EP3 :
ร้อยแก้วเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของเจ้นุช สีหน้าของหล่อนไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็พยายามซ่อนเอาไว้ ขณะยกมือขึ้นเคาะประตูไม้ตรงหน้า
“แก้วมาแล้วค่ะเจ้”
“เข้ามาเลยลูกแก้ว”
เสียงตอบรับที่ฟังดูกระตือรือร้นต่างไปจากทุกครั้งของเจ้นุชทำให้ร้อยแก้วยิ่งแปลกใจ หล่อนดันบานประตูให้เปิดกว้างออก ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน
เจ้นุชนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน พอเห็นหล่อนเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้น เดินออกมาหาทันที ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม
“เอ่อ.. เจ้มีอะไรจะให้แก้วรับใช้เหรอคะ”
“โถๆๆ อย่าพูดแบบนี้สิลูกแก้ว...” สรรพนามที่เจ้นุชใช้เรียกหล่อนต่างไปจากทุกครั้ง “อั๊วก็แค่อยากจะถามสารทุกข์สุกดิบของลูกแก้วเท่านั้นแหละ”
“เอ่อ...”
ร้อยแก้วมึนงงกับท่าทางของคู่สนทนา เพราะร้อยวันพันปีเจ้นุชไม่เคยสนใจหล่อน แค่อุปการะให้ข้าวให้น้ำ และจิกหัวใช้หล่อนราวกับทาสในเรือนเบี้ย
“แล้วเรื่องเรียนล่ะ จบแล้วใช่ไหม เห็นนังหล้ามันบอกอั๊ว”
“เอ่อ... ใช่ค่ะเจ้”
เจ้นุชยกมือขึ้นลูบต้นแขนของหล่อนเบาๆ
“ไม่น่าเชื่อนะว่าลูกแก้วของอั๊วจะขยันจนเรียนจบได้อย่างนี้ อั๊วยินดีด้วยนะลูกแก้ว”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะเจ้”
หล่อนยืนอึดอัดอยู่ท่ามกลางสายตาของเจ้นุช อยากจะหนีออกไปจากห้องนี้นัก แต่ก็ทำได้แค่คิด
“ถ้าหน้าของลูกแก้วไม่ดำ ก็คงจะสวยไม่แพ้แม่ดวงดาวเลยล่ะ”
เมื่อคู่สนทนาพูดถึงมารดาที่ล่วงลับไปแล้วของตนเอง ร้อยแก้วก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะจากคำบอกเล่าของคนที่นี่ แม่ของหล่อนถูกบังคับให้ขายตัวอย่างไม่เต็มใจ หล่อนจะไม่มีวันยอมรับชะตากรรมแบบแม่เด็ดขาด หล่อนจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้สักวัน
“แก้วไม่มีทางสวยเหมือนแม่หรอกจ้ะเจ้ เพราะแก้วอัปลักษณ์”
“ตอนเด็กๆ ลูกแก้วก็หน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนกับร้อยฝันพี่สาวของหนูที่มีเศรษฐีมาขอไปเลี้ยงนะ แต่ไม่รู้ทำไมพอแตกเนื้อสาว หน้าถึงได้ทั้งเขรอะทั้งดำแบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ”
รอยยิ้มของเจ้นุชทำให้หล่อนรู้สึกหวั่นใจแปลกประหลาด แต่ไม่นานรอยยิ้มน่าขนลุกนั้นก็จางหายไป เหลือไว้แต่รอยยิ้มจอมปลอมเกลื่อนใบหน้า
“มันคงเป็นกรรมของแก้วน่ะค่ะเจ้”
“เอาเถอะๆ อย่าคิดมากเลย” เจ้นุชตบบ่าหล่อนเบาๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ต้องการขึ้น
“คืนนี้จะมีแขกกระเป๋าหนักมาใช้บริการที่ภัตตาคารของเรา ไม่รู้ว่าลูกแก้วได้ข่าวมาบ้างหรือยัง”
“เอ่อ พี่หล้าบอกแล้วจ้ะเจ้”
เจ้นุชยิ้มกว้าง “นังฝนมันปวดท้อง เพิ่งมาขอลางานไปตอนบ่าย อั๊วก็เลยอยากจะขอแรงให้ลูกแก้วมาช่วยเสิร์ฟอาหารให้กับแขกที จะได้ไหม”
“เอ่อ... แต่แก้วเลิกงานแล้วนะคะเจ้”
ร้อยแก้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ จนแว่นตาที่สวมอยู่แทบกระเด็นออกไปจากใบหน้า
“อั๊วรู้ แต่อั๊วไม่มีคนแล้วจริงๆ ลูกแก้วก็ช่วยอั๊วหน่อยนะ แค่มาเสิร์ฟอาหารเอง ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอก”
“แต่แก้ว... แก้วหน้าดำแบบนี้ ลูกค้าอาจจะรังเกียจ...”
“ไม่หรอก แค่เสิร์ฟอาหาร ลูกค้าใจกว้างอยู่แล้ว”
เจ้นุชยังยืนกรานความต้องการเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยแก้วเต็มไปด้วยความหวาดวิตก ปกติช่วงหลังเลิกงานหล่อนจะไม่ยอมออกจากห้องพักอีก แต่ครั้งนี้กลับปฏิเสธไม่ได้
“ว่ายังไงล่ะลูกแก้ว”
“แก้ว... แก้ว...”
“อั๊วอุตส่าห์เลี้ยงดูลูกแก้วมาอย่างดี ให้ข้าวให้น้ำไม่เคยขาด แล้วอั้วขอให้ลูกแก้วช่วยมาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าแทนนังฝนหน่อย แค่นี้มันเหลือบ่ากว่าแรงของลูกแก้วอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่... ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะเจ้”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง ในเมื่ออั้วเห็นลูกแก้วทำท่าอึกอัก ทำราวกับว่าอั้วสั่งให้ไปตายอย่างนั้นแหละ”
ร้อยแก้วลำบากใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว “ก็ได้จ้ะเจ้”
“จริงนะลูกแก้ว นี่ลื้อไม่ได้หลอกอั๊วเล่นใช่ไหม”
หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้นุชจะต้องทำท่าทางดีใจแบบนี้ด้วยกับแค่หล่อนตอบตกลงจะมาช่วยเสิร์ฟอาหารแค่นั้น
“จริงจ้ะเจ้”
“งั้นลื้อ รีบกลับไปอาบน้ำอาบท่านะ อาบให้สะอาดเอี่ยมๆ เลยนะ ขี้คงขี้ไคลก็ถูๆ ให้หมด อ้อ เดี๋ยวอั๊วจะให้นังบัวมันไปช่วยขัดตัวด้วย”
“เอ่อ... ไม่ต้องหรอกจ้ะเจ้”
“ทำไมล่ะ มือลื้อยาวจนขัดขี้ไคลที่หลังได้เหรอ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะเจ้ แต่แก้วคิดว่า... แค่มาเสิร์ฟอาหารเอง ทำไมแก้วจะต้องขัดเนื้อขัดตัวขนาดนั้นล่ะจ๊ะ”
เจ้นุชชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกลบเกลื่อน “ก็ลูกค้าเป็นคนใหญ่คนโต เจ้ไม่อยากจะให้อายเขาน่ะ แม้จะแค่เสิร์ฟอาหารก็ต้องสะอาดสะอ้านทุกซอกทุกมุม เข้าใจใช่ไหม”
หล่อนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ขี้เกียจที่จะโต้แย้ง เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเอาชนะได้
“เดี๋ยวอั๊วสั่งนังบัวให้เข้าไปช่วยนะ”
“เอ่อ... ไม่ต้องจ้ะเจ้ เดี๋ยวแก้วให้พี่หล้าช่วยจ้ะ”
เจ้นุชมองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “งั้นก็ตามนี้นะ แล้วทุ่มครึ่งเจอกัน อ้อ... เดี๋ยวอั๊วจะให้คนเอาชุดพนักงานเสิร์ฟไปให้ที่ห้องนะลูกแก้ว”
“จ้ะเจ้”
“งั้นก็รีบไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวขัดตัวไม่ทัน”
หล่อนตอบรับด้วยการผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้นุช สมองยังคงมึนงง ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
เท้าบอบบางเดินตรงไปยังห้องพัก เปิดประตูเข้าไปก็พบว่ามิ่งหล้านั่งรออยู่
“พี่หล้า...”
“ไปไหนมาน่ะน้องแก้ว นี่เลิกงานนานแล้วนะ” มิ่งหล้าเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ร้อยแก้วเดินเข้าไปนั่งบนเตียงใกล้ร่างของมิ่งหล้า สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจจนมิ่งหล้าสังเกตเห็น
“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูไม่สู้ดีเลย”
ร้อยแก้วช้อนตามองมิ่งหล้า ก่อนจะพูดออกไป “ฉันกลับมาช้าเพราะไปพบเจ้มาน่ะพี่หล้า”
“ไปพบเจ้...? ไปทำไมน่ะน้องแก้ว” มิ่งหล้าถามอย่างเป็นห่วง “หรือว่าเจ้เรียกไปตำหนิอะไร”
ศีรษะของร้อยแก้วส่ายไปมาเล็กน้อย “เจ้ไม่ได้เรียกฉันไปตำหนิอะไรหรอกจ้ะ แต่เรียกไปชื่นชมแล้วก็...”
“แล้วก็อะไรเหรอ”
“แล้วก็ขอให้ฉันไปช่วยเสิร์ฟอาหารในคืนนี้ด้วยจ้ะ”
สีหน้าของมิ่งหล้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ “เฮ้ย ไม่ได้นะน้องแก้ว มันอันตราย”
“ฉันรู้พี่หล้า แต่เจ้บอกว่าพี่ฝนลาไปตั้งแต่ตอนบ่าย แล้วตอนนี้ก็ขาดคนเสิร์ฟ”
“ก็นังบัว นังเอื้อง นังน้อย เยอะแยะไป ทำไมจะต้องมาเรียกน้องแก้วไปช่วยด้วย อย่าไปนะน้องแก้ว เพราะถึงแม้น้องแก้วจะทาหน้าดำแบบนี้ แต่ถ้าเกิดแขกมันชอบของแปลกขึ้นมา แล้วจะยุ่ง” มิ่งหล้าใจคอไม่ดีเป็นห่วงร้อยแก้ว
“ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงพี่หล้า รับปากเจ้ไปแล้วด้วย”
สีหน้าของมิ่งหล้าเต็มไปด้วยความแคลงใจและหงุดหงิด
“เจ้นี่ก็แปลกนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพิศวาสอะไรน้องแก้ว แต่วันนี้กลับเรียกไปหา แถมยังจะให้ขึ้นไปเสิร์ฟอาหารอีก พี่ว่ามันแปลกๆ นะ”
หล่อนก็คิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ “มันคงไม่มีอะไรหรอกพี่หล้า เพราะทุกคนที่นี่รู้ว่าฉันอัปลักษณ์ มีแค่ฉันกับพี่หล้าเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
มิ่งหล้ามองหน้าของร้อยแก้วอย่างเป็นห่วง “นั่นมันก็จริง แต่ไม่รู้ทำไมคืนนี้พี่เป็นห่วงน้องแก้วเหลือเกิน”
“ขอบคุณจ้ะพี่หล้า” ร้อยแก้ววางมือบนหลังมือขาวสะอาดของสาวเหนือรุ่นพี่เบาๆ และพูดขึ้นอย่างซาบซึ้งในความห่วงใยที่มีให้ “ฉันรักพี่หล้าเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของฉัน สักวันถ้าฉันได้ออกไปจากที่นี่ ฉันจะพาพี่หล้าไปอยู่ด้วย ฉันสัญญา...”
มิ่งหล้าระบายยิ้มกว้างมากกว่าทุกครั้ง ขณะยกมืออีกข้างวางทับมือเล็กของร้อยแก้ว
“พี่มีเรื่องจะบอกน้องแก้วด้วยล่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะพี่หล้า” ร้อยแก้วเอียงคอมองด้วยความแปลกใจ
“น้องแก้วจำเสี่ยเขียงหมูที่ชื่อวิบูลย์ได้ไหม ที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่ามาซื้อพี่ไปนอนด้วยประจำน่ะ”
ร้อยแก้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก็ร้องออกมา “อ๋อ... เสี่ยอ้วนๆ ที่พี่หล้าบอกว่าใจดีกับพี่หล้ามากกว่าทุกคนใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ”
“แล้วทำไมเหรอคะพี่หล้า”
มิ่งหล้าฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาที่เคยมีแต่ความทุกข์ตอนนี้เปล่งประกายความสุขออกมาจนร้อยแก้วสังเกตเห็น
“เสี่ยบอกกับพี่ว่า พรุ่งนี้จะมาซื้อตัวพี่จากที่นี่จ้ะ”
“จริงเหรอคะพี่หล้า!” ร้อยแก้วเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด หล่อนยินดีกับมิ่งหล้ายิ่งนัก
“จริงจ้ะ”
“แก้วดีใจที่สุดเลยค่ะพี่หล้า... ยินดีด้วยนะคะ พี่หล้าจะได้มีความสุขเสียที”
มิ่งหล้ากวาดตามองดวงหน้าของร้อยแก้วด้วยความรักความเมตตา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของคู่สนทนา
“พี่ขอให้เสี่ยซื้อแก้วไปด้วย”
“พี่หล้าไม่ต้องเป็นห่วงแก้วนะคะ พี่หล้าพาตัวเองออกไปก่อน แล้วค่อยคิดถึงแก้ว...”
“ไม่ได้หรอก เราจะไปด้วยกัน”
“แต่แก้วไม่อยากให้เสี่ยต้องมาจ่ายเงินค่าตัวให้แก้วด้วย แค่ลำพังพาพี่หล้าออกไปก็ใช้เงินมากมายแล้ว”
มิ่งหล้ามองร้อยแก้วและอมยิ้ม “เสี่ยรับปากกับพี่แล้วจ้ะว่าจะซื้อแก้วไปด้วย แล้วพรุ่งนี้เสี่ยก็จะมาคุยกับเจ้”
ร้อยแก้วน้ำตาไหลอาบแก้ม หล่อนโผเข้ากอดมิ่งหล้า พลางกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่าร้องไห้สิน้องแก้ว... อิสรภาพของเรากำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว อดทนให้ผ่านคืนนี้ไปเท่านั้นเอง”
“แก้วขอบคุณ... ขอบคุณพี่หล้ามากจ้ะ ขอบคุณที่สุดเลย”
“เอาไว้คอยดูแลพี่ เป็นการขอบคุณก็แล้วกัน”
“ได้จ้ะพี่หล้า... แก้วจะดูแลพี่หล้าให้ดีที่สุด แก้วสัญญาจ้ะ”
มิ่งหล้ายกมือขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้มนวลของร้อยแก้วเบาๆ มองสีดำที่หลุดเปื้อนมือมาแล้วอมยิ้ม
“พรุ่งนี้น้องแก้วของพี่ก็ไม่ต้องทาหน้าดำอีกต่อไปแล้ว”
ร้อยแก้วยกมือขึ้นแตะใบหน้าของตัวเอง หัวใจเต็มไปด้วยความสุขเมื่อรู้ว่ากำลังจะได้รับอิสรภาพที่โหยหาในเช้าวันพรุ่งนี้