“ฉันว่าโทรถามเลยน้ำขิง ไหน ๆ เรื่องมันก็มาขนาดนี้ละ ตามไปดูแกจะได้สบายใจด้วยไง” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมา เอาจริงฉันก็ไม่กล้าโทรถามหรอก และไม่รู้ด้วยว่าจะสบายใจขึ้น หรือจะทำให้เจ็บใจมากกว่าเดิม
“ถ้าแกลำบากใจก็ไม่ต้องโทรหรอก พอดีฉันเป็นเพื่อนเฟซกับพี่ธัน เดี๋ยวฉันเข้าไปส่องก่อน เผื่อเขาจะโพสต์อะไรบ้าง” แก้วตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดู “นี่ไง คืนนี้เที่ยวกันที่นี่” แล้วยื่นออกมาให้ดู
พี่ธันชอบเช็กอินสถานที่ที่พวกเขาไป แต่ไม่ได้แท็กพี่ต้นหรอกนะ มันแปลกไหมล่ะ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาจะไปด้วยกันตลอด แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของพี่ธันที่จะแท็กหรือไม่ก็ได้
“ปะ ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” โชกุนพูดขึ้นแล้วก็เรียกพนักงานให้มาเช็กบิล ก่อนจะเข้ามาคว้าแขนของฉันให้ออกไปกับเขา
เราขึ้นรถมากันสองคน โชกุนก็รีบสตาร์ทรถออกไปเลย ปล่อยให้สี่คนนั้นขับตามหลังมา ใจฉันเต้นแรงตลอดทางที่รถขับเคลื่อนบนท้องถนน มันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าคนในรูปจะใช่พี่ต้นจริงๆ แต่ก็ภาวนาให้เป็นแค่การคิดไปเอง ขออย่าให้พี่ต้นเป็นคนแบบนั้นเลย
โชกุนเลื่อนมาจับมือที่เย็นเฉียบ หันมามองด้วยความเป็นห่วง
“กลัวเหรอ” เอ่ยถามเสียงอ่อนลง
“อืม” ตอบเสียงเบาพลางหลุบตามองต่ำ
“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ทั้งคน” บีบมือของฉันแน่นกว่าเดิม
“อื้ม ขอบใจนายมากนะ”
@คลับ
.
พวกเราไปถึงที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง พอเดินไปถึงหน้าคลับ การ์ดก็ขอตรวจบัตรแล้วไม่ให้พวกเราเข้าไป เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 20 ปี สักพักอีกสี่คนที่เหลือก็มาถึง แล้วเดินเข้ามาหาพวกเรา
“มีอะไรกันวะ ทำไมไม่เข้าไป” ท็อปเอ่ยถามขึ้น ถ้าเข้าไปได้จะยืนกันอยู่ตรงนี้เหรอ ถามมาได้
“การ์ดไม่ให้เข้าว่ะ อายุไม่ถึง”
“นี่คลับเพื่อนเฮียกูเอง เดี๋ยวกูจัดการให้” เฮียที่ว่าก็คือลูกพี่ลูกน้องของฟิวส์นั่นเอง เขาก็เป็นเจ้าของคลับที่พวกโชกุนไปนั่งดื่มบ่อยๆ
ฟิวส์กดเบอร์โทรหาใครสักคนแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้การ์ดที่คุมหน้าคลับคุย สักพักเขาก็ปล่อยให้พวกเราเข้าไป
คนด้านในเยอะมาก โต๊ะก็เยอะ มีแต่แสงไฟวิบวับจนลายตาไปหมด
เราไล่ตามดูกันทีละโต๊ะ ทีละโต๊ะ โชกุนจับข้อมือของฉันเอาไว้ตลอดที่อยู่ข้างใน พวกเราแต่งชุดธรรมดากันมากๆ แตกต่างจากนักท่องราตรีที่มาเที่ยวกันในค่ำคืนนี้ ทั้งสวยหล่อ เซ็กซี่กันทั้งนั้นเลย
พวกเราเดินหากันเกือบสิบนาทีก็เจอกับโต๊ะของพวกรุ่นพี่ ฉันรั้งข้อมือเอาไว้แล้วหยุดเดิน ขอเวลาทำใจหน่อยนะ แต่สายตาก็เอาแต่มองไปทางโต๊ะนั้นตลอดเวลาที่ยืนอยู่ แต่กลับไม่เห็นพี่ต้นเลย เท่าที่เห็นตอนนี้มีเพียงพี่ธัน พี่ซัน และพี่มิตาเท่านั้น แปลกที่พี่พราวไม่มาด้วย ทั้งที่เธอสนิทกับพี่มิตามากๆ สองคนนี้จะตัวติดกันตลอด มีพี่พราวก็ต้องมีพี่มิตา
“ไม่อยากเข้าไปเหรอ” โชกุนโน้มตัวมาพูดข้างหู เนื่องจากเสียงดังของเพลงที่พูดกันเบาๆ แทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย
“อืม เมื่อกี้ฉันดูแล้วพี่ต้นไม่ได้อยู่ที่นี่” โชกุนก็มองไปที่โต๊ะนั้น ก็ไม่เห็นเขาจริงๆ
“แกไม่ลองเข้าไปถามดูล่ะ”
“เดี๋ยวพวกเราเข้าไปเป็นเพื่อนเอง”
ฉันส่ายหน้าให้แก้วตากับฟ้าใส สองคนนั้นก็พอจะรู้ว่าฉันไม่อยากเข้าไป มองแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าไม่มีพี่ต้น พวกเราอาจจะคิดมากกันไปเองก็ได้ และการที่มาตามหาเขาแบบนี้ มันก็ดูจะเป็นการจับผิดเกินไปหรือเปล่า
“เดี๋ยวพวกกูเข้าไปถามให้” ฟิวส์พูดเสร็จก็พาพวกเราไปหาโต๊ะนั่งที่อยู่ห่างจากพวกรุ่นพี่อยู่พอสมควร แต่ก็พอจะมองเห็นกันอยู่ แล้วก็สั่งเครื่องดื่มที่ไม่แรงมากมาให้พวกเราดื่ม ในขณะที่นั่งรอพวกเขาสองคนกลับมา
จากนั้นทั้งสองก็ถือแก้วคนละใบแล้วเดินไปหาเป้าหมาย
“อ้าว บังเอิญจัง หวัดดีครับ พวกพี่มากันแค่สามคนเหรอ” ท็อปกับฟิวส์แสร้งทำเป็นผ่านมาเห็นเลยเข้าไปทักทาย
“อืม นี่นายมากันสองคนเหรอ” พี่มิตาเป็นฝ่ายถามกลับมา
“ครับ พี่เป็นผู้หญิงคนเดียวมาดื่มแบบนี้ไม่เหงาเหรอครับ สนใจไปดื่มกับพวกผมมั้ย”
“ไม่เหงาหรอก พี่มีเพื่อนดื่ม”
“แล้วนี่พี่ต้นกับพี่พราวไม่มาเหรอครับ”
“สองคนนั้นน่ะเหรอ...”
“มิตา” พี่ซันเรียกชื่อของเธอ เหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่างเธอเลยเงียบไป ก่อนจะยกแก้วขึ้นชนกับสองคนนั้นแล้วยกขึ้นดื่มแทน
“ไอ้ต้นมันมาแค่แป๊บเดียว กินแก้วสองแก้วก็กลับไปแล้วล่ะ รายนั้นมันกลัวแฟน”
“อืมใช่ ส่วนพราวไม่ค่อยสบายน่ะ เลยไม่ได้มา”
“อ๋อครับ งั้นขอชนแก้วอีกรอบนะ เดี๋ยวขอกลับโต๊ะก่อน พวกพี่จะได้คุยกันสะดวก เผื่อพวกผมมากวน”
ท็อปกับฟิวส์ดื่มแก้วนั้นหมดก็กลับมาที่โต๊ะแล้วเล่าเรื่องที่ไปหลอกถามให้พวกเราฟัง
ฉันโล่งใจมากเลยที่ได้ยินแบบนั้น เหมือนยกภูเขาออกจากอก เครื่องดื่มที่สั่งมา พวกเรานั่งดื่มกันต่อเพียงครึ่งชั่วโมงแค่นั้นก็หมด เลยพากันออกมา
โชกุนก็ไม่ได้พูดอะไร เขาคงจะพยายามสงบสติอารมณ์ด้วย เพราะเมื่อกี้เขาเกรี้ยวกราดมาก ฉันกลัวมากว่าถ้ามาเจอพี่ต้นอยู่ที่นี่เขาต้องเข้าไปหาเรื่องแน่นอน
“ขอบใจทุกคนมากเลยนะที่เป็นห่วง” มาถึงรถฉันก็ขอบคุณทุกคนจากใจ เข้าใจในความหวังดีของเพื่อนๆ
ไม่ผิดหรอกที่พวกเขาจะคิดแบบนั้น แต่ฉันแค่อยากให้ทุกคนใจเย็นลงหน่อย ไม่อยากให้วู่วามกันเหมือนวันนี้เลย แต่ก็ดีใจที่มีเพื่อนที่รักและอยู่เคียงข้างกันตลอดที่รู้สึกไม่ดี
“ไม่เป็นไรแก เพื่อนกัน”
“ใช่ เราเพื่อนกันนี่ และฉันก็ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คิดมาก” แก้วทำหน้าหงอย
“ไม่เอา ไม่ทำหน้าแบบนั้น ฉันรักพวกแกนะ ฉันไม่โกรธพวกแกหรอก ฉันรู้ว่าทุกคนหวังดี” เราสามคนโผเข้าสวมกอดกัน เรียนด้วยกันมาตั้งหกเจ็ดปี เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เราโกรธกันได้หรอก
“ดูสาวๆ ดิ กอดกันกลมเชียว กูอยากเข้าไปกอดด้วยว่ะ”
“หยุดเลยไอ้ท็อป มึงนี่นะ เพื่อนนะเว้ย”
“ก็กอดให้กำลังใจเพื่อนไงวะ”
“หยุดเลย ไม่ต้องพูด”
“เออๆ” เสียงของท็อปกับฟิวส์พูดเถียงกันไปมา
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ พวกเราทั้งสี่ก็กลับมาคอนโด ส่วนท็อปกับฟิวส์ขอไปดื่มกันที่คลับลูกพี่ลูกน้องของฟิวส์ต่อ
@มหาวิทยาลัย
.
หลังจากเรื่องคืนนั้นฉันก็ไม่ได้ถามกับพี่ต้นหรอกว่าคนในรูปใช่เขาหรือไม่ หรือจะพูดว่ายังคงไว้ใจแฟนหนุ่มก็ว่าได้ ฉันแค่ไม่อยากทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผลแค่นั้นเอง และคืนที่ไปจับผิดแล้วไม่เจออะไร ฉันก็รู้สึกผิดในใจที่ไม่ไว้ใจแฟนของตัวเอง
พี่ต้นก็ยังคงทำหน้าที่แฟนได้ดี มารับมาส่งทุกวัน ตอนเที่ยงเราก็ไปกินข้าวด้วยกันที่คณะของเขาเหมือนเดิม และฉันก็เจอกับพี่พราวด้วยทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีท่าทีอะไรให้ต้องคิดมาก แต่พี่พราวเดี๋ยวนี้จะดูอารมณ์ดี ยิ้มแย้มให้ทุกครั้งเลย
ส่วนวันนี้พี่ต้นไม่มีเรียน เขาจะมารับตอนหมดคาบเรียนช่วงบ่ายแทน ฉันเลยมานั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ ระหว่างที่กำลังสั่งกับข้าวแล้วมานั่งที่โต๊ะได้ไม่นาน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ใส่ชุดนักศึกษารัดรูปมาก กระโปรงสั้นแทบจะเห็นชั้นในเดินตรงเข้ามา
“ขอนั่งด้วยคนสิ” ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วมองไปทางโชกุน แต่รายนั้นกลับไม่สนใจอะไรเลย กำลังเมินสาวอยู่
“ได้ค่ะ” เห็นว่ายังพอมีที่ว่างอยู่ เลยตอบตกลงแทน แม้จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เธอก็ดูเป็นมิตรเลยให้นั่งด้วย
“ขอบใจนะ” หญิงคนนั้นตอบกลับมาแล้วก็นั่งลงตรงข้ามโชกุน เธอยิ้มแล้วมองหน้าพ่อคนเย็นชาตลอดเวลา ไม่รู้ว่าสองคนนี้รู้จักกันหรือเปล่า แต่โชกุนไม่พูดไม่จาอะไรเลย
ทางด้านโชกุนเมื่อเห็นว่าริสามาหาเขา เหมือนที่ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ผ่านโทรศัพท์เมื่อคราวก่อน จึงได้หัวเสียเป็นอย่างมาก
ริสาที่นั่งตรงข้ามจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา เท้าเล็กที่สวมรองเท้าส้นสูงยกขึ้นยื่นไปด้านหน้าและเขี่ยขาของอีกฝ่ายใต้โต๊ะ เพื่อต้องการให้เขาสนใจ
“สองคนนี้รู้จักกันเหรอ” ฟ้าใสที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ยิ้มให้โชกุนจึงได้ถามขึ้น ฉันก็สงสัยเหมือนกัน แต่ดูเหมือนพวกผู้ชายจะรู้จักเธอนะ ดูไม่แปลกใจกันเลยที่จู่ ๆ เธอก็ขอมานั่งด้วย
“พี่ชื่อริสา อยู่ปีสอง”
“ปีสอง” แก้วตาท้วงขึ้น เธอก็นึกว่ารุ่นเดียวกันเสียอีก ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน “นี่พี่รู้จักโชกุนเหรอ”
“อื้ม รู้จักดีเลยล่ะ” พูดแล้วเอามือเท้าคางหันไปยิ้มให้เพื่อนชายของฉันต่อ
“ออกไปคุยกันข้างนอก” อีกคนที่ถูกพาดพิงทำหน้าเคร่งขรึม ยืนขึ้นเต็มความสูง พูดจบก็เดินนำสาวรุ่นพี่ออกไป