ในที่สุดข้าก็เข้าใจความรู้สึกของเหล่าตัวละครเอกที่ทะลุมิติไปต่างโลกแล้ว เมื่อครั้งลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเพดานห้องนั้นไม่เหมือนเดิม แต่คนที่ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วเช่นข้า จึงสามารถประมวลผลได้เร็ว เพราะจุดหมายปลายทางของขบวนเกี้ยวเจ้าสาวก็มีเพียงที่เดียวเท่านั้น
จวนประมุขมาร
หากเป็นสตรีอื่นคงหวาดผวาที่ต้องตื่นขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมแปลกตา แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ามาเยือนตำหนักตะวันฉายแห่งนี้ ข้ามา... นับครั้งไม่ถ้วน แม้เป็นเพียงห้วงฝันก็ตาม
ข้าลุกขึ้นจากเตียงแล้วสำรวจร่างกายตัวเอง จำได้ว่าสลบไปเพราะพิษไข้หลังจากดื่มยาที่ท่านหมอปรุงให้ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าระย้าสีแดง ทว่าทั้งที่ตำหนักตะวันฉายถูกตกแต่งด้วยกล้วยไม้และจื่อเถิงหลัว แต่ในห้องของข้ากลับเต็มไปด้วยโบตั๋นอย่างที่ข้าชื่นชอบ
คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญกระมัง
จะว่าไปยาที่ท่านหมอปรุงก็แรงมากเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นขนาดนี้
ข้ายืดแขนขาบิดไล่ความอ่อนล้าออกจาก จากนั้นค่อยลุกขึ้นแล้วเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียง
ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าคือหุบเขาบูรพาอันเป็นฐานที่ตั้งของพรรคมาร เนื่องจากมีอาณาเขตกว้างขวางและมีเส้นทางที่ซับซ้อน จึงไม่มีสำนักใดหาญกล้าบุกเข้ามาหาเรื่องถึงรัง ส่วนใหญ่จึงมักจะส่งสายลับเข้ามาในคราบของเจ้าสาว หรือไม่ก็บ่าวรับใช้ของกลุ่มการค้าที่เข้ามาติดต่อซื้อขาย
ด้วยความที่นิยายเรื่องนี้เป็นประเภทกึ่งแฟนตาซีและกำลังภายใน นอกจากการกล่าวถึงเผ่าพันธุ์สวรรค์แล้ว ยังมีเหล่ามารอสูรร้ายบนพื้นพิภพอีกด้วย หน้าที่ของสำนักต่างๆ ใต้หล้า นอกจากจะแก่งแย่งชิงดีกันเป็นที่หนึ่งแล้ว ยังมีหน้าที่กำจัดมารอสูรร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกแห่งนี้อีกด้วย
พรรคมารบูรพาขึ้นชื่อเรื่องการกำจัดมารอสูรเป็นอย่างมาก หากแต่วิธีการกำจัดนั้นไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าใดนัก เนื่องจากเป็นพรรคเดียวที่ข้องเกี่ยวกับวิชามาร และวิชาเลื่องชื่อของพรรคมารบูรพาก็คือวิชามหาเวทถล่มดารา วิชาต้องห้ามที่น้อยคนนักจะฝึกฝนได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับคำสาปร้ายแรงของสกุลตงฟาง จึงไม่มีทายาทฝึกฝนวิชาต้องห้ามนี้มานานหลายร้อยปี
กระทั่งเมื่อยี่สิบเก้าปีก่อนประมุขมารรุ่นก่อนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะ ด้วยความรักที่บิดามีต่อบุตร เนื่องจากเป็นเชื้อสายเดียวจากสตรีผู้เป็นที่รักที่เหลืออยู่ จึงได้ส่งตงฟางอวิ๋นเซียวไปใช้ชีวิตกลางป่า ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทำให้ตงฟางอวิ๋นเซียวคิดว่าตนถูกทอดทิ้ง จึงแค้นเคืองบิดาของตนเป็นอย่างมาก ทว่าสิบปีต่อมาประมุขมารรุ่นก่อนถูกลอบสังหาร ตงฟางอวิ๋นเซียวจึงต้องรับหน้าที่ประมุขมารตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ตงฟางอวิ๋นเซียวต้องการก้าวข้ามอำนาจของบิดา จึงได้ฝึกฝนคัมภีร์มหาเวทถล่มดาราอย่างลับๆ จนกระทั่งบรรลุวิชาเมื่ออายุยี่สิบปี ก่อนจะโดนคำสาปแช่งจากเทพธิดาบุปผาครอบงำทั้งร่างกาย วิธีแก้หนึ่งเดียวคือ
“ต้องได้รับความรักที่แท้จริงจากสตรี” ข้าพึมพำกับตัวเองพลางหลับตาพริ้มรับลมเย็นอย่างสบายใจ ไม่ต้องอยู่ในครอบครัวแสนอึดอัดและไม่ต้องถูกบ่าวรับใช้รังแก มีห้องแสนอบอุ่นให้นอน มีอาหารดีๆ ให้กิน เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว จะเหลือก็เพียงอย่างเดียว คือสามีผู้ลึกลับ
หากเป็นช่วงเวลานี้ ตงฟางอวิ๋นเซียวจะเก็บตัวอยู่ในห้องของตัวเองจนกว่าจะถึงเวลาอาทิตย์อัสดง ซึ่งห้องที่ว่าก็คือห้องใต้ดินอันเป็นสถานที่ต้องห้าม หนึ่งในกฎอันเคร่งครัดที่ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามฝ่าฝืน
แม้แต่ตัวข้าที่เป็นนายหญิงก็ตาม
“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เสียงของอาหลีดังขึ้นทำให้ข้าหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ ครั้นเห็นนางเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างล้างหน้า จึงเดินกลับเข้าไปในห้องทันที
“อรุณสวัสดิ์” ข้าทักทายด้วยน้ำเสียงปกติขณะนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “ที่นี่เงียบกว่าที่คิดเสียอีก”
อาหลียิ้มกว้าง ช่วยข้าซับหน้าอย่างคล่องแคล่ว
“ท่านประมุขออกคำสั่งห้ามผู้ใดรบกวนนายหญิงเจ้าค่ะ เรือนโบตั๋นแห่งนี้จึงถูกสร้างให้อยู่ในสวนที่เงียบสงบและปลอดภัยที่สุดในตำหนักตะวันฉายเจ้าค่ะ นายหญิง... ท่านชอบที่นี่หรือไม่เจ้าคะ” อาหลีถามด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย นางมองข้าด้วยสายตาหวาดเกรงราวกับกลัวว่าข้าจะไม่พอใจ
ข้าส่งยิ้มให้อาหลีอย่างจริงใจ
“ชอบสิ” อย่างน้อยที่นี่ก็ดีกว่าที่บ้านเดิม ที่ไม่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะอากาศหนาว ไม่ต้องกลัวว่าจะได้กินแค่ก้อนแป้งแข็งๆ และไม่ต้องได้ยินเสียงนินทาว่าข้าเป็นพวกไร้ประโยชน์
อาหลียิ้มกว้างหลังจากได้รับคำตอบ นางกุมมือจับมือของข้ามาแนบหน้าผากราวกับทำความเคารพ
“หากท่านชอบที่นี่ ต้องอยู่ไปนานๆ นะเจ้าคะ”
บางครั้งทั้งคำพูดและการกระทำของนาง ก็ทำให้ข้าสงสัยไม่น้อย เพราะในนิยาย บ่าวรับใช้ทั้งหลายต่างก็ไม่ได้สนใจเซียวเฉิงซินเท่าใดนัก กว่าจะสนใจกันก็ตอนที่ตงฟางอวิ๋นเซียวลงโทษบ่าวรับใช้ที่รังแกนาง แต่ข้ากลับได้รับการเอาใจใส่ ราวกับเฝ้ารอมาเป็นเวลานาน
หากแต่ไม่ใช่เรื่องที่จะถามออกไปโดยง่าย
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
อาหลีส่ายหน้า
“หาใช่เรื่องที่ท่านต้องรบกวน แต่เป็นหน้าที่ของข้าและเหล่าบริวารอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
คำพูดของอาหลีทำให้หัวใจของข้าพองโตด้วยความตื้นตัน ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้วพิธีส่งตัวเจ้าสาวเล่า”
“นายหญิงเข้าพิธีส่งตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืนท่านประมุขคอยดูแลท่านที่ยังไม่ได้สติ”
ข้าชะงักเล็กน้อยแล้วมองเจ้าของคำตอบด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อคืน... ท่านประมุขดูแลข้าหรือ...”
ไม่จริงน่า... นั่นไม่ใช่ความฝันหรอกหรือ
อาหลีพยักหน้าเป็นการยืนยันคำตอบ
“เจ้าค่ะนายหญิง ท่านประมุขดูแลท่านทั้งคืนจนรุ่งสาง และท่านประมุขสั่งให้ข้ามาบอกกล่าวท่านว่าด้วยเรื่องกฎของนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ”
ข้าเผลอขมวดคิ้ว
“กฎของนายหญิง?”
“เจ้าค่ะ”
อาหลีหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาจากคอเสื้อแล้วยื่นมาข้างหน้า ข้ารับมาอ่านด้วยความสนใจ โดยหน้าปกนั้นเขียนไว้เพียงแค่คำว่า ‘กฎ’ เท่านั้น
ข้าพลิกดูด้านหลังแล้วไม่เห็นว่ามีสิ่งใดจึงเปิดอ่านด้วยความสงสัย
ห้ามไปยังห้องใต้ดิน
กฎข้อแรกทำให้ข้าชะงักเล็กน้อย แต่เข้าใจว่าห้องใต้ดินคือพื้นที่ส่วนตัวของตงฟางอวิ๋นเซียว ตลอดระยะทางได้วางค่ายกลอันเป็นปริศนาเอาไว้มากมาย จึงมีเพียงตงฟางอวิ๋นเซียวเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้
จะว่าไปข้าก็เคยได้ยินเรื่องที่มีเจ้าสาวคนหนึ่งถูกค่ายกลสังหาร เนื่องจากต้องการสืบหาจุดอ่อนของประมุขมาร
ห้ามขาดมื้ออาหาร ต้องร่วมมื้ออาหารทุกครั้ง
มื้ออาหารถือเป็นการใช้เวลาร่วมกันระหว่างสามีภรรยา ทว่าตงฟางอวิ๋นเซียวจะเฝ้ามองภรรยาดื่มด่ำไปกับมื้ออาหารเท่านั้น จึงทำให้เจ้าสาวบางคนรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
ห้ามจุดตะเกียงในห้องเมื่อถึงเวลาเข้านอน
เมื่ออ่านข้อห้ามนี้แล้วก็ประหม่าเล็กน้อย รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
ในเนื้อเรื่องได้บรรยายเอาไว้ว่า หากตงฟางอวิ๋นเซียวพึงพอใจในภรรยาของตน จะร่วมใช้เวลาในยามค่ำคืน กับเซียวเฉิงซินนั้นแม้จะใช้เวลาร่วมกัน แต่ตงฟางอวิ๋นเซียวกลับไม่เคยแตะต้องนางเลยแม้แต่ปลายเล็บ เขาเอาแต่เฝ้ามองใบหน้าของนางยามหลับใหล ก่อนจะจากไปก่อนรุ่งสาง
เช่นเดียวกับเมื่อคืนนี้อย่างนั้นหรือ...
น่าเสียดาย...
ข้าถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นพลิกหน้ากระดาษเพื่อดูข้อห้ามอื่นๆ หากแต่ไม่ใช่ข้อห้ามที่สำคัญมากนัก เป็นเพียงกฎระเบียบเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวข้าเอง
“นายหญิง วันนี้ให้ข้าพาท่านชมสวนรอบจวนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านจะได้ไม่รู้สึกเหงา” อาหลีเสนอหลังจากช่วยข้าสวมอาภรณ์ชุดใหม่ เป็นชุดที่มีขนาดเข้ากับร่างกายของข้าอย่างพอดี
ทั้งที่รูปร่างของข้ากับพี่หญิงใหญ่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ยิ่งสังเกตก็ยิ่งสงสัย พวกเขารู้ขนาดตัวของข้าอย่างละเอียดได้อย่างไร