บทที่ 2
ภายในร้านอาหารหรูหรากึ่งร้านอาหารกึ่งผับที่ตั้งอยู่ในย่านของนักท่องเที่ยวใจกลางเมืองกรุง มีเสียงเพลงหวานซึ้งจากนักร้องสาวแสนสวยที่กำลังขับกล่อมให้ลูกค้าภายในร้านอาหารได้เพลิดเพลินกับการรับประทานมื้อค่ำในวันนี้
หญิงสาวที่ครวญเพลงสากลเป็นเพลงรักไพเราะเสนาะหูติดกันสองเพลงรวด พอหมดรอบในการร้องเพลงของเธอแล้ว ก็กล่าวขอบคุณลูกค้าภายในร้าน ก่อนจะหลบเข้าไปในห้องพักของนักร้อง โดยไม่รู้เลยตนเองถูกบุรุษหนุ่มจากรัฐคาไลยสองคนคอยจับตามองอย่างไม่วางตานับตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลงแล้ว
“ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมที่ชื่อจิลลาภา”
ผู้พันจาฮัสด์เอ่ยถามคนสนิทเสียงราบเรียบ ยกบรั่นดีขึ้นจิบทีละนิด ดวงตาคมกริบสีนิลจ้องมองตามร่างบางในชุดรัดรูปสีเหลืองทองทุกฝีเก้าที่เธอเดินลงไปจากเวที
“ครับผู้พัน”
ผู้กองคาฮาน อัมฮาน คนสนิทของผู้พันหนุ่มเอ่ยรับคำ ก่อนจะขยายความต่อ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นนักร้องประจำที่นี่ครับ เธอจะมาร้องเพลงประมาณสามชั่วโมงต่อคืนครับ”
“น่าแปลกนะคาฮาน” พันเอกจาฮัสด์พึมพำออกมาเบาๆ
“น่าแปลกยังไงหรือครับผู้พัน”
“ก็ตอนแรกเรานึกว่านังงูพิษคนนี้จะรีบขายชุดไพลินล้อมเพชรของท่านแม่ ซึ่งแน่นอนว่าเธอขายในตลาดมืดได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน แล้วก็รีบหนีไปกบดานในต่าง
ประเทศ แต่นี่เธอกลับมายืนร้องเพลงได้เงินค่าจ้างคืนละไม่กี่พัน มันเลยทำให้เราสงสัยว่านังงูพิษเกิดอาการสมองกลับ คิดไม่ถึงหรืออย่างไรว่าท่านพี่กำลังตามฆ่าเธออยู่”
เหตุผลของพันเอกจาฮัสด์ ทำให้ผู้กองคาฮานต้องพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย คนที่มีชุดไพลินล้อมเพชรมูลค่ามหาศาลอยู่ในมือ น่าจะหอบเงินร้อยล้านไปเสวยสุข กบ
ดานอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง แทนการมาร้องเพลงอยู่ที่นี่
“หรือว่าเธอจะเป็นตัวปลอมครับผู้พัน”
“ไอ้บ้า คิดมาได้ยังไงวะ” ผู้พันจาฮัสด์สบถด่าลูกน้อง “นายก็เห็นแล้วนี่ว่าเธอคือคนๆ เดียวกันกับรูปถ่ายที่ท่านพี่ให้พวกเรามา”
“ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่มีฝาแฝด ผมคิดว่าเธอคงเพี้ยนจริงๆ นั่นแหละครับผู้พัน และเธอคงไม่รู้ตัวว่าอีกไม่นานชะตาจะขาดแล้ว”
ผู้กองคาฮานเอ่ยเสียงเย็น เมื่อท่านชีคฮาซันคลั่งแค้นและเจ็บปวดเพราะผู้หญิงคนนี้ เขาก็แค้นเธอด้วย และหากท่านชีคต้องการให้ผู้หญิงคนนี้สิ้นชื่อไปจากโลก เขาก็พร้อมลงมือในทันที ตอนนี้รอแค่เพียงคำสั่งจากผู้พันจาฮัสด์ที่จะออกคำสั่งกับเขาเท่านั้น
“นายตามเรื่องเครื่องประดับของท่านแม่ไปถึงไหนแล้วคาฮาน”
ผู้พันจาฮัสด์เอ่ยถามขณะยกบรั่นดีสาดเข้าลำคอจนหมดแก้ว ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังนักร้องสาวแสนสวยคนใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมาร้องเพลงแทนคนเดิม
“ผมรวบรวมรายชื่อบรรดาเศรษฐีในเมืองไทยที่นิยมเล่นพวกเครื่องเพชรมาหมดแล้วครับ”
“มีทั้งหมดกี่ราย” ผู้พันจาฮัสด์ถามเสียงเข้ม
“เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีทั้งหมดสิบรายครับ ที่ชอบเล่นพวกชุดไพลิน และเป็นพวกพ่อค้ามือสกปรกด้วยครับ”
“นายตามติดคนพวกนี้แล้วใช่ไหม”
“ครับผู้พัน ส่งคนเฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ”
“ดี แล้วอย่าให้คนพวกนั้นรู้ตัวล่ะ”
“ไม่แน่นอนครับ พวกมันไม่มีทางรู้ตัวแน่นอนครับ”
ผู้พันจาฮัสด์พยักหน้ารับรู้พลางกระตุกยิ้มตรงมุมปากด้วยความพึงพอใจ ลูกน้องของตนเองแต่ละคนนั้นล้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่ละคนเป็นสายลับ เป็นนักฆ่าฝีมือระดับพระกาฬ ขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นรั้วของชาติคอยปกป้องประเทศในคราเดียวกัน
“ผู้พันจะจัดการนังงูพิษเมื่อไรครับ หรือว่าจะนั่งเฝ้าเธอไปแบบนี้เรื่อยๆ”
ผู้กองคาฮานเริ่มเบื่อกับการนั่งเฝ้าใครสักคน เพราะตอนนี้คันไม้คันมืออยากหาอะไรสนุกๆ เล่นแก้เซ็งแล้ว
และผู้พันจาฮัสด์ก็ล่วงรู้ปฏิกิริยาของลูกน้องดี เขาหัวเราะฮึๆ ในลำคอนั่งดื่มบรั่นดีอย่างใจเย็น ทำตัวเป็นเสือซุ่มคอยดักจับกระต่ายสาวเนื้อหวาน
“รออีกนิดคาฮาน รอให้ทุกคนกลับหมดแล้ว ก่อนค่อยไปอุ้มนังงูพิษมาเชือดคอ!”
หญิงสาวผู้กำลังรับเคราะห์กรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ อีกทั้งยังไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังถูกมัจจุราชในคราบผู้พันแห่งรัฐคาไลยกำลังต้องการตัวเป็นที่สุด ได้เก็บข้าวของส่วนตัวภายในห้องพักนักร้องเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
“แพรไหม ร้านปิดแล้ว กลับพร้อมพี่เลยไหม เดี๋ยวจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ที่นี่ก็ได้”
ก้อน ซึ่งเป็นมือกลองของวงดนตรีที่เล่นอยู่ภายในร้าน เอ่ยชวนผู้เป็นนักร้องสาวอย่างมีน้ำใจ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“วันนี้พี่ก้อนกลับก่อนเถอะค่ะ แพรต้องไปซื้อโจ๊กฝากคุณยายด้วยค่ะ ขอบคุณพี่ก้อนมากๆ นะคะที่ชวนแพรกลับบ้านด้วย”
จิลลาดา ชลกร หรือที่เพื่อนร่วมงานเรียกว่า แพรไหม ปฏิเสธความหวังดีของมือกลองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นอกจากนั้นยังแสดงทำเป็นมองไม่เห็นแววเสียดายที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย
แม้จะถูกปฏิเสธ แต่มือกลองก็ยังตื้อไม่เลิก “ไปซื้อโจ๊กก็ดีเหมือนกันนะครับ พี่เองก็อยากกินโจ๊กเหมือนกัน เดี๋ยวกินโจ๊กเสร็จแล้วค่อยซื้อไปฝากคุณยายน้องแพรด้วย”
จิลลาดาถอนหายใจยาวกับลูกตื้อของอีกฝ่าย “อย่าเลยคะพี่ก้อน วันนี้แพรไม่สะดวกกลับกับพี่ก้อนนะคะ นอกจากซื้อโจ๊กแล้วแพรต้องซื้อของอย่างอื่นไปให้คุณยายด้วย ถ้าจะให้พี่ก้อนมาเดินตามแพรอีกหลายชั่วโมงคงไม่ดีแน่ค่ะ อีกอย่างแพรเกรงใจพี่ก้อนด้วย อยากให้พี่ก้อนกลับไปพักผ่อนนะคะ”
เจอเหตุผลในการปฏิเสธที่แสนสุภาพ และค่อนข้างนุ่มนวลติดยาวเหยียด ทำเอามือกลองหนุ่มต้องยอมล่าถอยในที่สุด
“ถ้างั้นก็ได้ครับ พี่กลับก่อนนะครับ”
“ค่ะพี่ก้อน เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
จิลลาดายิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอทำให้มือกลองหนุ่มแทบใจละลายไปกับรอยยิ้มนี้
เมื่ออยู่คนเดียวภายในห้องพักนักร้องแล้ว จิลลาดาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกถึงคุณยายซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านเช่าหลังเล็กๆ หากเดาไม่ผิดดึกดื่นจวนจะตีสองแล้ว คุณยายเธอยังไม่นอนอย่างแน่นอน และงานสำคัญที่ทำให้ท่านต้องแบกสังขารไปทำทุกคืนคือการไปเล่นไพ่! ที่บ้านของเพื่อนบ้าน พอกลับมาถึงบ้านแล้วท่านก็จะหิวโซ เธอต้องเตรียมโจ๊กหรือข้าวต้มไว้ให้ทานในทุกคืน
“เฮ้อ! คุณยายนะคุณยาย เมื่อไรจะเลิกเล่นไพ่ก็ไม่รู้ เล่นไปก็ไม่เห็นได้เงินกับเขา มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น”
จิลลาดาบ่นอุบ เธอกล้าบ่นตอนอยู่คนเดียวเท่านั้น เพราะหากบ่นต่อหน้าคุณยาย มีหวังโดนด่าทั้งคืนแบบไม่ซ้ำคำด่า
หญิงสาวเร่งมือเก็บชุดร้องเพลงไปไว้ในตู้บานใหญ่ จากนั้นก็กวาดเครื่องสำอางที่วางอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋าใบใหญ่ กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าหมวกกันน็อค ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องอีกครั้ง และคิดว่ามือกลองหนุ่มคงยังไม่เลิกตื้อเธอจึงถอนหายใจลึกด้วยความเบื่อหน่าย แต่ขณะกำลังหันไปมองที่ประตูก็จำต้องแสร้งแย้มยิ้มให้กับอีกฝ่าย
“พี่ก้อนยังไม่...”