จะก้าวเท้ากลับเข้าไปข้างในก็ไม่ทันแล้ว ลูกค้าจ้องซะขนาดนั้นก็ต้องเดินหน้าทำหน้าที่อย่างเดียว
ปารารินเบี่ยงลำตัวหันข้างให้เคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งขณะนี้เฮียปรินทร์ หรือคุณชายจอมโหดของวริษา เจ้าของร้านเดย์ไนท์คาเฟ่สุดชิคในย่านนี้กำลังเดินตรงไปทักทายก้องภพ เพื่อนรุ่นน้องในกลุ่มเดียวกัน พร้อมกับเจ้าของร่างสูงใบหน้านิ่งสงบที่มีชื่อเรียกแสนสั้นแต่เท่สุด ๆ ว่าทานต์
แน่นอนว่าทันทีที่พวกเขาสองคนปรากฏกายเข้ามาในร้าน เสียงวี๊ดว๊ายของสาว ๆ ก็อื้ออึงราวกับพวกหล่อนรอเวลานี้มานานแสนนานอย่างใจจดใจจ่อกันเลยทีเดียว หากทว่าไม่มีสาวนางใดหาญกล้าพอจะลุกขึ้นทักทายคุณชายจอมโหดกับเทพบุตรหน้าตายเลยสักคน เนื่องจากใบหน้าและแววตานิ่งเฉยของสองหนุ่มไม่ต้อนรับไมตรีจากผู้ใด
ปารารินต้องเดินด้วยท่าทางแปลก ๆ หันหลังให้เคาน์เตอร์บาร์ จนกระทั่งถึงโต๊ะเป้าหมายก็รีบก้มหน้าก้มตาจดรายการอาหารและเครื่องดื่มจากลูกค้าทันที
“ขออนุญาตทวนรายการอาหารนะคะ” ขณะทำงานก็ชำเลืองมองความเคลื่อนไหวบางอย่างไปด้วยความหวาดระแวง
กระทั่งเห็นสองหนุ่มคู่ซี้แยกตัวจากก้องภพ ทิ้งอีกฝ่ายให้อยู่ในวงล้อมของสาว ๆ ตามเดิม
พวกเขาพากันหายเข้าไปตรงทางเดินเพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานบนชั้นสองนั่นแหละ สาวน้อยปารารินจึงปล่อยลมหายใจยาวออกมา “เฮ่อ...โล่งอก โชคดียังเป็นของเรา” ปารารินพึมพำในใจพลางซอยเท้าเดินเร็ว ๆ เข้าไปส่งออเดอร์ เสร็จจากนั้นก็เข้าไปเตรียมแก้วน้ำ จานชามและถังบรรจุน้ำแข็งนำไปส่งให้ลูกค้าต่อ
ความวุ่นวายทำให้พนักงานเสิร์ฟแทบทุกคนไม่มีเวลาแม้จะหยุดพักหรือพูดคุยกัน รวมถึงปารารินเองด้วย
ยิ่งแสงอาทิตย์เริ่มถูกแทนที่ด้วยความมืดสลัวมากเท่าใด ดูเหมือนจำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นักดนตรีสดต่างทยอยขึ้นไปเตรียมอุปกรณ์บนเวทียกพื้นสูงตรงมุมที่ทางร้านจัดไว้ให้
เด็กสาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อเมื่อสบโอกาสหลังจากเสิร์ฟอาหารลงโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินกลับเข้ามาหลบพักเหนื่อยอยู่ด้านใน ลืมความหวาดระแวงกลัวใครคนนั้นจะสังเกตเห็นไปสนิทใจ
“ริน...” เสียงกระซิบจากด้านหลังทำเจ้าของชื่อสะดุ้งทั้งตัวเหมือนคนมีความผิด รีบหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าคนเรียกคือ วริษาจึงพรูลมหายใจยาวออกมาพลางกลอกตามองเพดาน
“ฝน! แกเห็นไหมใครเดินมากับคุณชาย” ต่อว่าด้วยเสียงที่บังคับให้เบาที่สุดที่เพื่อนมาทำให้ตกใจ ลากแขนสาวแว่นเข้าไปหลบมุม แล้วเข่นเขี้ยวจนวริษาทำคอย่นเอนตัวหนี
“เห็นสิวะ ถึงได้ออกมาดูแกนี่ไง” สีหน้าเป็นห่วงเพื่อน
“ฉันนี่ขนหัวลุกไปหมด” ทำท่าลูบแขนทั้งสองข้างประกอบคำพูด
“ฉันก็ด้วยไหมล่ะ ไอ้คุณชายดันเสือกมองมาเห็นฉันเหมือนกัน ป่านนี้คงหาเรื่องเรียกฉันไปด่าแน่ ๆ เลยวะ เอาไงดีริน ชิ่งก่อนเลยไหมเรา” วริษาบ่นอุบ ขนาดเธอรีบวิ่งหลบเข้าห้องครัวแล้วแต่อิตาคุณชายจอมโหดก็ดันเหลือบมาเห็น สายตาคมกริบราวกับมีดโกนที่ตวัดหางตามองมายังติดตาไม่หาย ลางร้ายกำลังจะมาเยือนเธอในอีกไม่ช้า โทษฐานที่แอบทิ้งหน้าที่ออกมาเม้าส์ในเวลางาน
“เฮียทานต์เห็นแกไหมริน” วริษาหมายถึงชายหนุ่มอีกคนที่เดินเคียงคู่มากับคุณชายจอมโหด เจ้าของฉายาเทพบุตรหน้าตาย เพื่อนสนิทของเฮียปรินทร์ผู้ซึ่งเป็นคู่กรณีของปารารินเช่นกัน
“ไม่รู้ว่ะ เดินเชิดหน้ามองตรงขนาดนั้นไม่น่าเห็นนะ”
“ว่าได้เหรอแก เห็นมองผ่านหัวคนแบบไม่สนโลกแบบนั้นน่ะ สายตาพี่แกไม่ธรรมดา แกก็รู้นี่”
“ก็เพราะรู้ไง ฉันถึงได้มาหลบอยู่ในนี้อะ ลากลับตอนนี้เจอด่าเปิงแน่ ลูกค้ากำลังแน่นร้านแบบนี้ด้วย” ปารารินโอดครวญ รู้กิตติศัพท์ความโนสน โนแคร์ใด ๆ ของสองหนุ่มคู่ซี้เป็นอย่างดี
ในความเมินเฉยกับทุกสิ่งนั้น พวกเขารอบรู้และหูตากว้างไกลอย่าบอกใครเชียว เนื่องจากเป็นคนกว้างขวางทั้งในมหาวิทยาลัยและในวงการธุรกิจ
เรียกได้ว่าเป็นพวกมีอิทธิพลในคราบนักศึกษาเลยก็ว่าได้ พวกเขามีรุ่นน้อง รุ่นพี่ให้การยอมรับและสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น บางครั้งนอกเวลางานพวกเขาก็มักจะมีคนคอยตามคุ้มครองอยู่ห่าง ๆ อีกด้วย
หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้เป็นทายาทนักธุรกิจรายใหญ่ทุกคน พวกเขามีกิจการของตัวเองกันทั้งนั้น ยามอยู่ในมหาวิทยาลัยเขาเป็นนักศึกษาหนุ่มหล่อขวัญใจสาว ๆ ทว่าอยู่ข้างนอก คนพวกนี้คือนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามอง
คุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้พวกเขาจึงเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั้งหลาย
ไม่ยกเว้นแม้แต่ปารารินเองที่เคยคลั่งไคล้เฮียทานต์อย่างหนัก จนนำไปสู่เหตุการณ์อันน่าอับอายครั้งหนึ่งในชีวิตที่จำไม่ลืมและเป็นเหตุผลให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเขามาจนทุกวันนี้
“คิดจะลองดีกับฉันหรือไง”
เสียงนิ่งเรียบทว่าเข้มดุพร้อมหาเรื่องที่ดังอยู่ด้านหลังทำเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายชะงักเท้าที่กำลังจะเลี้ยวเข้ามุมตึกทันที
ร่างอวบอิ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่กระจายปกคลุมอยู่รอบตัว มือไม้พลันเกิดอาการชื้นเหงื่อขณะสูดลมหายใจยาวลึกเพื่อระงับอาการตื่นกลัวระคนประหม่าเขินอายอยู่ในที
ก็ในเมื่อผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจเธอมาตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อสาว ผ่านมากี่ปีหัวใจสาวน้อยก็ยังคงหวั่นไหวและสั่นหวิวยามอยู่ใกล้เขา ต่อให้เขาแสดงท่าทีไม่พอใจหรือไม่ชอบหน้าเธอ ปารารินไม่เคยโกรธหรือเลิกชอบได้เลย
แต่ในยามนี้ปารารินต้องข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ไม่เผลอแสดงออกไปเพราะน้ำเสียงดุดันไม่พอใจของเฮียทานต์ที่เห็นเธอมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในที่ที่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับปาราริน
คำสั่งให้เธออยู่ห่างจากเขา ห้ามเข้าใกล้ในระยะสายตามองเห็น หลังจากปารารินทำเรื่องน่าอายเอาไว้คราวนั้น สาวน้อยไม่เคยลืม แต่ที่ต้องขัดคำสั่งเป็นเพราะเหตุจำเป็นบางอย่าง ซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ว่ายังไง! ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” เสียงดังใกล้เข้ามายิ่งทำให้ปารารินอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทว่าเท้าทั้งสองข้างหนักอึ้งแทบขยับไม่ได้
ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของคำถาม เพราะรู้ว่าต้องเจอกับอะไรจึงเอาแต่หลุบตามองพื้น เห็นปลายรองเท้าหนังขัดมันวับก้าวเข้าประชิดยิ่งรู้สึกตัวลีบลงไปเรื่อย ๆ
“ปา...รา...ริน ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง!” เน้นย้ำทีละคำและจบท้ายด้วยเสียงตะคอกข่มขู่ เด็กสาวที่เบียดตัวเองเข้ากับผนังหลับตาปี๋ย่นคอหนี แข้งขาอ่อนคล้ายจะทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ปะทะใบหน้า
หากเป็นคนอื่นตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันคงฟิน โคตร ๆ แล้วเก็บเอาไปฝันดีได้หลายคืน แต่ไม่ใช่ปารารินคนนี้ ต่อให้คลั่งไคล้หลงใหลสักแค่ไหนก็ฝันร้ายได้อยู่ดี เพราะรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นที่น่ารังเกียจของเฮียทานต์
“ด...ได้...ยินค่ะ...ฮ...เฮียทานต์” กว่าจะขานรับออกไปได้จนจบประโยค ทำเอาปารารินเหนื่อยหอบไปหมด
“ได้ยินแล้วทำท่าจะเดินหนี!?”
“ป...เปล่าค่ะ...เอ่อ...” ถ้าไม่รีบเดินหนีก็ต้องเจอแบบนี้ยังไงล่ะ แอบต่อประโยคในใจ เพราะไม่กล้าพอจะพูดมันออกมาให้ถูกหักคอ
“มารยาทน่ะมีไหม ก้มหน้าก้มตาคุยกับผู้ใหญ่แบบนี้ได้เหรอ...ห๊ะ” ยังข่มขู่เหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติก่อนก็ไม่ปาน ซึ่งมันก็สมควรอยู่หรอกที่เฮียทานต์จะโกรธเกลียด สาวน้อยคิดในใจอย่างปลง ๆ รอรับชะตากรรมที่เป็นผลของการกระทำอันแสนไร้เดียงสาของตัวเอง
ภาพเฮียทานต์ พี่ชายแสนใจดีเมื่อหลายปีก่อนถูกปารารินทำลายไปเองด้วยมือของเธอ