“นายหญิงเจ้าคะ ตรงนี้คือสวนดอกไม้เจ้าค่ะ เป็นสวนที่มีเพียงแค่นายหญิงกับผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้เจ้าค่ะ”
อาหลีมองข้าไปพลางอธิบายไปพลาง โดยหลังจากที่กินข้าวมื้อแรกเสร็จแล้ว นางก็คะยั้นคะยอให้ออกมาเดินเล่นในสวนเพื่อย่อยอาหาร
ในตอนแรกข้าคิดว่าคงเป็นสวนที่ไม่ได้รับการดูแลสักเท่าใด เนื่องจากพรรคมารบูรพาไม่ได้นิยมทิวทัศน์ที่งดงาม มีเพียงแค่ความอึมครึมและดุดันเท่านั้นที่เป็นภาพลักษณ์ในใจของทุกคน
ทว่าภาพตรงหน้ากลับทำให้ข้าประหลาดใจ สวนดอกไม้หลากสีสันข้างเรือนพักของข้า งดงามยิ่งกว่าสวนในจวนสกุลเซียวเสียอีก หากแต่เป็นสวนที่ไม่เข้ากับจวนประมุขมารเลยสักนิด
ดูจากการตกแต่งด้วยต้นดอกโบตั๋นเต็มสองข้างทาง คงไม่ได้เนรมิตขึ้นมาในวันเดียว ทั้งที่ในนิยายบรรยายไว้ว่าจวนประมุขมารนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของสมุนไพรพิษ เหล่าพฤกษานานาพันธุ์ไม่มีทางงอกเงยแข่งกันชูช่อออกสีสันงดงามเช่นนี้แน่ โดยเฉพาะกับดอกโบตั๋นที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทว่าในสวนดอกไม้แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ข้าชื่นชอบที่สุด ราวกับกำลังต้อนรับอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง
หากให้น้ำมากเกินไปรากอาจเน่าได้
ให้ไม่ใส่ใจดูแลก็คงเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด
ข้าลูบกลีบดอกโบตั๋นตรงหน้าอย่างลืม โหนกแก้มยกสูงขึ้นตามมุมปาก
บางครั้งก็อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าสวนโบตั๋นแห่งนี้ เขาเตรียมไว้เพื่อข้า แต่ตงฟางอวิ๋นเซียวจะรู้จักข้าก่อนได้อย่างไร เพราะในความฝันมีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ตัว
“นายหญิงเจ้าคะ ท่านชอบดอกโบตั๋นหรือไม่เจ้าคะ”
ข้าเหลือบมองเจ้าของคำถามเล็กน้อยด้วยความสงสัยในน้ำเสียงประหม่าขอนาง แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอาหลียังคงยิ้มแย้ม จึงหันกลับมาชื่นชมโบตั๋นดอกสีขาวบริสุทธิ์ตรงหน้าอย่างไร้ความกังวล
“ชอบสิ ข้าไม่เคยเห็นดอกโบตั๋นจากที่ใด เบ่งบานได้งดงามเท่านี้มาก่อน”
หากได้นั่งชมพวกมันพร้อมกับบุรุษที่ข้าหลงรักสักครั้งก็คงจะดี
ฟึ่บ
ข้าหันมองไปทางทิศตะวันตกเมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวผ่านหางตา ข้าเอียงคอมองดูต้นไม้ใหญ่ที่สั่นไหวตามสายลมด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงหันกลับมาพูดคุยกับอาหลีแทน
“ข้าได้ยินมาว่าที่จวนแห่งนี้มีลำธารงดงาม จริงหรือไม่”
อาหลีเบิกตากว้างหลังจากที่ข้าถามจบ สีหน้าของนางดูลำบากใจที่จะตอบ
“อดีตเคยมีเจ้าค่ะ... แต่ หลังจากที่... มีเจ้าสาวคนหนึ่งกระโดดหน้าผาตกลงไปในลำธาร ท่านประมุขก็สั่งให้ถมลำธารนี้เสีย และห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้เจ้าค่ะ”
ข้าฟังแล้วครุ่นคิดตาม จำไม่ได้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีบทบรรยายในเหตุการณ์นี้ แต่กระนั้นก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย
ข้าชอบแม่น้ำ ยามมองสายน้ำไหลทำให้ข้ารู้สึกปลอดโปร่ง ในตอนที่อยู่บ้านเดิม บางครั้งข้าก็มักจะยืนมองแม่น้ำเพื่อสงบจิตใจ
ทว่าข้าเข้าใจในการกระทำเช่นนั้น เพราะตงฟางอวิ๋นเซียวมักคาดหวังว่าจะได้รับความรักจากเจ้าสาวสักคนใน แต่ถูกตอบแทนด้วยความตายและการทรยศ จึงทำให้หัวใจของอสูรร้ายด้านชามากขึ้นทุกวัน คิดว่าเขาคงไม่คาดหวังว่าข้าจะมาเพื่อช่วยถอนคำสาปจริงๆ
“แต่ข้าก็อยากให้มีชีวิตอยู่ต่อไป...” ข้าพึมพำกับตัวเอง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สายลมพัดผ่านมาพอดี
“นายหญิง ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” อาหลีถามพลางมองข้าความสงสัย
ข้ายิ้มให้นางเล็กน้อย
คงจะให้รู้ไม่ได้ว่าข้ารู้จักท่านประมุขของนางมาก่อนแล้ว รู้จักดีถึงขั้นที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างตงฟางอวิ๋นเซียวจึงจะหลุดพ้นจากคำสาปอันแสนทรมานนี้ หากแต่การแก้คำสาปนี้ไม่สามารถทำคนเดียวได้
จำเป็นต้องมีความรู้สึกร่วมกัน เช่นนั้นข้าจะต้องทำให้ตงฟางอวิ๋นเซียวรักข้าให้ได้เสียก่อน หากแต่มีระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ข้ากลัวว่ามันจะช้าเกินไป
“ข้าอยากเดินเล่นอีกสักหน่อย นอนกลางวันสักงีบ ตอนเย็นข้าจะได้พบกับสามีสักที”
สีหน้าของอาหลีดูเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม นางคงกำลังคิดว่าข้าอาจจะเสียสติเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของสามีกระมัง
หากทว่าไม่ว่าตงฟางอวิ๋นเซียวจะอยู่ในรูปลักษณ์ได้ ข้าก็มิอาจทอดทิ้งบุรุษผู้น่าสงสารผู้นั้นได้ เพราะข้าได้ผูกใจไปแล้ว...
ครั้นเวลาเดินไปถึงช่วงพลบค่ำ ถึงมื้ออาหารที่รอคอย ข้าถูกอาหลีและอาจินจับอาบน้ำขัดตัวลงน้ำมันหอมอีกครั้ง พวกนางต่างปรนนิบัติข้าอย่างพิถีพิถัน เพียงเพราะเป็นกำหนดการแรกที่ข้าจะได้พบกับประมุขมารอย่างเป็นทางการ
ทว่า...
“อากาศเย็นถึงเพียงนี้ หากพวกเจ้าให้ข้าสวมใส่อาภรณ์บางเบาเช่นนี้ ข้าคงล้มป่วยลงอีกรอบ” ข้าเอ่ยแย้งขณะมองดูตัวเองในกระจก อาภรณ์แม้มีสีสันและพลิ้วไหวงดงาม แต่เนื้อผ้าบางถึงขั้นดึงเบาๆ ก็อาจจะขาดได้ จะให้ข้าใส่ชุดนี้ไปยืนต่อหน้าสามี ก็ไม่ต่างจากประกาศว่าคืนนี้ข้าจะต้องเผด็จศึกอย่างแน่นอน
ซึ่งตัวข้าก็ยังมียางอายอยู่... แม้ว่าการร่วมหอจะต้องเกิดขึ้นในสักวัน แต่ข้าไม่อยากร่วมเตียงกับคนที่ไม่มีใจ การฝืนใจอีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ไม่ต่างจากการข่มขืน
“แต่ว่า...” อาหลีอยากจะแย้ง แต่กลับถูกอาจินรั้งเอาไว้เสียก่อน
“สุขภาพของนายหญิงสำคัญที่สุด เจ้าลืมไปแล้วหรือ” อาจินตำหนิ ทำให้สีหน้าของอาหลีหม่นลงเล็กน้อย
ข้ากลัวว่าพวกนางจะทะเลาะกันเอง จึงรีบดึงความสนใจ
“ข้าจะยังอยู่ที่นี่ไปอีกนาน เจ้าวางใจเถิด ชุดนี้สักวันข้าต้องได้ใส่แน่”
อาหลีพยักหน้าจากนั้นช่วยข้าปลดชุดเดิมออก
สีหน้าของพวกนางดูเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นรอยแผลเป็นจากการถูกเฆี่ยนตีบนผิวของข้า โดยเฉพาะตรงน่องที่เพิ่งจะหายได้ไม่นานนัก ทว่าพวกนางกลับไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยถาม คงเพราะกลัวว่าจะทำให้ข้าลำบากใจ
หลังจากแต่งตัวเสร็จไม่นานก็มีบ่าวรับใช้มาแจ้งว่าสำรับอาหารมื้อค่ำจัดเตรียมเสร็จแล้ว ให้ข้ารีบไปเพื่อไม่ให้ท่านประมุขรอนาน
หากเป็นจวนอื่น สามีมักจะมาที่เรือนของภรรยาเพื่อร่วมกินอาหารมื้อค่ำ ภรรยาจะเป็นฝ่ายจัดเตรียมอาหารต้อนรับอย่างสุดฝีมือ ทำให้บางครั้งอนุภรรยาก็มักจะได้รับความเอ็นดูมากขึ้นจากสถานการณ์เหล่านี้ ทว่าในจวนประมุขมาร ภรรยาจะต้องเป็นฝ่ายไปหาสามีเพื่อร่วมโต๊ะอาหาร เนื่องจากสามีอยู่ในสถานการณ์ไม่สามารถออกไปด้านนอกได้ โดยหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว หากสามีไม่อนุญาตก็จะต้องนอนอยู่ในเรือนของสามีจนกว่าจะเช้า