จนเขานึกขึ้นมาในความรู้สึก มีบางอย่างทำให้เขาตื่นเต้นและแปลกใจพร้อมๆ กัน
คือร่างที่นั่งเงียบสงบ มีแต่เพียงเส้นผมสลวยดกดำของหล่อนที่ประบ่า ช่วยปิดบังใบหน้าดูเหมือนหล่อนจะนั่งคิด
เอ หรือว่า ก้มหน้า หรือว่า ทำท่าจะง่วงนอน ใช่เหมือนจะสัปหงก
เมื่อฝีเท้าของเขาก้าวเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกว่า หล่อนช่างเป็นคนที่เขา เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแน่
เพราะสายตานั้นเหมือนจะคุ้นเคย แทนที่ ภูอนลจะก้าวไปที่ตู้กระจกเก็บเอกสารที่เขาเผลอลืมในคราวครั้งก่อน
กลับเดินอ้อมมายังข้างหน้า เพื่อสำรวจให้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หล่อนมาทำอะไรที่นี่ตามที่ นางสาวแจ่มเอ่ยบอกเขา
“คุณ” เสียงเรียกจากภูอนลเบาๆ ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าเป็นหล่อน หากแต่ที่หัวคิ้วก็ขมวดเป็นเชิงกังขา
ฝ่ายช่องิ้วหรือชิดชลัย หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมองพร้อมกับสะดุ้งตกใจในคราวเดียวกัน ตำหนิตัวเองว่า เผลองีบหลับไปได้อย่างไร ภายในห้องมีแอร์ที่ปรับอุณหภูมิเย็นจนหล่อนนึกเคลิ้มหลับไป
เมื่อหล่อนจ้องใบหน้าคนที่ทักหล่อนเช่นกัน พร้อมข้างในใจหล่อนนั้นรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“คุณนี่เอง เอ้อ คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะคะ”
“ผมเองควรจะถามคุณมากกว่าครับ ว่าที่คุณเข้ามานั่งในนี้ ที่ผมทำงานอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือครับ”
ถูกเขาถามสวนแบบนี้ ชิดชลัยคอแข็งแล้วก็นิ่ง แต่เมื่อชิดชลัยไม่อยากให้เขาจับความรู้สึกของหล่อนได้
จึงปรับเปลี่ยนมาเป็นปกติ ตั้งสติก่อน หล่อนจะให้เขารู้ความจริงไม่ได้ ในการที่หล่อนย่างก้าวมาที่นี่ แม้จะเกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ก็จำต้องบอกเขา ในเมื่อเขาก็พูดออกมาแล้วว่า เขาทำงานอยู่ที่นี่
“เอ หรือว่า นัดนายคมกล้าเอาไว้”
เขาพูดแบบนี้เขาจำได้ว่าเหตุการณ์ที่พบในคราวก่อน หล่อนอยู่กับคมกล้า ในกลุ่มนั้นมีผู้หญิงมาด้วย เมื่อเขาพูดและคาดเดาไปแบบนี้
ช่องิ้วหรือชิดชลัยจึงเอ่ย
“อ๋อ ไม่ใช่หรือกค่ะ ฉันมาทำงานและมีนัดหมายคุยเรื่องงานกับคุณศักดา”
เมื่อหล่อนเอ่ยคำนี้ เขาเข้าใจดี นายศักดาเป็นบิดาแท้ของ คมกล้า และเป็นน้องชายของนายมุทธาพ่อเลี้ยงของเขา
“งั้นเชิญคุณตามสบายนะครับ ผมแค่จะมาเอาของของผม แล้วก็กลับออกไป”
เขาพูดแบบนั้น ชิดชลัยไม่รู้หรอกว่า ของที่ว่านั่นของเขาคืออะไร
ต่อมาหล่อนจึงได้รู้ว่า ที่เขามาโผล่ตัวแถวตู้กระจกที่มีเอกสารเรียงเป็นตับนั่น เขาดึงแฟ้มเอกสารสีเทามาใบหนึ่ง จากนั้นถือติดมือมาด้วย
การพบกันของหล่อน กับนายศักดาที่ว่าจ้างให้หล่อนเป็นพรีเซนเตอร์และงานอีเว้นต์ใหม่ของบริษัทนี้ การตกลงเป็นไปโดยไม่ยากแค่ช่องิ้วใช้ปากกาเซ็นรับข้อตกลงในการทำสัญญาและรับเงินค่าตัวมัดจำไปจำนวนหนึ่งเป็นเช็คจากธนาคาร
“เอาเป็นว่าเมื่อเป็นที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทางผมก็สบายใจ เอ้อ คุณ ช่องิ้วก็สบายใจด้วย”
หล่อนยิ้มหวานอีกครั้ง เป็นยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ยามหว่านโปรย แม้แต่นายศักดาก็พยายามจ้องมาที่หล่อนเรียวปากอิ่มหยักคล้ายดั่งดอกกุหลาบ คงละมุนน่าดู
อันที่จริงหล่อนอยากจะทราบต่อมาอีกว่า ชายหนุ่มที่หล่อนมาเจอะเจอพานพบเขาเป็นครั้งที่สอง ที่ชื่อ คุณภู คือใคร แต่ยังระงับใจไม่ถาม เพราะว่าหล่อนไม่เห็นเขาอีกครั้ง
หัวสมองของหล่อนให้มาก่ายเกี่ยวแค่เรื่องงานแล้วก็จบ หล่อนรับรู้กับสายตาของนายศักดาที่มองมายังหล่อน
มันดูอันตราย แต่ก็ดีที่ภายในห้องมีหล่อนอยู่กับเขารวมทั้งคนใช้ด้วย และมีผู้หญิงกับผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสำคัญภายในบริษัท เพื่อมาเป็นพยาน
แล้วหล่อนก็หมุนตัวจากไป เมื่อเสร็จจากเรื่องนี้ไปอีกเปลาะ ไม่รอช้า ก็คงถึงเวลาของหล่อนที่จะต้องเดินทางกลับ
และคงจะทำธุระอะไรต่อมิอะไรอีกล่ะ แม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่หล่อนก็ไม่ท้อแท้นะ
งานเด่นเงินดี ค่อนข้างสูง และที่สำคัญลึกๆ นั้นหล่อนต้องการกระชากหน้ากากชั่วของคนสามานย์พวกนี้ หมดธุระเสียที ต่อไปหล่อนจะไปลัลลาที่ไหนล่ะ อ้อ ลองถามใครสักคนดูสิ แหย่กลับ หล่อนมีเบอร์ของคมกล้า ที่เขากล้าขอในวันนั้นและหล่อนก็ยินยอมให้ ให้ไปแล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณคมกล้า” น้ำเสียงของหล่อนรื่นเริงและหวานหูยิ่งนัก
คมกล้าแทบจะหูผึ่งเขายังอยู่บนที่นอนกับแพริน ผู้หญิงที่เขากกกอดมาทั้งคืน งัวเงียตื่นเพราะน้ำเสียงหวานนั่น วันนี้คมกล้าไม่ได้ไปทำงานเพราะสาเหตุนี้เขากกและเขาขลุกอยู่กับโคโยตี้สาวมาทั้งคืน
นายศักดาผู้เป็นบิดาโทร.มาตามให้เขาไปทำงานเขาก็ไม่รับสาย ทำให้นายศักดาหัวเสียอย่างมาก และเขาคิดว่า จะกลับไปชี้แจงให้ท่านทราบในภายหลัง
“คุณ คุณ ช่อ”
“ค่ะ ช่องิ้วเอง เราเคยเจอกันมาแล้วนี่คะ”
หล่อนหยอดเสียงหวานใสมีเสน่ห์พยายามสะกดคนฟัง และมันได้ผลชะงัดนัก กับผู้ชายพันธ์เจ้าชู้ยี่ห้ออย่างคมกล้า
“ใช่ครับ ผมจำได้” ตอนนี้เขาเลิกสนใจเรื่องอื่น แม้แต่แพรินนอนหลับสนิท เพราะความอ่อนเพลีย
“ตายจริง เพิ่งตื่นหรือคะเนี่ย”
ฟังจากน้ำเสียงที่ดูงัวเงียหน่อย หล่อนคาดเดาว่าเขาเพิ่งตื่น
“เอ้อ เมื่อคืนนี้หนักหน่อย”
เขาบอกหล่อนอย่างนั้น
แต่ช่องิ้วหรือชิดชลัยพยายามถามเขาแบบกระแทกจิ้มลงกลางใจ
“หนักแบบไหนกันคะ หนักเหล้าหรือว่าผู้หญิง”
เขาสะดุ้งกับคำนี้ของหล่อน ยิ้มแหะให้พร้อมกับตอบลงไป
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ทั้งเหล้าและทั้งผู้หญิง”
“งั้น ช่องิ้วจะไม่ขอพูดดีกว่าค่ะ ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง” หล่อนจัดการบอกเขาไปอย่างนั้น เพื่อให้รู้ว่า หล่อนก็มีความท้าทายเขาไม่น้อย
ทำให้คมกล้าอ้าปากค้าง สิ่งที่เขากลัวมากที่สุด คือหล่อนจะตัดรอนความสัมพันธ์กับเขา
ซึ่งคมกล้าไม่มีทางอย่างเด็ดขาด แม้เขาจะมีคู่หมั้นแล้ว หล่อนสวยโปรไฟล์ดี ทั้งฐานะและชาติตระกูล แต่นั่นผู้ใหญ่เลือกให้ เขาก็ชอบที่ได้มีเงินถังเงินถุงเปรียบเหมือนบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ให้เขาได้สูบ กอบโกย
“เอ้อ ไม่ ผมไม่พูดแล้ว ว่าแต่คุณงิ้ว โทร.มาหาผมนี่ เพราะอะไรครับ ผมนะดีใจมากเลยเชียว ไม่นึกว่าคุณจะโทร.มาหาผม”
“ฉันไปที่บริษัทมา แหม เจอแต่คุณศักดาแต่ไม่เจอคุณ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราคงจะได้พบและเจอกันอีกครั้งในเร็วๆนี้แน่”
เมื่อหล่อนพูดแบบนั้น ทำเอาเขาตกใจอยู่บ้าง เพราะนายศักดาคือบิดาบังเกิดเกล้าของเขา นี่ช่องิ้วรู้ได้ยังไง เพราะเขาไม่เคยบอกหล่อน
“อย่าได้ตกใจนะคะ ว่าดิฉันได้ข้อมูลมาจากไหน อินเตอร์เน็ตไงคะ ที่บอกกล่าวความสัมพันธ์ และรูปที่ลงผ่านอินสตาแกรม ขอโทษด้วยนะคะ ฉันสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลของคุณ ก็เลยทราบข้อมูลมาอย่างนี้”
เขาหรือจะโกรธหล่อน คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาในยุคนี้ หากถ้าเป็นคนอื่นที่คมกล้าไม่ชอบ และเขาไม่อยากรู้จักมักจี่ด้วย เขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทีเดียว ที่มาละลาบละล้วงรู้ถึงข้อมูลส่วนตัว
แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเป็น ช่องิ้ว ผู้หญิงที่ผู้ชายต่างปรารถนาหล่อนทั้งเมือง ด้วยความมีเสน่ห์ อาจจะไปถึงลีลาเด็ดด้วยซ้ำไป
“เอ้อ ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธ”
“อุ้ย ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ช่องิ้วดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่ตอนแรกนึกว่า คุณคมกล้าจะไม่พอใจเสียอีก”
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับคุณ ผมยกเว้นให้”
แล้วที่มุมปากของชิดชลัยยิ้มเยาะ สันดานคนเอาเปรียบเห็นแก่ตัว มันก็แถได้เรื่อยล่ะ หากแต่หล่อนกลับยิ้มหวานเจื้อยลงไป
“งั้นขอบคุณนะคะ เจอกันวันงาน”
หล่อนแทบจะปิดบทสนทนาไปทันที เพืยงเพื่อจะรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเท่านั้น
แล้วหล่อนก็จะสามารถจัดการตามที่ตัวเองต้องการ เหนื่อยเหลือเกินกับการไล่ล่าฟาดฟันกับคนชั่ว แต่หล่อนต้องอดทน
ตกใจอย่างมาก คมกล้าไม่อยากให้หล่อนวางสายกับเขาในเวลานี้ แต่หล่อนวางไปแล้วเพราะเขามีเรื่องจะถามกับหล่อนหลายอย่าง แต่ไม่ได้การแล้วล่ะ
ทำเอาเขาโมโหฟัดเหวี่ยงประสาคนที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว
“ปั้ดโธ่เว้ย คุยกันยังไม่รู้เรื่องเลย จะรีบชิงวางสายเสียแล้ว”