ตอนที่ 4

1157 Words
“ค่ะ....เมย์ลาออกจากงาน....เอ้อ....มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะคะ แค่อยู่ในที่ ๆ เคยอยู่แล้วไม่สบายใจก็อยากหาที่อยู่ใหม่สักพัก”             “คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ”             เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง             “ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี”             “แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “             หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันออกไปทางชายหาดเพื่อรับสายลมอ่อนที่ไหลเอื่อยมาปะทะใบหน้า             “อาจจะนะคะ.....หรืออาจไม่พบเลย เมย์แค่อยากแสดงให้คนที่ชอบบีบบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวเองเขาได้รู้สึกบ้างว่า เขากำหนดหรือชี้ชะตาชีวิตของใครไม่ได้ทุกคน”             นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับภาพทิวทัศน์ของท้องทะเลใต้โค้งฟ้าห่มคลุมด้วยผืนกำมะหยี่สีนิล อะไรบางอย่างที่ฉายวาบขึ้นมาบนประกายตาคู่นั้นเพียงครู่ก่อนจางหายไป             เมลิดากลับมาถึงบังกะโลตอนสามทุ่มกว่าโดยมีภูมิช่วยหอบหิ้วของมาให้ถึงหน้าบ้านพัก เขาเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูเงียบขรึมแต่ความมีน้ำใจและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ทำให้หญิงสาวรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เธอเพียงนึกว่าช่างโชคดีแม้อยู่ไกลบ้านก็ยังได้พบกับความอบอุ่นจากคนแปลกหน้าจนทำให้ลืมผู้ชายที่ชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ ไปได้เกือบสนิท             “เมย์ขอบคุณมากนะคะ ที่วันนี้คุณภูมิต้องมาวุ่นวายเป็นธุระให้ทั้งวัน”             หญิงสาวกล่าวกับชายหนุ่มที่วางสิ่งของในมือลงหน้าประตูบ้าน เขาแย้มยิ้มภายใต้แสงจากโคมไฟหน้าบ้านและเสียงเกลียวคลื่นขับกล่อมจากท้องทะเล ร่างระหงของเมลิดาดูเล็กบางเมื่อเทียบกับความสูงใหญ่ของบุรุษที่ยืนอยู่ใกล้เธอ             “ผมเต็มใจครับ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้คุณเมย์จะได้มีผมเป็นเพื่อนอยู่สักคน”             “ค่ะ....เมย์มาอยู่ที่นี่เหมือนเมย์ไม่มีเพื่อนเลยจริง ๆ เพื่อนที่ดีสำหรับเมย์หายากมาก”             “เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะก็ได้ครับคุณเมย์ แค่คนเดียวโลกนี้ก็น่ารื่นรมย์แล้ว ผมขอตัวนะครับ ถ้าคุณเมย์ต้องการให้ผมช่วยอะไรผมก็อยู่แถวบังกะโลนี่แหละครับ”             ชายหนุ่มกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปตามทางที่มีโคมไฟส่องทางเดินของบังกะโล เมลิดามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกบางอย่างที่จู่ ๆ ก็แล่นพล่านขึ้นมา เธอรับรู้ได้ว่าการพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมากขึ้นทุกครั้ง หญิงสาวไม่กล้าตั้งคำถามกับตัวเองเพราะแน่ใจว่าคำตอบนั้นมีอยู่แล้ว หากแต่ใยความรู้สึกที่เธอยังเข้าใจไม่กระจ่างแจ้งจึงบังเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วนัก เมลิดานึกถึงตัวตนที่ตอนนี้อายุยี่สิบหก เธอไม่ใช่สาวน้อยร้อยชั่งอีกแล้วและแม้อยู่ในวงการนางแบบพบคนมากหน้าหลายตาก็มิเคยใจเต้นไม่เป็นส่ำเช่นนี้ ไม่หรอก เมลิดา.....นี่อาจเป็นเพราะการห่างไกลจากโลกที่เธอเคยอยู่ทำให้ความเหงาเข้ามามีอิทธิพลเหนือสำนึกที่เคยเป็นปกติ แค่เธอเพิ่งเจอเขา พรหมอาจไม่ลิขิตให้ชีวิตต้องผูกติดกับใครรวดเร็วเช่นนั้น             “คิดมากไปแล้วเรา เขาคงไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอก”             หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนเปิดประตูเข้าไปด้านใน เมื่อประตูปิดลงและไฟในตัวบ้านสว่างไสว ณ มุมหนึ่งไม่ไกลออกไปเจ้าของร่างสูงจึงก้าวออกมาจากหลังพุ่มปาล์มเตี้ย นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าคมสันมองไปยังบังกะโลหลังที่เพิ่งจากมาเนิ่นนานก่อนหันหลังเดินลับหายไปภายใต้เงามืดของไม้ใหญ่ที่อาบไล้ด้วยแสงจันทรา             เวลาผ่านไปกว่าสามสัปดาห์ที่หญิงสาวผู้ซึ่งระหกระเหินมาจากบ้านโดยปกปิดเบื้องหลังของตนไว้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่ภายในอาณาบริเวณของ มุกประกาย บังกะโล เมลิดาพยายามตัดตัวเองให้ขาดออกจากโลกภายนอกด้วยการเปลี่ยนเบอร์ไทรศัพท์มือถือ ไม่ยอมติดต่อหาใครโดยเฉพาะเพื่อนพ้องในแวดวงนางแบบ ทำราวกับชีวิตของเธอถูกกลืนหายไปในห้วงจักรวาลอันไพศาล เป็นแค่ เมลิดา ผู้หญิงสามัญไร้ชื่อเสียง หลีกเร้นตัวเองจากเกียรติที่เคยมีในฐานะนางแบบชื่อดัง กลางวันเธอใช้เวลานั่งอ่านนิยายเล่มโปรดใต้ไม้ใหญ่ กลางคืนนั่งฟังเสียงคลื่นเล่นล้อกระทบหาดทราย และเช้านี้ก็เหมือนทุกวันที่ยังไม่ทันเห็นดวงอาทิตย์ เพียงแสงแรกของวันใหม่ฉายประกายที่เส้นขอบฟ้า หญิงสาวในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเนื้อบางก็ออกมาเดินเล่นเลียบไปตามชายหาดเพื่อให้ได้สัมผัสฟองคลื่นแตกกระจายใต้ฝ่าเท้าเปล่าเปลือย แต่แล้วขณะเดินมาได้ไม่ไกลจากบังกะโลก็เห็นเจ้าของร่างสูงที่เธอคุ้นเคยย่ำฝ่าฟองคลื่นสวนกลับมาพอดี             “คุณภูมิ!....คุณมาจากไหนคะ?”             แม้แสงแรกยังส่องมาไม่ถึงหากประกายอันเจิดจ้าก็ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าคมคายบนร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงเดนิมสีซีดอย่างทุกวัน เข้าเดินเข้ามาหยุดใกล้ ๆ เหมือนตั้งใจให้เธอหายใจติดขัดเสียกระนั้น             “คุณเมย์มาเดินเล่นหรือครับ ปกติผมไม่ค่อยเห็นคุณตอนเช้าตรู่แบบนี้”             “เมย์ก็มาเดินเกือบทุกวันค่ะ เดินฝั่งโน้นบ้าง ฝั่งนี้บ้าง แต่ก็เพิ่งเจอคุณภูมิวันนี้”             “แต่ผมเห็นคุณเมย์ทุกวันนะครับ เวลาคุณเมย์นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้...อืม...บางครั้งอยากเข้าไปทักทาย แต่กลัวคุณเมย์เสียสมาธิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD