ตอนที่ 1
EP1 :
ดวงหน้ารูปไข่ถูกผงถ่านป้ายเป็นปื้นยาวจนสองแก้มเปื้อนเปรอะสีดำสกปรก ดวงตากลมโตที่ถูกล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนหวานฉ่ำถูกปิดบังความงดงามเอาไว้ด้วยแว่นตาหนาเตอะ กลีบปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อที่อยู่ใต้ปลายจมูกโด่งเชิดถูกตกแต่งด้วยสีขาวจนซีดเซียวไม่ต่างจากคนเป็นโรคร้าย ฟันขาวสะอาดมีสีดำติดเอาไว้หลายจุด หาความน่ามองไม่เจอเลย
ร้อยแก้วมองใบหน้าของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักคับแคบด้วยความเศร้าหมอง ความอัปลักษณ์ที่ต้องสร้างขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ต่างจากตกอยู่ในขุมนรก
แม้ว่าที่นี่จะให้ข้าวให้น้ำให้ที่ซุกหัวนอน แต่หล่อนก็ต้องเอาแรงกายเข้าแลกเพื่ออาหารประทังชีวิต ทุกคนที่นี่ล้วนต่างวนเวียนอยู่ในกลิ่นคาวของน้ำกาม
ตั้งแต่จำความได้ หล่อนก็เห็นผู้หญิงที่นี่แต่งเนื้อแต่งตัววับแวม และก็ออกไปนั่งในตู้กระจก รอให้ผู้ชายทุกเพศทุกวัยที่กระเป๋าหนักชี้นิ้วเลือก ก่อนจะหอบหิ้วกันขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งแบ่งเอาไว้เป็นห้องพักให้แขกได้ขึ้นสวรรค์
ผู้หญิงจำนวนมากสมัครใจที่จะก้าวเท้าเข้ามาในวังวนโสมมนี้ แต่บางคนก็ถูกหลอกลวงให้มาขายตัว หล่อนยังจำเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงผิวขาวถูกเฆี่ยนตีในห้องพักเพื่อให้ยอมออกไปรับแขก จำได้ว่าตอนนั้นหล่อนขึ้นไปทำความสะอาดพอดี และพยายามจะช่วยแล้ว แต่ก็ถูกพวกแมงดาในซ่องชี้หน้าข่มขู่เอาไว้ ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ทำให้หล่อนช่วยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ จนกระทั่งหลายวันต่อมา หล่อนก็เห็นพี่สาวคนนั้นออกไปรับแขกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่น
มันคือความอัปยศยิ่งนัก ที่พวกผู้ชายหากินโดยใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ หล่อนไม่เคยชินกับเรื่องราวแบบนี้เลย แม้ว่าจะคลุกคลีอยู่กับมันมาเนิ่นนาน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร้อยแก้วรีบมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อเช็กความเรียบร้อยของตนเอง และเมื่อพบว่าตัวเองอัปลักษณ์พอแล้วจึงเดินไปเปิดประตู
ผู้หญิงผิวขาวที่เคยถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้ออกไปรับแขกเมื่อแปดปีก่อนยืนอยู่ตรงหน้าของหล่อน และมิ่งหล้าก็คือชื่อของผู้หญิงคนนั้น คนคนเดียวที่ให้ความช่วยเหลือหล่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่หล้า...”
มิ่งหล้ากวาดตามองใบหน้าของร้อยแก้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับดึงบานประตูให้ปิดสนิทลง และลงกลอนอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ดึงร่างอรชรของหล่อนให้กลับไปที่หน้ากระจกเงาอีกครั้ง
“สีดำยังไม่ทั่วหน้าเลยน้องแก้ว เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอก”
แล้วมิ่งหล้าก็จัดการเอาผงถ่านละเลงใบหน้าของร้อยแก้วเพิ่มเติมสักพักก็หยุดมือ และมอง
“ต้องดำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะไม่รอด เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”
“ขอบคุณพี่หล้ามากค่ะ ที่คอยช่วยเหลือแก้ว” หล่อนมองมิ่งหล้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
มิ่งหล้ายกมือขึ้นตบบ่าของร้อยแก้วเบาๆ “พี่ไม่อยากให้เด็กสาวบริสุทธิ์อย่างน้องแก้ว ต้องมาแปดเปื้อนราคีแบบพี่ มันทรมานมากที่ต้องนอนกับผู้ชายกักขฬะพวกนั้น”
“เราหนีไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนบอกความต้องการกับมิ่งหล้า แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยมองเห็นทางรอด
“น้องแก้วก็รู้ว่าเราไปไหนไม่ได้ ขนาดน้องแก้วอยากเรียนหนังสือ ยังต้องเรียนทางไปรษณีย์เลย ไปสอบก็ต้องให้แมงดาตามไปคุม เห็นไหมว่าเราไม่มีทางหนีไปไหนได้”
มิ่งหล้าถอนใจออกมาอย่างอับจนหนทาง เพราะหล่อนเคยพยายามหนีแล้ว แต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้งไป และแต่ละครั้งที่ถูกจับมาได้ พวกแมงดาก็ซ้อมหล่อนปางตาย
“นี่เราจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้เลยเหรอจ๊ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วกะพริบตาไล่หยาดน้ำตา เพราะเกรงว่าสีดำบนใบหน้าจะจางลงไป
“ทางเดียวที่เราจะไปจากที่นี่ได้ นั่นก็คือ... ต้องมีแขกซื้อเรา แต่จะมีผู้ชายคนไหนยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโสเภณีอย่างเราล่ะ ไม่มีหรอก”
“แต่แก้วจะพยายาม... ยังไงซะแก้วก็จะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ เราไปด้วยกันนะพี่หล้า”
มิ่งหล้ายิ้มบางๆ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ร้อยแก้วหวังมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถึงแม้ที่นี่จะเปลี่ยนจากซ่องมาเป็นภัตตาคารแล้ว แต่ก็ยังมีแอบแฝงการขายบริการเอาไว้เหมือนเดิม
“น้องแก้ว ออกไปทำความสะอาดเถอะ แล้วระวังอย่าให้น้ำโดนหน้านะ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะเดือดร้อน”
“ค่ะ พี่หล้า”
มิ่งหล้าฝืนยิ้มเศร้าหมอง ขณะเดินนำร้อยแก้วออกไปจากห้องพัก เดินไปตามทางแคบๆ ที่แบ่งเอาไว้ให้พนักงานได้อยู่อาศัย
“อ้อ พี่ลืมบอกแก้วไป คืนนี้ที่นี่จะมีลูกค้าระดับไฮเอ็นมาใช้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงถูกเรียกไปรับใช้ น้องแก้วก็เข้าที่พักเร็วๆ นะ แล้วก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
“ขอบคุณพี่หล้ามากจ้ะที่เตือนแก้ว”
“งั้นพี่ไปเสิร์ฟอาหารก่อนนะ แวบมานานเดี๋ยวถูกเล่นงานเอา”
“จ้ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วยืนมองร่างอวบอัดของมิ่งหล้าที่รีบย่ำเท้าเดินจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ เมื่อไหร่ผู้หญิงทุกคนที่นี่จะได้อิสรภาพเสียที
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ขณะย่ำเท้าเดินตรงไปยังด้านหลังของภัตตาคาร เพราะงานที่ตนเองได้รับมอบหมายอยู่ที่นั่น
“นังแก้ว แกนี่มาช้าตลอดเลยนะ เห็นไหมว่าในครัวยุ่งแค่ไหน”
ป้าสมศรีส่งเสียงตำหนิทันทีเมื่อเห็นหล่อนเดินเข้ามาภายในห้องครัว
“เอ่อ... แก้วขอโทษค่ะ”
“มึงก็ขอโทษทุกทีนั่นแหละ ตั้งกี่ปีมาแล้วก็พูดแต่คำเนี้ย”
ป้าแม่ครัวใหญ่พูดอย่างเบื่อหน่าย หล่อนทำได้แค่ก้มหน้าไร้โอกาสโต้แย้ง
“มาๆ เลย มาช่วยล้างหม้อนี่ เดี๋ยวจะต้องเคี่ยวน้ำซุป”
“จ้ะป้า”
หล่อนก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่ง ในขณะที่ภายในห้องครัวเกิดเสียงสนทนาขึ้นเมื่อบัวคำ สาวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
“นี่แกรู้ไหมว่าคืนนี้จะมีมหาเศรษฐีมาใช้บริการที่นี่”
“จริงเหรอนังบัว”
“จริงสิ กูจะหลอกมึงทำไมอีเอื้อง แล้วเขาก็ร่ำลือกันว่าหล่อมากด้วยนะโว้ย”
สองสาวที่เมื่อก่อนเคยทำหน้าที่รับแขกอยู่หน้าร้าน แต่ตอนนี้สภาพร่างกายอวบอ้วนจึงถูกปลดระวางมาทำงานในห้องครัวแทน
“ว้า! เสียดายจัง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราสองคนจะต้องได้รับเลือกไปปรนนิบัติแน่ๆ”
“พวกมึงเลิกพล่ามได้แล้ว อ้วนยังกับหมูตอนยังจะมีหน้าอยากจะไปปรนนิบัติแขกอีก มานี่... มาหั่นคะน้าให้กูนี่ กูจะต้องรีบใช้ เร็วเข้า” ป้าสมศรีพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“แหม ป้าศรีก็... ฉันฝันบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ” เอื้องฟ้าตัดพ้อหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างอ้วนไม่แพ้กันเสียงออดอ้อน
“จะฝันเอาไว้ตอนนอนนู่น ตอนนี้มาทำงาน เดี๋ยวทำอาหารไม่ทัน กูถูกเจ้นุชเล่นงานเละ” ป้าสมศรียังคงแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดดุดันตามนิสัย
เอื้องฟ้ากับบัวคำเบ้ปากและกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องกับแม่ครัวใหญ่ จึงต้องยอมทำตามคำสั่ง
“ทำก็ได้จ้า... ไหนล่ะ คะน้าอยู่ไหน” บัวคำเดินมาหยุดที่โต๊ะกลางห้องครัว มองหาต้นคะน้า
“ในตู้เย็นไงล่ะนังบัว นี่มึงจะต้องให้กูหยิบมาประเคนมึงถึงที่หรือไง” ป้าสมศรีหันมาด่ากราด
บัวคำเบ้ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปจิกหัวเรียกร้อยแก้ว “นังแก้ว มึงไปหยิบคะน้าออกมาจากตู้เย็นให้กูหน่อย เร็วเข้า”
ร้อยแก้วจำต้องละมือจากการล้างหม้อใบใหญ่ และเดินไปที่ตู้เย็นหยิบผักคะน้าถุงใหญ่ออกมาให้กับบัวคำตามคำสั่ง
“นี่จ้ะพี่บัว”
บัวคำพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะผายมือไล่ “วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วก็ไปที่อื่นได้แล้ว เห็นหน้ามึงแล้ว กูตกใจ”
“มึงตกใจอะไรวะอีบัว” เอื้องฟ้าเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ กับบัวคำ และพากันจ้องมองหน้าดำๆ ของร้อยแก้ว
บัวคำหัวเราะคิกคัก “นี่มึงต้องให้กูพูดจริงๆ เหรออีเอื้อง”
“มึงก็พูดมาสิ เผื่อนังแก้วมันจะยังไม่รู้ตัวน่ะ”
ร้อยแก้วทำได้แค่เพียงก้มหน้า และเดินกลับไปล้างหม้อเงียบๆ เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในอก
“ก็ตกใจที่หน้าของนังแก้วมันดำ เหมือนผียังไงล่ะ”
“ผี...” เอื้องฟ้าหัวเราะลั่น ก่อนจะพูดต่อ “กูว่าผีแม่งยังน่ากลัวน้อยกว่าหน้าอีแก้วอีก อีบัวมึงกว่าไหม”
สองสาวอวบอ้วนหัวเราะลั่นห้องครัว จนป้าสมศรีต้องเอาทัพพีอันใหญ่เหวี่ยงใส่กลางวง
เพล้ง...
“ว้ายยย ป้าศรีทำอะไรเนี่ย” บัวคำสะดุ้งโหยงตกใจเมื่อจู่ๆ ทัพพีลอยมาตรงหน้า เกือบถูกหัว
“นั่นสิป้าศรี นี่ถ้าฉันหลบไม่ทัน หัวแตกมาทำยังไงล่ะ” เอื้องฟ้าบ่นอุบอย่างไม่พอใจ
ป้าสมศรีหันหน้ามายืนเท้าสะเอวมอง “แล้วพวกมึงล่ะ ผีเจาะปากมาพูดหรือไง ไปว่านังแก้วมันทำไม ปมด้อยของคนอื่นน่ะชอบขุดจังนะ นังพวกผีเปรต”
“อ้าวๆๆๆ นี่ป้าศรีเดือดร้อนแทนนังแก้วมันหรือไงเนี่ย” บัวคำถามอย่างโมโห
“กูไม่ได้เดือดร้อนแทนใครหรอก แต่กูทนฟังคำพูดสกปรกจากปากเน่าๆ ของพวกมึงไม่ได้ แล้วถ้าพวกมึงไม่หุบปากนะ กูจะเอาน้ำร้อนนี่กรอกปากพวกมึง คอยดูสิ!”
“ป้าศรี!”
“ทำไมอีบัว มึงคิดว่ากูไม่กล้าหรือไง” ป้าสมศรีหันไปคว้ากาต้มน้ำร้อนมาไว้ในมือ
“พอเถอะนังบัว ปล่อยป้าศรีแกไปเถอะ” เอื้องฟ้าเห็นว่าป้าสมศรีจะเอาจริง เลยเตือนสติเพื่อน
“เอ่อ... หยุดก็ได้วะ” บัวคำก็เก่งแต่ปากเท่านั้นเอง
“จำเอาไว้อย่าคิดลองดีกับกู เพราะในครัวกูใหญ่สุด”
ป้าสมศรีมองสองลูกมือของตนเองด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปจัดการกับหม้อใบใหญ่ที่กำลังเคี่ยวอาหารอยู่ภายในตามเดิม
บัวคำกับเอื้องฟ้าทำปากขมุบขมิบแต่ไม่กล้าออกเสียง ในขณะที่ร้อยแก้วทำได้แค่เพียงก้มหน้าล้างหม้อไปเงียบๆ