หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปมอง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธออุตส่าห์รีบวางรีบออกมาแล้ว เขายังจะออกมาเจออีก จังหวะนรกจริง ๆ
“นะ...น้าวี ปิ่นเอาเอกสารฝากไว้ที่คุณเล...เอ๊ย...พี่พิมพ์ลักษณ์แล้วค่ะ ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ปิ่นรักยกมือไหว้เสร็จ ก็หมุนตัวกลับอย่างเร็ว แต่ยังไม่ทันก้าวเดิน เสียงเขาก็ตรึงขาเธอไว้จนก้าวไม่ออก
“มานี่!!”
“...”
“ปิ่นรัก กลับมานี่!!...หรือต้องให้ฉันไปลากตัวเธอกลับมา” น้ำเสียงเข้มดุ ทำให้หญิงสาวต้องจำใจหันกลับไปคุยกับเขา
“ปิ่นจะกลับบ้านแล้ว นัดน้าพลอยไว้”
“กลับพร้อมฉัน”
“ไม่เป็นไรๆ ปิ่นกลับเองสะดวกกว่า น้าวีจะได้ทำงาน ปิ่นไม่อยากกวน”
“ปิ่นรัก!!” น้ำเสียงเฉียบขาด พร้อมสายตาบีบบังคับให้เธอปฏิบัติตามโดยไม่มีทางเลือก
“แต่ว่า”
“ฉันบอกว่าให้กลับพร้อมกัน”
คำพูดเด็ดขาดของปฐวี ภายใต้ใบหน้านิ่งสงบ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดูดีและน่าเกรงขาม รวมถึงตำแหน่งของเขายิ่งส่งให้อีกฝ่ายดูยิ่งใหญ่ที่สุดตรงนี้ และมันกำลังบีบเธอให้ตัวลีบเล็กลงไป จนไม่อาจต่อกรกับเขาได้
“ค่ะ”
ปิ่นรักเดินคอตกกลับมาที่โต๊ะของพิมพ์ลักษณ์ เธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองน้าเขย เพราะรู้สึกไม่พอใจ มันไม่ถูกต้องเธอไม่ใช่ลูกน้องของเขา ทำไมต้องบีบบังคับกันด้วย
เลขาสาวยื่นเอกสารให้ปฐวี แต่ชายหนุ่มกลับพยักหน้าให้ยื่นส่งให้ปิ่นรัก หญิงสาวรับมาถือไว้ ก่อนจะเดินตามหลังเขาต้อย ๆ หายเข้าไปในห้องด้วยกัน
พิมพ์ลักษณ์มองตามหลังคนทั้งคู่ไปด้วยความแปลกใจ ปฐวีไม่เคยสนใจใครมากกว่าเรื่องงาน ถึงสาวสวยคนนี้จะเป็นหลานสาว แต่ก็เป็นหลานสาวฝั่งภรรยา น้าเขยกลับสนใจราวกับเป็นหลานตัวเอง ถึงแม้จะแสดงออกเป็นแบบแข็งกร้าวแต่ก็ดูออกว่าใส่ใจไม่ห่างเหิน
เจ้านายเธอไม่เคยเซ้าซี้ใคร ไม่เคยแสดงอารมณ์อื่นใด นอกจากนิ่งเฉย ไม่เคยขึ้นเสียง นอกจากใช้สายตาสั่ง แล้วที่เธอเห็นเมื่อครู่คืออะไร
ปิ่นรักเข้ามานั่งรอในห้องทำงานของน้าเขย รอเป็นชั่วโมงปฐวีก็ยังก้มหน้าอยู่กับงานบนโต๊ะ และไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสักที เธอเริ่มทนไม่ไหวแล้ว มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง เปิดไลน์ดู พลอยขวัญก็ยังไม่อ่านข้อความของเธอ
“มานี่สิ”
“น้าวีมีอะไรคะ”
“ฉันบอกให้มานี่”
“ค่ะ”
หญิงสาวลากเท้าช้า ๆ ไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของปฐวี แต่เขากลับใช้สายตาสั่งให้เธอเดินเข้าไปหาเขาที่เก้าอี้ เธอจึงขยับเข้าไปหาอย่างเสียไม่ได้
“พิมพ์เอกสารนี่”
“น้าวีทำไมไม่ให้พี่พิมพ์ลักษณ์พิมพ์ให้ล่ะคะ”
“พลอยอยากให้เธอมาช่วยงานที่บริษัทฉันไม่ใช่เหรอ ลองทำดูสิ ฉันจะได้ประเมินว่าที่น้าเธอเคยพูดไว้ มันจริงหรือแค่ราคาคุย”
พลอยขวัญเคยพูดกับปฐวีว่าอยากให้ปิ่นรักมาช่วยงาน นั่นเพราะอยากให้หลานสาวมาคอยจับตาดูสามีกับเลขาสาว และก็คอยขัดขวางไม่ให้สองคนใกล้ชิดกัน ถึงแม้จะมองไม่เห็นประโยชน์แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
แต่พอเกิดเหตุการณ์ต้องใช้เนื้อตัวช่วยประสานรอยร้าวของครอบครัวน้าสาว ปิ่นรักก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเข้ามาทำงานที่นี่เด็ดขาด
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ พิมพ์เสร็จปิ่นจะได้กลับ”
ปิ่นรักมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ของทุกอย่างจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ไม่น่าจะเคลื่อนย้ายได้ แล้วเธอจะนั่งพิมพ์งานยังไง
หญิงสาวกำลังจะเดินไปลากเก้าอี้หน้าโต๊ะมานั่ง แต่ปฐวีกลับขยับตัวลุกขึ้นยืน แล้วกดไหล่เธอให้นั่งลงแทนที่เขา
“แล้วน้าวีจะนั่งยังไง ปิ่นเอาเก้าอี้ตัวนั้นมานั่งก็ได้ค่ะ” เธอชี้ไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะ
“ไม่ต้อง นั่งนี่แหละ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นปฐวีเดินออกไปจากห้อง ปิ่นรักก็ถอนหายใจออกมา ดีใจที่เขาออกไป เธอจะได้รีบพิมพ์ให้เสร็จ ขืนมานั่งใกล้และคอยจับตามอง มือไม้คงสั่นจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกกันพอดี
พอเริ่มลงมือพิมพ์งานสมาธิเธอก็จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่สนใจสิ่งรอบตัว จึงไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเดินกลับเข้ามาแล้ว กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เมื่อปฐวีนั่งลงที่พักแขนเก้าอี้ที่เธอกำลังนั่งอยู่ แขนยาวเอื้อมผ่านหลังไปหยิบปากกาที่วางอยู่ฝั่งขวามือเธอ เท่ากับตอนนี้เขากำลังโอบกอดเธอไว้
ปิ่นรักนั่งตัวแข็งทื่อ จมูกได้กลิ่นกายเฉพาะของเขาบ่งบอกว่าปฐวีใกล้ชิดกับเธอมากจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนผ่าวด้านหลัง หญิงสาวได้แต่นั่งตัวเกร็งไม่กล้าขยับตัว
“เสร็จยัง” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังชิดริมหู ก่อนจะขนลุกซู่ขึ้นมา เมื่อเขาใช้ปากขบเม้มใบหูเล็กของเธอ
“น้าวี!!” ถึงจะเคยใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันมาแล้วสองครั้งสองเหตุการณ์ แต่เธอก็ไม่ชิน และไม่อาจทำตัวนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“หือ?”
“ขยับออกไปก่อนได้มั้ยคะ...ปิ่น...พิมพ์ไม่ถนัด” หญิงสาวพูดเสียงสั่น เมื่อเกิดความรู้สึกร้อนวาบตรงต้นคอ เขาจูบเธอ!!
“พิมพ์ไปสิ เก้าอี้ก็ตัวใหญ่นั่งไม่ถนัดอีกเหรอ”
“มะ...ไม่ใช่ค่ะ ปิ่นไม่มีสมาธิถ้าใครมานั่งจ้องเวลาพิมพ์”
“งั้นก็ไม่ต้องพิมพ์”
“คะ?”
ปฐวีจับเก้าอี้เธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ปิ่นรักเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย เขาจะเอายังไง เดี๋ยวให้พิมพ์ เดี๋ยวไม่ให้พิมพ์
แต่พอสบตาวาวโรจน์คู่นั้นแล้ว ปิ่นรักก็ต้องผงะถอย สายตากดดันกำลังจ้องมาราวกับเธอไปทำความผิดร้ายแรง แผ่นหลังหญิงสาวร้อนวูบวาบ เป็นสัญญาเตือนว่าไม่ปลอดภัย
“นะ...น้าวี ขยับออกไปค่ะ ถ้าไม่ให้ช่วยแล้ว ปิ่นก็จะกลับบ้าน”
“ไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นใคร?”
“คะ?”
“ฉันถามว่าไอ้นั่นเป็นใคร คนที่พาเธอไปกินข้าว และยังให้มันกอดที่ร้านอาหาร”
“ไม่ได้กอดสะหน่อย แค่นั่งใกล้กัน”
“ฉันมีตา เห็นชัดว่ามันจับหัวเธอและก็ดึงเข้าไปกอด” พูดเสร็จเขาก็ใช้มือจับศีรษะเธอ ก่อนจะลูบผมยาวสลวยไปจนถึงกลางหลัง หญิงสาวนั่งตัวแข็งทื่อไม่รู้จะหลบหนียังไง
“มะ...ไม่ใช่พี่เค้าแค่จับหัวเล่น”
“เธอคบกับมัน?”
“เค้าเป็นรุ่นพี่ที่ปิ่นไปฝึกงานค่ะ”
“แล้วทำไมไปกับมันสองคน กินข้าวเสร็จแล้วไปต่อที่ไหน โรงแรม? หรือม่านรูด”
“น้าวี!! จะดูถูกกันมากไปแล้วนะ”
“ฉันรู้จักเธอดีต่างหาก ขนาดผัวน้ายังกล้านอนด้วย แล้วไอ้ไก่อ่อนนั่น ดูก็รู้ว่ามันกำลังหลงเธอ”
“ก็ถ้าพี่เค้าขอ บางทีปิ่นก็อาจจะตกลงก็ได้”