปีมานี้เอง
“น้าเดือนไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะดิน อย่าใส่ความคนอื่นลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐาน”
ณัฏฐ์จุปากคล้ายรำคาญใจ สีหน้า แววตาของเขาดูออกชัดว่าเขาไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ก่อนบริภาษด้วยวาจารุนแรงจนเธอนึกไม่ถึงอีกครั้ง “ไปเรียนนิสัยแพศยามาจากไหน สอนดีเหมือนกันนี่”
ทำไมเธอจะต้องมานั่งให้เขาต่อว่าหยาบ ๆ คาย ๆ แบบนี้ด้วย ปานทิพย์บอกเขากลับ โดยไม่มองหน้าเขา “จอดรถเลย ปานจะลง”
ณัฏฐ์บอกโดยไม่หันมามองหน้าเธอเช่นกัน “ลงตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นปานทิพย์ แต่ร้านกาแฟเล็ก ๆ กับหุ้นนิด ๆ หน่อย ๆ ในพอร์ตของน้าเธอ ได้ปลิวหายเหมือนผงกาแฟถูกเป่าแน่ ไม่เชื่อ อยากลองดีกับดินก็เอาเลย”
เขาขู่อย่างรู้ข้อมูลมาเป็นอย่างดี พร้อมพารถหรูจอดลงตรงริมทางเท้า ตวาดไล่ “ลงไปสิ! อยากลงก็ลงไป!”
ปานทิพย์คอแข็ง หันไปมองหน้าคนขับด้วยแววตาคับแค้นใจ เขาขู่ให้เธอไปกับเขา ไปขึ้นเตียงกับเขาทั้งวันทั้งคืน เพราะคิดว่าเธอทำลงไป คือต้องการจับเขา เงียบไปครู่ ค่อยเอ่ยปากถาม
“นานแค่ไหน”
ณัฏฐ์ส่งเสียงหยันในลำคอ เข้าใจความหมายของคำถามเป็นอย่างดี “เกินสามวันนี้ได้ก็เก่งแล้ว ไม่ต้องห่วง จ่ายค่าเสื่อมให้สมกับได้เปิดซิงแน่นอน”
“แล้วดินจะเลิกอาฆาตเรื่องพวกนี้เลยใช่ไหม”
“ดินว่า...” ณัฏฐ์หยุดคำพูดของเขา หันมาสบตาเธอแล้วค่อยเอ่ยต่อ “ปานไม่น่าจะมีสิทธิ์ต่อรองอะไรได้นะ” พูดจบ กระชากรถขับมุ่งหน้าต่อ โดยไม่มีการพูดจาอะไรกันอีกหลังจากนั้น
หากนี่จะเป็นผลจากการกระทำ ปานทิพย์บอกตัวเองว่าเธอก็ยินยอมรับมัน แม้สิ่งที่เสียไปจะเรียกร้องอะไรไม่ได้ และจะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ จากเขาก็ตามที
เธอขอยอมรับมัน ปานทิพย์บอกตัวเองอย่างขมขื่นเช่นนั้น