กฤษนัยเดินคิดถึงอัญญาระหว่างทางกลับไปที่รถ ซึ่งลุงสุขนำมาจอดไว้ที่ห้างให้เขาก่อนหน้านี้ เขาสงสัยว่าเธอรู้สึกยังไงบ้างกับการที่เขาเป็นผู้บริหารที่นี่ ทำไมเธอถึงไม่มีความเห็นใดๆ ทำไมเธอไม่ตื่นเต้นกับหน้าที่การงานของเขา ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่พอรู้ว่าเขามีตำแหน่งใหญ่โตในห้างดังแบบนี้ก็จะตาวาว แล้วโปรยเสน่ห์ใส่เขาทันที
แต่เมื่อกำลังจะถึงประตูทางออก เขาก็พบถุงชอปปิ้งต่างๆ ของเธอติดมือมา มืออีกข้างที่ว่างเปล่าจึงหยิบโทรศัพท์โทร.หาเธอ หวังว่าเธอจะยังไม่ขับรถออกไป แต่เธอไม่เปิดเครื่อง เขาจึงตัดสินใจรีบขับรถตามอัญญาไป เพราะคิดว่าเธอคงยังไปได้ไม่ไกลนัก ระหว่างเธอพยายามติดต่อเธอไปด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล
เขาไม่รู้ว่าอัญญาพักที่อยู่ไหน จึงขับรถไปตามเส้นทางเดิมที่เขาเจอกับเธอที่ปั๊มน้ำมัน ใจหนึ่งก็คิดว่าจะเอาของไปคืนเธอพรุ่งนี้ดีไหม เพราะต้องเข้าไปโรงงานเพื่อเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจอยู่ดี แต่อีกใจก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาแปลกๆ แถมฝนก็ตกลงมาเม็ดใหญ่ เขาโทร.หาเธออีกครั้ง แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม
ส่วนคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าลืมของไว้กับกฤษนัย ก็นั่งฟังเพลงขณะขับรถอย่างเพลินใจและใครก็ติดต่อเธอไม่ได้ เพราะเธอปิดโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ตื่นมาแล้ว ฝนโปรยลงมาไม่ขาดสาย ทำอากาศเย็นลง เธอเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้อุ่นขึ้นอีกหน่อย แต่ฟังเพลงผ่านไปหลายเพลง รถก็ยังไม่ขยับไปไหน ใจเลยลอยเธอคิดถึงเรื่องราวตั้งแต่เจอกฤษนัยที่ปั๊มน้ำมันและที่ห้าง แล้วยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ถึงเขาจะจุ้นจ้านกับเธอไปสักหน่อย แต่ก็ทำให้เธอมีความสุขกว่าที่เคยเป็น ส่วนเรื่องที่เขาทำงานเป็นผู้บริหารของห้าง เธอได้ยินที่เขาบอก แต่ไม่มีความเห็นใดๆ ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของห้างที่กำลังจะเปิด ก็ไม่แปลกอะไรนิหากเขาจะเป็นผู้บริหารห้างอื่นด้วย
เปาะ!
“เสียงไรวะ”
อัญญาปิดเสียงเพลง เพราะได้ยินเสียงแปลกๆ จะว่ารถมอเตอร์ไซต์ที่ขับผ่านเมื่อครู่เฉี่ยวชนรถเธอก็ไม่น่าจะใช่ แต่ยังไม่ทันที่เหตุผลดีๆ จะเป็นคำตอบ เครื่องยนต์ก็ดับลง เธอไม่ได้บิดกุญแจเพื่อปิด ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากเคาะนิ้วตามจังหวะเพลงบนพวงมาลัย
เธอตั้งสติก่อนจะกดไฟฉุกเฉินที่ปุ่มด้านหน้าของแผงควบคุม ดีที่พวกระบบไฟต่างๆ ยังใช้งานได้ ลองสตาร์ทรถอีกหลายครั้งก็ไม่มีวี่แววว่ารถจะกลับมาใช้งานได้ สติจึงเริ่มไม่อยู่กับตัว ฝนตกและเพลงเพราะเมื่อครู่ไม่ช่วยให้เธออารมณ์ดีอีกต่อไป และรถคันหลังก็บีบแตรใส่ในข้อหาจอดรถขวางการจราจร แต่จะให้ทำยังไง ก็รถมันเสีย ไม่เห็นหรือไงคะ ฮือ...
"ออม!”
อัญญาสะดุ้งเมื่อเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นข้างหู
“เปิดประตูให้พี่! น้องออม! เป็นอะไรหรือเปล่า!"
เธอได้สติเมื่อเห็นว่ากฤษนัยยืนเปียกฝนอยู่นอกรถ เธอรีบปลดล็อกประตู มองเขาเดินมาอีกฝั่งและเปิดประตูเข้ามา
"ทำไมจอดรถกลางถนนแบบนี้" เขาถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะเปียกปอนเพียงใด
"อยู่ดีๆ รถมันก็ดับไปเลยค่ะ ออมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ลองสตาร์ทแล้วก็ไม่ติด”
"แล้วทำไมหนูไม่โทร.หาพี่ รู้ไหมว่าพี่โทร.หาหนูตั้งแต่หนูออกจากห้าง"
"คะ... คือออมไม่ได้เปิดเครื่องค่ะ"
"เรื่องนี้เอาไว้ที่หลัง ต้องจัดการเรื่องรถก่อน เปิดเครื่อง แล้วเอาโทรศัพท์มาให้พี่”
“ค่ะๆ” เธอทำตามคำสั่งของอย่างรวดเร็ว ณ จุดนี้ เวลานี้ ใครช่วยเธอได้ เธอยอมทำตามทุกอย่าง
"ลุงสุขครับ โทร.ตามรถลากมาที่ถนนหน้าดิเอ็มไพร์ด่วนเลยนะครับ จะมีรถสีขาวจอดเสียอยู่ ด่วนที่สุดเลยนะครับ"
อัญญานั่งฟังอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาจะมีสติจัดการปัญหาต่างๆ แทนเธอได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้เขาช่วยไว้ เธอต้องแย่กว่านี้แน่
"เดี๋ยวออมไปรอที่รถพี่ นั่งอยู่ในนี้ไม่ได้ รถคันอื่นอาจมองไม่เห็นเพราะฝนตกหนัก อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้”
“แล้วพี่กฤษละคะ”
“เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ทำไม...”
“ไปรอพี่รถ บีเอ็มสีดำ 1988 จอดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว”
“ค่ะ” เธอรับกุญแจที่เขายัดใส่มืออย่างหมดทางเลือก
“มีของอะไรสำคัญในรถเอาออกไปมาให้หมด"
"ไม่มีของสำคัญค่ะ"
“ไปตอนนี้เลย รถติดไฟแดงอยู่ปลอดภัยกว่า”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวครับ!”
“คะ?”
“มีร่มไหม”
"ร่ม... ไม่มีค่ะ"
"แล้วเสื้อคลุมมีไหม เสื้อแขนยาว อะไรก็ได้ที่คลุมตัวน้องออมได้" เขาต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพราะเขาห่วงเธอจริงๆ เสื้อสีขาวแบบนี้เปียกฝนนิดเดียวก็เห็นทะลุไปถึงหลังแล้ว
"อ๋อ มีค่ะ ออมเพิ่งซื้อมาวันนี้เอง" อัญญาพูดพร้อมกับหันไปตั้งใจจะหยิบเสื้อคลุมที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ แต่ก็หาถุงเสื้อผ้าไม่เจอ
"พี่โทร.หาน้องออมก็เพราะเรื่องนี้ ดีนะที่พี่ตัดสินใจขับตามมา เอาเสื้อพี่ใส่คลุมไว้" เขาถอดเสื้อสูทที่ใส่ลงมาจากรถส่งให้เธอ นี่คงเป็นหนึ่งในข้อดีของการมีเสื้อสูทติดรถ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้การแต่งตัวดูภูมิฐานขึ้น ยังใช้ดูแลสาวสวยได้ด้วยไงล่ะ
“ดูรถดีๆ เข้าไปแล้วล็อกรถด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
“ทะเบียนรถพี่เลขอะไร”
“1988 ค่ะ”
“โอเค เดี๋ยวพี่ตามไปนะครับ”
“ค่ะ” อัญญาได้แต่พยักหน้าฟังเขา ก่อนจะลงจากรถและวิ่งไปข้างทางอย่างเร็วที่สุด ทันทีที่ขึ้นมาอยู่บนรถของกฤษนัย เธอก็ชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่เขาจะตามมา เธอเห็นเขายืนตากฝนคอยโบกรถให้คันหลังเปลี่ยนเลน และไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วย จนผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง คนที่เขาเรียกว่าลุงสุขก็เดินทางมาถึงพร้อมกับรถลาก
“เรียบร้อยครับ” กฤษนัยบอกเมื่อขึ้นมาบนรถ เขารับผ้าแห้งที่เธอส่งให้มาเช็ดหน้า “นี่เสื้อที่เพิ่งซื้อมาใหม่เหรอ”
“ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ” เขาดีใจที่เธอยังอุตส่าห์แบ่งปัน แม้ตัวเองจะยังตัวเปียกอยู่ก็ตาม
“ออมต่างหากค่ะที่ต้องขอบคุณ” เธอมองหน้าเขาอย่างซึ้งใจ “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้พี่กฤษออมแย่แน่”
“ด้วยความยินดีครับ” แค่คำขอบคุณที่ออกมาจากใจ แค่นี้เขาก็ดีใจจนไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากส่งเสื้อที่เปียกเพียงนิดเดียวส่งคืนให้เธอ “เช็ดผมนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ค่ะ” เธอทำตามที่เขาบอกโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ รู้สึกอุ่นใจเหลือเกินที่ตอนนี้มีกฤษนัยอยู่เคียงข้าง
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ ไปทางปั๊มที่เราเจอกันใช่ไหม”
“ค่ะ”
ด้านนอกฝนยังคงไหลรินไม่ขาดสาย รถที่เคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ กับความเงียบของคนในรถ ทำให้อัญญาพยายามไม่ให้ตัวเองหลับ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้ความอ่อนเพลีย กฤษนัยเห็นเธอผล็อยหลับไปก็อดหันไปมองเธอไม่ได้ เขามองใบหน้าเธอที่มีโอกาสได้เห็นอย่างใกล้ชิดและนานที่สุดเท่าที่เคยได้มอง เอื้อมมือไปจับผมที่ปรกหน้าเธอไปด้านหลังให้เบาที่สุด แต่ก็มิวายทำให้เธอตื่นเสียก่อน
"ทำอะไรคะ" อัญญาตื่นขึ้นมาก็ตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของกฤษนัยอยู่ห่างจากหน้าของเธอเพียงแค่คืบ จึงรีบจับเสื้อสูทคลุมตัวให้มิดชิดยิ่งขึ้น
"พี่... พี่จะปลุกหนูมาถามว่า ที่พักหนูไปทางไหนครับ เลยสี่แยกข้างหน้านี้ไปก็จะถึงปั๊มที่พี่เจอหนูแล้ว พี่คงส่งหนูไม่ถึงที่พัก ถ้าหนูไม่บอกทางพี่" เขาหาข้ออ้างได้ทันท่วงที
"พอถึงปั๊มน้ำมันก็ตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกอีกทีก็เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปจนถึงซอยที่ห้าก็เลี้ยวเข้าไปค่ะ" อัญญาตอบอย่างรวดเร็ว เธอเผลอหลับไปจนลืมบอกทาง เขาต้องปลุกเธอมาถามทางก็ถูกต้องแล้ว
“ออมนอนต่อได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่จะปลุก แล้วหนูหนาวหรือเปล่า พี่เปิดแค่ลมเบาๆ กลัวหนูจะไม่สบาย" กฤษนัยถามด้วยความเป็นห่วง
"ออมโอเคค่ะ พี่กฤษนั่นแหละที่จะไม่สบาย ตากฝนเยอะกว่าออมอีก" อัญญาเพิ่งนึกได้ว่ากฤษนัยตัวเปียกยิ่งกว่าเธอซะอีก
"พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าพี่เป็นจริงๆ ออมต้องเป็นพยาบาลส่วนตัวให้พี่นะ กฤษนัยหยอดคำหวาน
"งั้นก็อย่าเป็นอะไรเลยนะคะ" อัญญาพยายามเก็บรอยยิ้มเขินเอาไว้ หวังว่าเขาจะไม่เห็นมัน และความเงียบก็เกิดขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่งรถของเขาจอดอยู่หน้าที่พักของเธอ จะลงรถเลยก็ไม่กล้า เพราะในหัวกำลังไตร่ตรองบางอย่าง
"พี่กฤษขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมคะ" อัญญาถามกฤษนัยแต่ไม่กล้าสบตา เธอกลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย แต่ตั้งแต่อออกจากห้างจนถึงที่พัก ก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง บนรถเธอก็หนาวจนตัวสั่นไปหลายครั้งและเขาเองก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกัน หากปล่อยให้เขากลับไปทั้งๆ ที่ยังตัวเปียกแบบนี้ เขาต้องป่วยแน่ๆ
"คือ... ออมกลัวว่าพี่กฤษจะไม่สบายค่ะ ขืนใส่ชุดเปียกๆ แถมผมก็เปียกแบบนี้ กว่าจะถึงบ้านก็หนาวตายพอดี" เธอรีบอธิบายเพราะเขาเอาแต่มองหน้าเธอแต่ไม่พูดสิ่งใดเลย
"อย่าคิดเป็นอย่างอื่นนะคะ"
“พี่กำลังคิดว่าน้องออมใจดีจังเลย” ในที่สุดเขาก็พูดอะไรออกมา พร้อมยิ้มกว้างส่งให้เธอด้วย
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง อาทิตย์หน้าพี่มีงานประชุมใหญ่พอดี ทำตัวเองให้แข็งแรงไว้ดีกว่าเนอะ" เขาบอกให้เธอสบายใจ รู้ว่าเธอไม่ได้คิดในสิ่งที่เธอกลัวว่าเขาจะคิด ในหัวเขามีแต่ความชื่นชมที่เธอกล้าทำสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่เพราะเป็นห่วงสุขภาพของเขา เธอจึงตัดสินใจพูดออกมา
กฤษนัยเข้ามาในห้องของอัญญาตามคำเชิญ การได้เข้ามาในหอพักของเธอ ทำให้เขาได้รู้ถึงการใช้ชีวิตของเธอมากขึ้น ที่พักแห่งนี้ไม่ใช่คอนโดมิเนียมหรูหรา แต่ก็ไม่ใช่ห้องพักเก่าๆ โกโรโกโส เป็นหอพักเพียงหกชั้นที่เพิ่งสร้างใหม่และถูกออกแบบให้ทันสมัย คนที่ในหัวมีแต่เรื่องธุรกิจเดินเข้ามาไม่กี่ก้าวก็รู้แล้วว่าเจ้าของหอพัก ต้องการลูกค้าวัยทำงาน เพราะห่างออกไปไม่ไกลก็มีบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรมอยู่หลายที่ เขาเดินผ่านทางเข้ามาไม่กี่เมตรก็เดินขึ้นบันไดตามอัญญาไปที่ชั้นสี่ สังเกตเห็นเธอกังวลที่ต้องให้เขาเข้าไป แต่ทันที่ประตูห้อง 4114 เปิดออก เธอก็หันมามองหน้าเขาแทนคำเชิญ
ห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปปรากฏตรงหน้าของกฤษนัย สายตาเขามองไปรอบๆ โดยอัตโนมัติ ดูจากข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็รู้ทันทีว่าเธอพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ของในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบและแบ่งมุมใช้งานอย่างชัดเจนแม้จะมีพื้นที่ไม่มาก แต่ข้าวของใดๆ ก็ไม่น่าสนใจเท่าเจ้าแมวตัวขาวที่ยืนมองเขาอยู่ห่างๆ
“นมสด” อัญญาเดินไปลูบหัวเพราะรู้ว่ามันกำลังหวาดระแวงคนแปลกหน้า มันก็หลบการสัมผัสและเดินไปหากฤษนัย
"เหมียว เหมียว เหมียว เหมี้ยว" เจ้าแมวนมสดเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของมนุษย์ไม่คุ้นหน้า จ้องหน้าเขาอย่างสงสัย แต่แทนที่เจ้าของห้องจะเรียกเจ้าแมวไปทางอื่น เธอกลับหลุดขำออกมา เมื่อเห็นกฤษนัยยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ขยับตัวไปไหนเลย
“นี่นมสดค่ะ ลูกสาวออมเอง”
"แล้ว... พี่ต้องทำยังไงครับ พี่ไม่เคยเลี้ยงแมว”
"พี่กฤษก็แนะนำตัวกับนมสดสิคะ บอกว่าตัวเองชื่ออะไร ลูบหัวเค้าด้วยก็ได้ค่ะ ไม่กัดหรอกค่ะ นมสดเป็นแมวใจดี" กฤษนัยได้ยินคำว่าไม่กัดก็ค่อยๆ ย่อตัวลงไปลูบหัวเจ้าแมวนมสด ซึ่งไม่กัดจริงๆ แต่แยกเขี้ยวขู่เขาดังฟ่อ
แต่เอาวะ! ชอบเจ้าของแล้ว ก็ต้องชอบแมวเขาด้วยสิวะ
"สวัสดีครับนมสด พี่ชื่อกฤษนะ... ถ้าพี่กฤษจีบคุณแม่นมสดติดเมื่อไหร่ คงได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ"
"พี่กฤษ!" อัญญาร้องขึ้นมาอย่างตกใจ “ออมให้แนะนำแค่ชื่อค่ะ”
“อ้าวเหรอ” เขาเงยหน้ามาส่งยิ้มกวนประสาทให้เธอ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงกับพื้น เพราะดูท่าเจ้านมสดอยากทำความรู้จักเขาบ้างแล้ว มันเอาจมูกสีชมดมมือเขา แถมยังยื่นลิ้นสากๆ มาเลีย ทำเอาเขาเลิ่กลั่ก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าลิ้นแมวไม่เหมือนลิ้นหมาที่จะนุ่มๆ ลื่นๆ
"นมสด! หยุดเลย มานี่” อัญญาหันหลังจากตู้เสื้อผ้ามาเห็นแมวสุดที่รักทำตัวลามปามกับมนุษย์คนอื่นจึงเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบปลาเส้นของโปรดเพื่อให้มันเลิกสนใจกฤษนัย และก็ได้ผลเพราะมันวิ่งมาหาของกินในทันที
“ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าค่ะ ชุดมันเฉยหน่อยนะคะ เป็นเสื้อผ้าของพ่อค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เขารับมันมาถือไว้ เดินตรงไปที่ห้องน้ำตามสัญญาณมือของเจ้าของห้อง ด้านในก็สะอาดใช้ได้ ซึ่งแปลว่าเธอดูแลความสะอาดเป็นประจำ เพราะขนาดเธอไม่รู้ว่าจะมีคนมาที่ห้องวันนี้ เธอก็ไม่ต้องขอตัวไปทำความสะอาดให้ดูดีในสายตาคนอื่น
ทันทีประตูห้องน้ำปิดลง อัญญาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สงบใจเข้าไว้ออมเอ๊ย! ท่องไว้ว่าเขามาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไป จะใจเต้นแรงทำไม เวลาเห็นเสื้อเขาแนบไปกับตัวล่ำๆ ห้ามคิดอะไรแบบนั้นเด็ดขาด!
“น้องออม”
อัญญาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเขา
“คะ?”
“ยาสระผมคืออันไหนครับ”
“ขวดสีฟ้าค่ะ สบู่ขวดสีขาว” เธอตะโกนตอบกลับไป ไม่แปลกใจที่เขามีคำถาม เพราะเธอชอบเอายาสระผมกับสบู่มาเทใส่ขวดแก้วเพื่อความสวยงาม
“โอเคครับ”
“ค่ะ เอาผ้าเปียกใส่ไว้ในกะละมังเลยนะคะ” เธอบอกกลับไปแต่เขาคงจะไม่ได้ยิน เพราะเสียงน้ำจากฝักบัวดังขึ้นพร้อมๆ กัน และเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ขะเขิน เกิดขึ้นตอนเขาออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงตัดสินใจพาเจ้าแมวออกไปนั่งที่ระเบียง เพื่อรอจนกว่าเขาจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
และคนที่ดีใจที่สุดตอนนี้คงไม่ใช่กฤษนัยที่โชคชะตาพาให้เขาได้ขึ้นมาบนห้องของคนที่เขาชอบ แต่เป็นคนห้องตรงข้ามอย่างธีรนนท์ที่เห็นอัญญาออกมาที่ระเบียง หลังจากเธอออกจากที่พักไปตั้งแต่ช่วงสาย ใจที่ตั้งมั่นไว้ว่าถ้าเธอกลับมาจะแกล้งออกมาตากผ้าแล้วทำเป็นตกใจที่ได้เห็นอยู่ตรงระเบียงสักหน่อย กลับพังไม่เป็นท่า เพราะเธอเดินกลับเข้าไปในห้องซะแล้ว
“พี่ขอถุงพลาสติกหน่อยได้ไหมครับ พี่จะใส่ผ้ากลับไปซักที่บ้าน”
“ได้ค่ะ” อัญญายินดีทำตามคำขอ ตอนนั่งอยู่ที่ระเบียงก็นั่งคิดว่าจะซักผ้าให้เขาแทนคำขอบคุณดีไหม แต่ถ้าซักก็ต้องเจอเขาอีกรอบเพื่อเอาเสื้อผ้าไปคืน ว่าแล้วเธอก็เดินไปหยิบถุงพลาสติกที่เก็บไว้ในลิ้นชักมาให้เขาใส่ผ้าและซ้อนถุงให้เขาอีกชั้นเพื่อป้องกันการรั่วซึม
“พี่กฤษคะ”
“ครับ?” เขาตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ถ้าให้เดานะ เธอต้องเอ่ยปากเชิญเขาออกจากห้องชัวร์ๆ
“เบาะรถพี่กฤษที่เปียก ออมอยากจ่ายค่าทำความสะอาด เพื่อตอบแทนที่พี่ช่วยออมวันนี้ค่ะ”
“พี่ไม่รับครับ”
“แต่...”
“ถ้าน้องออมจำได้ ที่ปั๊มน้ำมันพี่มีร้านล้างรถ เราดูแลเรื่องความสะอาดครบวงจร แล้วมันก็เป็นร้านของพี่ เพราะฉะนั้นพี่มีสิทธิ์ทำความสะอาดรถฟรีตลอดชีวิตครับ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ ถ้าอยากตอบแทนพี่ ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปอาบน้ำ เป่าผมให้แห้ง ก่อนที่จะเป็นหวัดซะก่อน โอเคไหมครับ”
“แต่ออมไม่สบายใจนี่คะ”
“อย่าคิดมากสิครับ” กฤษนัยเอื้อมมือมาจับผ้าที่พาดอยู่บนบ่าเธอไปเช็ดหยดน้ำเม็ดเล็กๆ ที่เกาะอยู่ที่ไรผมของอัญญา “มีรถอีกคันน่าเป็นห่วงกว่านะ หนูลืมแล้วเหรอ”
“ไม่ลืมค่ะ” เธอก้าวเท้าถอยหลัง ไม่ชอบเลยที่เขาทำตัวใกล้ชิดเธอแบบนี้
“ตอนนี้รถจอดอยู่ที่อู่แล้ว พี่จะดูแลเรื่องนี้ให้ รถเป็นอะไรถึงเสีย และจะซ่อมเสร็จวันไหน พี่จะบอกเรื่อยๆ ถึงวันที่ต้องไปรับรถ วันนั้นน้องออมได้จ่ายเงินแน่นอนครับ”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้”
“ด้วยความยินดีครับ”
“แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ไม่บอกว่าจะจ่ายค่าซ่อมรถให้ ถ้าพี่กฤษพูดแบบนั้นออมต้องไม่สบายใจมากกว่าเดิม”
“ก็พี่รู้นี่ครับว่าน้องออมดูแลตัวเองได้ แต่จะดีกว่าถ้ามีพี่ช่วยดูแลอีกแรง” คราวนี้เขาหยอดคำหวานและมองเธอไม่ละสายตา จึงเห็นว่าแก้มของคนตรงหน้าสีแดงขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าพี่กฤษไม่กลับตอนนี้ ออมคงเป็นหวัดแน่ๆ ค่ะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เดินไปหยิบกุญแจห้องเพื่อไล่เขาทางอ้อม แถมยังเปิดประตูเพื่อตอกย้ำว่าให้เขาเดินตามเธอมาได้แล้ว
“ขอบคุณนะครับที่ให้พี่ขึ้นมาเปลี่ยนชุด”
“ค่ะ”
“พี่ถึงบ้านแล้วจะส่งข้อความมาบอกนะครับ”
“เดินทางปลอดค่ะ”
“บ๊ายบายครับ” กฤษนัยพูดจบก็ขับรถออกไป ระหว่างทางก็นึกขำที่เธอไม่ตอบอะไรไม่เกี่ยวกับการที่เขาบอกว่าจะส่งข้อความไปหา แต่เขาชอบนะ มันทำให้เขารู้ว่าเธอยังไม่เปิดใจให้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหากเขาจะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจพิชิตใจเธอต่อไป
อัญญากลับขึ้นมาอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย ก็ออกมานั่งเล่นกับนมสดรับลมเย็นๆ อีกรอบ เพราะวันนี้ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจกับลูกรักมากเท่าไหร่ จึงกลัวว่าจะน้อยใจ เอ๊ะ! เธอต่างหากล่ะที่ต้องน้อยใจ เพราะหมั่นไส้นมสดที่ออดอ้อนคนแปลกหน้าทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แต่ว่า... แม้แต่เธอเป็นคนมีความคิดซับซ้อนกว่าสัตว์เลี้ยงตั้งเยอะ เธอยังสนิทสนมกับเขาถึงขั้นที่เรียกว่าก้าวกระโดดเช่นกัน
"ออม”
อัญญาหยุดความคิด เมื่อได้ยินใครสักคนเรียกชื่อเธอ ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ตอบรับ ตามคำบอกเล่าที่ว่า หากใครเรียกชื่อเราตอนกลางค่ำกลางคืน อาจจะมีสิ่งไม่ดีเข้ามาได้ แต่เมื่อมองผ่านผ้าม่านบางๆ ที่เธอปิดไว้เพื่อบังแสงแดดและสายตาจากคนนอก ก็พอจะรู้แล้วว่าไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน
“มีอะไรเหรอ?” เธอถามธีรนนท์ด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก ออกมาตากผ้าแล้วเห็นเงาคนกับแมว เลยลองเรียกดู”
“อ๋อ พานมสดมานั่งเล่น” เธอตอบตามความจริง พร้อมกับที่ในใจแอบคิดว่า สงสัยจะต้องเปลี่ยนผ้าม่านให้เป็นสีเข้มกว่านี้ซะแล้ว ไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอกนะ แต่เคยเป็นกันบ้างหรือเปล่า บางครั้งก็อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่อยากคุยกับใครน่ะ
“งั้น... ไม่กวนละ”
“โอเค” เธอโล่งอก คิดซะว่าเขาจะชวนคุยต่อซะแล้ว
“ออม!”
“หืม?” อัญญากำลังจะปิดผ้าม่านก็จับมันค้างไว้
“ฝันดีนะครับ”
“ฝันดี” เธออวยพรเขาบ้าง แต่เธอไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเหมือนรอยยิ้มที่ธีรนนท์ส่งมาหรอกนะ
เมื่อธีรนนท์กลับเข้ามาในห้อง รอยยิ้มของเขาก็จางหายไป เพราะสัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่อัญญามีให้ แต่เธอคงไปทำธุระเหนื่อยมาทั้งวันล่ะมั้ง เธอคงไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก... ใช่ไหม?