ภาพเฮียทานต์ พี่ชายแสนใจดีเมื่อหลายปีก่อนถูกปารารินทำลายไปเองด้วยมือของเธอ
ตอนนี้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือชายหนุ่มดุดันที่พร้อมจะบดขยี้เธอให้แหลกคามือด้วยความโกรธแค้นหรือรังเกียจก็สุดรู้ รู้แต่ว่าเขาไม่อยากให้เธอเข้าใกล้
“ฮ...เฮียขยับออกไปหน่อยสิ” รวบรวมความกล้าร้องขอออกไป กลิ่นหอมในแบบผู้ชายและความใกล้ชิดจนแทบจะแนบเนื้อกันแบบนี้กำลังทำเด็กสาวใจเต้นรัว
นอกจากความกลัวแล้วยอมรับว่าตื่นเต้นมากที่มีโอกาสเข้าใกล้เฮียทานต์ในลักษณะนี้ หลังจากไม่เคยเฉียดใกล้เขามาหลายปี
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นปารารินไม่เคยกล้ามองหน้าผู้ชายคนนี้เลย
แค่เห็นไกล ๆ เธอก็พยายามหาทางเลี่ยง และหลบหน้าตลอดเวลาด้วยกลัวจะเจอดวงตาสมเพชจากเขา
อีกทั้งคำสั่งห้ามเข้าใกล้ของเฮียทานต์ก็คือคำประกาศิตที่ปารารินจำไม่เคยลืม ตลอดเกือบสามปีมานี่เธอบังคับตัวเองให้เลิกสนใจเขา และหลบเลี่ยงได้เสมอ
วันนี้ถือเป็นวันโคตรซวยของปาราริน...ใคร ๆ ก็เตือนแล้วว่าใกล้ถึงวันเกิด ให้ระวังตัวเพราะมันจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น
สำหรับปารารินแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องร้ายธรรมดา แต่มันคือเรื่องเลวร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้ ทำไมเธอต้องพบชะตากรรมแบบนี้ด้วย...วันเกิดครบสิบแปดปีของเธอ ขอเจอเรื่องดี ๆ หน่อยไม่ได้เชียวหรือ
ไม่เพียงหลบหน้าเขาไม่ทัน แถมยังเข้าใกล้ชนิดที่ได้กลิ่นกายอันคุ้นเคยเสียด้วย...แกถูกบีบคอตายแน่ปาราริน!
คนตัวสูงแสยะยิ้มมุมปาก ส่งเสียงหัวเราะในลำคอแล้วผละร่างออกห่างคนที่พยายามจะผสานตัวเองเข้าไปในผนัง
ชายหนุ่มยกมือเท้าเอวเอียงคอมองเพื่อจะได้เห็นแววตากลมหวาดระแวงคู่นั้น สูดหายใจยาวลึกอย่างอดกลั้นกับกลิ่นหอมบางอย่างที่มักกระตุ้นความรู้สึกที่พยายามเก็บกดเอาไว้ ใจหนึ่งอยากเข้าใกล้อีกนิดแต่เสียงห้ามปรามจากสำนึกฝ่ายดีก็ทำเขาต้องเผลอกำมือแน่น ก่อนจะกัดฟันพูดกับสาวน้อยตรงหน้า
“สั่งอะไรไว้ จำไม่ได้ใช่ไหมปาราริน”
“จำได้ค่ะ”
“แต่ก็ยังโผล่หน้ามาที่นี่อีก” ขณะพูดก็ขยับเข้าใกล้ด้วยท่าทีคุกคามอีกครั้ง เอียงคอมองใบหน้าก้มงุดของยายเด็กตัวอวบอิ่ม กดดันให้เธอเงยหน้ามองสบตา...เงยหน้าขึ้นมาสิ ยายเด็กดื้อ!
ปารารินถอยกรูดเข้าผนังเหมือนใช้มันเป็นที่พึ่ง ยกสองมือขึ้นเป็นเกราะกำบังไม่ให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัว เธอรู้ว่าหากเฮียทานต์โมโหขึ้นมาทีไร เขาพร้อมจะขย้ำศัตรูให้แหลกด้วยมือเปล่าทันที
“ร...รินขอทำจนถึงสิ้นเดือนนะคะเฮีย รินรับปากพี่โน้ตไว้แล้วไม่อยากผิดคำพูดค่ะ” รีบบอกความจำเป็นที่เธอยังมาทำงานที่นี่ ทั้งที่รับปากไปแล้วว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกตามคำสั่งของเฮียทานต์
คนได้ฟังคำแก้ตัวชักสีหน้าบึ้งตึงมากขึ้นกว่าเดิม หรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ
“เธอเห็นคำพูดคนอื่นสำคัญกว่า?” กระชากเสียงถามห้วนจัดอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าบูดบึ้งนึกถึงไอ้พี่โน้ตที่ถูกกล่าวถึง
“เปล่านะคะเฮีย ค...คือพี่โน้ตเขา...เอ่อ...”
“หุบปาก! แล้วฟังให้ชัด ๆ อีกครั้งปาราริน ไม่งั้นเรื่องนี้ถึงหูป๊ากับม๊าเธอแน่นอน รู้ใช่ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าฉัน...”
“ฮ...เฮียอย่านะคะ” ปารารินผวาตัวคว้ามือที่กำลังทำท่าล้วงกระเป๋ากางเกง เดาได้ทันทีว่าเขาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาทำอย่างที่พูดแน่
หากเรื่องที่เธอทำงานพิเศษกลับบ้านมืดค่ำถึงพูดป๊าม๊าเธอ มีหวังพรุ่งนี้พวกท่านต้องเรียกตัวเธอกลับไปอยู่บ้านตามเดิมแน่นอน นั่นหมายถึงความฝันของเธอจะพังทลายและดับวูบลงในที่สุด ปารารินยอมไม่ได้
“เฮียทานต์อย่าบอกป๊าม๊าเลยนะคะ รินขอร้อง” เกาะแขนเขย่าแรง ๆ ใบหน้าที่ก้มงุดตลอดเวลาแหงนเงยขึ้นอ้อนวอน ใช้วิธีที่เคยได้ผลสมัยที่ตัวเองยังได้รับความเอ็นดูจากเขา และหวังว่ามันจะได้ผล
“เฮียทานต์...” น้ำเสียงหวานหยดประจบประแจง ซบหน้ากับท่อนแขนที่เกิดอาการสะดุ้งเกร็งขึ้นเล็กน้อยยามใบหน้านวลอิ่มสัมผัส “เฮียทานต์อย่าใจร้ายกับรินเลยนะคะ” พยายามออดอ้อนด้วยการถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่เคยทำเป็นประจำเวลาอยากได้อะไรจากพี่ชายใจดีคนนี้ และมันได้ผลทุกครั้ง กระทั่ง...
“อย่ามาไร้สาระ” พร้อมกับถ้อยคำตัดรอน ก็คือศีรษะเธอถูกผลักเบา ๆ ออกจากท่อนแขนที่คลอเคลียอยู่ ปารารินอุทานเล็กน้อย ไม่ได้ตกใจกับการกระทำนั้นเท่าไรนักเพราะก็พอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ใช่น้องสาวที่เขาเคยเอ็นดูอีกต่อไป นับตั้งแต่วันนั้น
เด็กสาวทำหน้ามุ่ยส่งสายตาหมั่นไส้ให้เจ้าของมือที่ใช้ผลักเธอเหมือนรังเกียจ
“เฮียอะ สงสารรินหน่อยสิคะ เฮียอยากให้รินเป็นคนไม่รักษาคำพูดเหรอ...”
“เธอเป็นไปแล้วปาราริน รับปากฉันแต่ก็ทำไม่ได้” เสียงที่พยายามบังคับให้ห้วนถูกเอ่ยขึ้น ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่ถูกความนุ่มนิ่มรบกวน ดวงตาเข้มจัดยามมองผิวเนียนละเอียดนั้นและรับรู้สึกความทรมานที่ก่อตัวขึ้น นึกโมโหที่ยายเด็กนี่กวนสมาธิเขาได้ทุกครั้งยามอยู่ใกล้
ดูเหมือนตัวต้นเหตุแห่งอารมณ์ขุ่นมัวของชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีแปลก ๆ ของเขา
“ก็ใช่ รินไม่เถียง” ยอมรับแต่โดยดี “แต่ถ้ารินผิดคำพูดกับพี่โน้ต รินก็จะผิดคูณสองนะเฮีย ไหน ๆ ก็ต้องผิดแล้ว รินก็ขอผิดแค่กับเฮียคนเดียว แล้วกับพี่โน้ต...” ยิ่งพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย ดูเหมือนยิ่งทำให้คนฟังเดือดดาลมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
“นี่!...” คนฟังตวาดลั่นด้วยความโมโห ชี้นิ้วจิ้มหน้าผากเกลี้ยงเกลาจนอีกฝ่ายผงะแทบหงายหลัง “เธอเลือกจะทำผิดกับฉันแทนไอ้พี่โน้ต...” บดกรามกรอดเค้นเสียงออกมาอย่างเหลืออด รู้สึกฉุนขาดขึ้นมาทันทีที่ตัวเองถูกทำเหมือนคนไร้ค่า
ยายตัวอวบนี่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาและตัดเขาทิ้งอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน! ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่วิ่งตามเขาเป็นเงาตามตัว เกาะติดคล้ายเป็นอวัยวะของกันและกัน
“เฮีย...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เฮียอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ ฟังรินอธิบายก่อน” ปารารินอ้าปากค้างตกใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด
เธอไม่ได้คิดแบบนั้นเลยให้ตายสิ ก็แค่คิดว่า...คิดว่า...ไม่ผิดคำพูดกับพี่โน้ต เธอจะได้รับค่าจ้างเต็มเดือน ก็เท่านั้นเอง! แต่จะอธิบายยังไงให้มันฟังดูดีได้ล่ะทีนี้
“อธิบาย!” คนกำลังโมโหแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ
“เก็บคำพูดเธอไปอธิบายกับป๊าม๊าเธอก็แล้วกัน...” พึมพำเสียงรอดไรฟันก่อนจะยิ้มร้ายแล้วเอ่ยทำพูดทิ้งท้าย “อ่อ...แล้วก็ไอ้ปกด้วยนะ”
“เฮีย!...” สาวน้อยอุทานตกใจสุดขีดที่ได้ยินชื่อพี่ชายคนเดียว ปารารินแทบเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น ทว่าจำต้องฝืนตัวเองแล้ววิ่งตามคนที่กำลังเดินห่างออกไป
พี่ชายเธอจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่เพียงเขาจะสั่งให้กลับไปอยู่บ้าน แต่เฮียปกจะเป็นห่วงเธอจนไม่มีสมาธิเรียน หรือบางทีอาจถึงขั้นบังคับให้ปารารินไปอาศัยอยู่ที่บ้านเฮียทานต์ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และเรื่องราวมันอาจเลวร้ายถึงขั้นเรื่องที่เธอเคยก่อเอาไว้จะถูกเปิดเผย ทุกคนจะผิดหวังในตัวปาราริน เธอจะมองหน้าทุกคนได้อย่างไร
ทำไมเฮียทานต์ต้องใจร้ายแบบนี้ด้วยนะ
“เฮียทานต์อย่าบอกเฮียปกนะรินขอร้อง” ร้องตะโกนอ้อนวอนพลางเอื้อมมือคว้าชายเสื้อของอีกฝ่ายแล้วกระชากเบา ๆ เห็นอาการหยุดเดินแล้วหันร่างกลับมาอย่างกะทันหันก็ต้องรีบจิกเท้ากับพื้นเพื่อยั้งจังหวะก้าวเท้า
ทว่าความที่วิ่งมาด้วยความเร็วมาก ปารารินไม่สามารถหยุดตัวเองได้ทันจนทำให้ร่างทั้งร่างปะทะเข้ากับเรือนกายกำยำในชุดนักศึกษาที่ยืนเป็นกำแพงหินอยู่ตรงหน้า
“โอ๊ะ...” เสียงร้องที่ดังออกมาจากกลีบปากรูปกระจับอวบอิ่ม นอกจากเจ็บแล้วยังมีอาการตกใจร่วมด้วย
ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์แสดงความไม่พอใจของเฮียทานต์ทำสาวน้อยปารารินรีบดีดตัวถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะเซเสียหลักหงายหลังลงไปนั่งหน้าซีดอยู่บนพื้น ฝ่ามือที่ใช้พยุงตัวเกิดอาการเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
ทางด้านคนถูกชนกลับยืนนิ่ง จ้องมองร่างอวบอิ่มในชุดนักเรียนมอปลายด้วยแสงตาบางอย่าง ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อขยับเดินเข้าไปใกล้ มองเมินอาการสูดปากด้วยความเจ็บของอีกฝ่าย โน้มตัวลงเล็กน้อย
“กลับไปซะ ฉันเตือนเป็นครั้งสุดท้าย”