ตอนที่ 6

1116 Words
            “ถ้าคุณเมย์ไม่ออกแรงจนแผลฉีก อีกวันสองวันก็คงได้นั่งเรือไปเที่ยวตามเกาะ”             “เมย์คิดว่าคุณภูมิคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าเมย์ไม่สะเพร่าคงไม่ต้องลำบากคุณแบบนี้”             “ผมทำเพราะเต็มใจและไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย ที่ทำไปกลัวคุณเมย์จะนึกรังเกียจด้วยซ้ำที่ผมเป็นแค่คนขับเรือรับจ้างไปวัน ๆ “             “ไม่นะคะคุณภูมิ!”             หญิงสาวรีบพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของคู่สนทนา เธอเริ่มเป็นกังวลแทนความนึกคิดของเขาโดยไม่รู้ตัว             “อย่าพูดแบบนั้นกับเมย์อีกนะคะ คุณภูมิเป็นคนดี ไม่เคยเอาเปรียบเมย์ มันไม่สำคัญสักนิดถ้าคุณจะเป็นคนขับเรือหรือทำอาชีพอะไร มันสำคัญที่เมย์มีคุณคอยช่วยเหลือในเวลาที่เมย์ไม่มีใคร.....สักคนเดียว”             “แม้แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเมย์หรือครับ?”             บทสนทนาราวกับสะดุดเหมือนหนังขาดตอน เมลิดาซึมลงไปเล็กน้อยและคิดว่าบางทีเธออาจปิดบังเขาไม่ได้ทุกเรื่อง แล้วเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเจ้าของร่างสูงดึงมือเรียวบางนั้นไปกุมไว้             “ผมอาจจะยังรู้อะไรไม่หมดเกี่ยวกับตัวคุณ แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็คงต้องเดาว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงต้องลาออกจากงานมาอยู่ที่นี่คนเดียว หรือถ้าให้ผมเดาเองคุณคงมีปัญหากับทางบ้าน ถ้าพ่อแม่คุณยังอยู่ที่นั่น คุณเมย์อาจไม่ต้องบอกผมก็ได้ถ้าไม่สบายใจ”             “เมย์หนีมาค่ะ!”             เมลิดาตัดสินใจพูดในเรื่องที่เธอคิดว่าควรลืมมันไปแล้วหากแต่ความทุกข์ก็ยังคงกัดกินความรู้สึกในส่วนลึกอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มนิ่งฟังทว่านัยน์ตาคมเข้มวาววับขึ้นมาเพียงชั่วขณะที่เขายังคงทำหน้าที่ผู้รับรู้เรื่องราวซึ่งหลุดออกมาจากปากของหญิงสาว             “เมย์ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เมย์ไม่รู้จัก เขาจะให้เมย์เป็นเจ้าสาวคนที่เมย์ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรัก เมย์รู้สึกว่าตัวเองถูกบีบและไม่มีทางเลือกเลย เมย์ไม่อยากอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่คิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะบังคับคนอื่นให้ไปอยู่ด้วยได้”             “เขาเป็นคนมีเงินหรือครับ.....ที่จริงคุณเมย์น่าจะยินดี”             “เมย์ยินดีในชีวิติสระของตัวเองมากกว่าค่ะ เมย์ไม่ยินดีในอำนาจของใคร โดยเฉพาะคนมีเงินแล้วคิดว่าซื้อผู้หญิงได้ แต่เมย์ก็ไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงยินยอมง่ายดายนัก ท่านจะให้เมย์แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ที่เมย์ไม่อยากแต่งงานด้วย”             “ตอนนี้ท่านอาจะกำลังทุกข์ใจเรื่องคุณเมย์อยู่ก็ได้ที่จู่ ๆ คุณเมย์หนีท่านมาแบบนี้”             เมลิดาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ             “ก่อนเมย์จะมาที่นี่ท่านพูดเหมือนท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ตก คิดอีกทีเมย์ก็เหมือนลูกอกตัญญูที่ไม่ยอมรับความทุกข์ของท่าน ตอนที่คุณพ่อบอกให้เมย์แต่งงานเมย์ก็สับสนมาก คิดได้อย่างเดียวคือต้องไปไหนก็ได้เพื่อให้พ้นจากคน ๆ นั้น”             “เขาเป็นใครหรือครับ? คุณเมย์พูดเหมือนเกลียดเขามากทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย”             “เขาชื่อ ทศภาค ภควัตณ์ ค่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัททำเหมืองทอง เป็นเจ้าของไร่ภควัตณ์ ถึงเมย์ไม่เคยเห็นหน้าก็นึกออกว่าคงเป็นคนประเภทบ้าอำนาจ คิดว่าบังคับให้ใครทำอะไรได้ตามใจ ถ้าไม่เป็นอย่างเมย์ว่าเขาจะมาบังคับให้เมย์แต่งงานด้วยทำไม คงคิดว่าเมย์จะยอม เขาไม่มีวันตามหาเมย์พบหรอกค่ะ”             ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มเผลอบีบมือหญิงสาวไว้แน่นและขบกรามอย่างลืมตัว ทว่ากลับเป็นอากัปกิริยาที่ทำให้เมลิดาคิดว่าเขาอาจเจ็บแค้นแทนเธอ             “เมย์พูดให้คุณภูมิเครียดหรือเปล่าคะ มันคงเหมือนนิยายน้ำเน่า เพียงแต่เมย์ไม่ใช่ตัวละครที่จะยอมคนบ้าอำนาจได้ทุกอย่าง”             “คุณเมย์ไม่คิดบ้างหรือครับว่าที่คุณหนีมาแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเดือดร้อนหนัก”             “เมย์ไม่กลัวค่ะ ถ้าเขาทำอะไรคนที่เมย์รัก เมย์จะตอบโต้เขากลับไปเหมือนกัน”             “คุณเมย์คิดว่าคุณเมย์ทำได้หรือครับ?...ถ้าต้องไปต่อกรกับผู้ชายที่ชื่อทศภาคคนนั้น บางทีเขาอาจมีเหตุผลที่อยากแต่งงานกับคุณเมย์มากกว่าแค่การได้ผู้หญิงคนหนึ่งไปอยู่ด้วยในฐานะของภรรยา ทำไมคุณเมย์ไม่ลองถามเหตุผลจากพ่อกับแม่ของคุณก่อน บางที.....มันอาจเป็นเรื่องที่คุณเมย์คาดไม่ถึงเลยทีเดียวก็ได้”             “จริงสินะคะ...คุณภูมิเป็นผู้ใหญ่กว่าเมย์ก็เลยคิดอะไรได้ลึกกว่า แต่เมย์คิดว่าเมย์หนีมาแบบนี้แล้วทุกอย่างก็คงจบ คุณทศภาคคนนั้นคงล้มเลิกความตั้งใจที่จะบังคับให้ใครไปแต่งงานด้วยแล้วล่ะค่ะ”             ชายหนุ่มบีบมือหญิงสาวแน่นขึ้นก่อนเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงหน่วงหนัก             “ไม่มีอะไรจบลงง่าย ๆ หรอกนะครับคุณเมย์ เหมือนคนทำผิดวันหนึ่งก็จะต้องชดใช้และก็ต้องชดใช้คืนกลับไปหนักกว่าหลายเท่า คุณเมย์อาจยังไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อทศภาคคนนั้นดีพอ ถ้าคุณเมย์จะหนีก็ต้องหนีให้พ้น แต่ถ้าหนีไม่พ้นคุณเมย์อาจต้องเจอปัญหาใหญ่อย่างที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียวก็ได้”             เมลิดายิ้มอย่างจะพยายามเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายที่เธอมิได้ฉุกใจคิดเลยสักนิดว่ามีสิ่งใดหลีกเร้นอยู่ในน้ำเสียงจริงจังนั้น เมื่อบรรยากาศรอบ ๆ เริ่มดูอึมครึมชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาเหมือนที่ยิ้มให้หญิงสาวทุกครั้ง             “ผมจะไปดูในครัวว่าพอมีอะไรทำให้คุณเมย์ทานได้บ้าง คุณเจ็บเท้าแบบนี้ออกไปข้างนอกคงลำบาก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD