ข้าวปุ้น=ขนมจีน

3315 Words
ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ไพศาลสีเขียวขจีสายลมพัดไหวใบข้าวปลิวพริ้วไหวเหมือนคลื่นทะเลกลิ่นหอมอ่อนๆของรวงข้าวที่กำลังงออกมาชูช่อสวยงามรอวันที่จะเปลี่บนเป็นสีทอง ขนมจีนชอบบรรยากาศแบบนี้มาก เธอจะมานั่งดูท้องนาทุกวันเฝ้ารอวันเก็บเกี่ยว ธนภพกับข้าวปุ้นเดินตามหาขนมจีนเพราะพ่อคำปันให้มาตามไปกินข้าวเย็น วันนี้ขนมจีนขอแม่มาเดินเล่นดูท้องทุ่ง "เอื้อยๆ...อีแหม่ให้มาเอิ้นไปกินเข่าแลง" (พี่แม่ให้มาเรียกไปกินข้าวเย็น) **"เออ"** "พูดไม่ไพเราะเลยนี่น้องชายสุดหล่อนะ" "ข้าวปุ้นกับขนมจีนเป็นพี่น้องกันชื่อไม่คลายกันเลย" "**ไม่คล้ายแต่เหมือนกันเลยล่ะจ่ะคุณคนกรุง"** "เหมือนกันตรงไหน " "**ข้าวปุ้นคือขนมจีน ขนมจีนก็คือข้าวปุ้นไง"** "งง" "เอื้อย.ขนมจีนอธิบายไม่ถ่องเลย คนอีสานเรียกขนมจีนว่าข้าวปุ้นครับอ้ายเขย" "**ใครใครเป็นอ้ายเขยเจ้า บักห่านี่แหม แกตายแน่บักข้าวปุ้น"** "อีแหม่ เอื้อยจะฆ่าข่อย" ข้าวปุ้นวิ่งหนีกลับบ้าน ขนมจีนวิ่งตามไปติดๆ ภาพสองพี่น้องหยอกกันแกล้งกันเป็นภาพที่ธนภพไม่เคยได้สัมผัสเลยเพราะเขาคือลูกชายคนเดียวของตระกูล "แฮกๆๆ อีแหม่เอื้อยจะฆ่าข้าวปุ้น" "โตซำค*ยแหล่วยังจะหยอกกันมากินเข่า" (ตัวเท่าควายแล้วยังเล่นกันมากินข้า) ทุกคนล้อมวงกินข้าวบรรยากาศที่อบอุ่นธนภพไม่ค่อยได้สัมผัสเท่าไรนักตอนอยู่กรุงเทพน้อยครั้งที่คนในครอบครัวของเขาจะอยู่กันครบหน้าเพื่อรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันเหมือนที่นี่ถึงอาหารบางอย่างจะไม่ถูกปากเขาเพราะเป็นอาหารอีสานท้องถิ่นที่เขาไม่คุ้นเคยแต่ ธนภพก็รู้สึกว่ามันอร่อยมาก เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายขนมจีนเข้าห้องไปแล้ว ข้าวปุ้นทุกวันจะมานั่งคุยกับธนภพเรื่องจีบผู้สาวเหมือนเคย "อ้ายผมต้องไปเบิ่งหนังกับผู้สาวเอ่อคืออยากจับมือแหม" "คนอ่ะไรชื่อแหม" "บ่ๆๆ..เอํอะ ไม่ไม่ใช่แหมเป็นคำสร้อยที่คนอีสานพูดติดปาก อยากจับมือแหมคืออยากจับมือจัง" "ขอมือหน่อย...มือด้านจัง อื้อหือเหม็นด้วยไปจับอะไรมาเนี่ยสาวไม่กล้าจับมือหรอก" "จกปลาแดกมาเมื่อตอนกินข้าวแต่ล้างแล้วนะ อ้าย" " ทุกครั้งที่ล้างต้องทาครีมบำรุงมือ มือจะได้นุ่มๆเวลาสัมผัสกันจะได้ละมุน" "อีหลีติ...ตื่นเต้นจะกล้าบ่หึ" "ถึงเวลาก็กล้าเองอารมณ์มันพาไปแต่แค่จับมือนะอย่าเตลิดไปไกลและนี่พกไว้ดีกว่า" **คนที่นี่เขาไม่สนหรอกมือนุ่มๆ น่ะผู้สาวที่นี่ชอบคนมือสากแข็งกระด้างเพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้บ่าวคนนั้นขยันทำงานมือเลยด้านไอ้พวกมือนุ่มๆน่ะพวกขี้เกียจ"** "เอื้อยชอบผู้บ่าวมือด้านบ่" "**เออข้าชอบผู้บ่าวมือด้าน"** "อ้ายได้ยินบ่เอื้อยขนมจีนชอบคนมือด้านอีกไม่นานถ้ามืออ้ายด้านอ้ายได้เป็นอ้ายเขยปุ้นแน่นอน" "บักปุ้นบักปากเหม็นข้าบ่เอาดอกซุมคนกรุงเทพน่ะมีแต่ขี้ตั๊ว" "อ้าย จัดให้สักหนี่งกระบวนท่าสิเห็นปฏิเสธจริงวันไหนอีพ่ออีแหม่บ่อยู่จะช่วยจับให้อ้ายปล้ำซะให้เข็ดพวกผู้สาวปากแข็งดากอ่อนเนี่ยเห็นเสร็จทุกราย" "หึหึ..หึหึ .เป็นน้องที่รักพี่สาวมากจริงๆ" "คันแข่วแหม...ดูตาก็รู้ว่าแอบชอบอ้าย" "คันแข่ว คืออะไร?" "หมันไส้ ...อ้ายจำภาษาอีสานได้ยัง" "บางคำ...แต่พูดยาก" "ผู้สาวอุดรในเมืองสวยมากเลยนะอ้ายว่างๆ ไปเที่ยวในเมืองกันบ่" "ที่บ้านนี้ก็มีจะไปทำไมถึงในเมือง" "บ๊ะแหล่ว...ชอบเอื่อยแม่นบ่...น่ะๆๆๆเขิลๆหน้าแดง" "บ้า" "อ้ายจะมาอยู่ที่นี่กี่ปีฝึกงานน่ะ" "หนึ่งปีถ้าได้เงินทุนจากพ่อก็อยู่ตลอดไปแต่ถ้าไม่ได้ต้องกลับไปช่วยงานพ่อที่บริษัท." "ฮ้าวววว...นอนกันเถอะดึกแล้วพร่งนี้พ้อกันเด้อ" "พูดกลางคำอีสานคำ...งง.." ธนภพเข้าห้องนอนแล้วสายลมเย็นๆที่บ้านของพ่อคำปันที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเลยแต่ก็อยู่ได้ เพราะลมธรรมชาติที่ในกรุงเทพไม่มีโอกาสได้พบเจอ เช้าวันรุ่งขึ้นเหมือนเดิมทุกๆวันแดดอ่อนๆ ปะทะกับยอดขาวสีเขียวดูสดใสสดชื่นอากาศบริสุทธิ์ท้องทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ธนภพจินตนาการถึงโครงการที่เขากำลังจะสร้างขึ้นมันต้องดีแน่ๆ ข้าวปุ้นอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนเดิมทุกวัน ขนมจีนก็เช่นกัน เตรียมตัวไปทำงานในนา ธนภพไม่ลืมที่จะเตรียมตัวรอเธอบัดนี้เสื้อแบรนด์ดังลายสก๊อตที่เขาสวมใส่ทำนามันก็เก่าสมใจขนมจีน ถึงมันจะดูเก่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้ธนภพดูหมองไปด้วยยังคงเปล่งแสงออร่าความหล่ออยู่ทุกวัน ขนมจีนหญิงสาวใจแข็ง เธอแอบชอบเขาอยู่ลึกๆในใจไม่แสดงออกมา เธอแอบมองเขาทุกครั้งที่เขาเผลอ หัวใจเต้นระรัวดั่งดนตรีเป็นจังหวะร๊อค ทุกครั้งที่เผลอสบตากัน วันนี้ทั้งคู่มาช่วยกันถอนหญ้าในนา มีชาวนาหลายคนที่มาช่วยเอาแรง "หมับ..หมับ.." **มาจับมือชั้นทำไม..ฉวยโอกาส บักคนกรุงหน้าขาว** "ผมไม่ได้ตั้งใจก็แค่จะจับต้นหญ้า" ทั้งคู่เผลอสบตากันอีกแล้วขนมจีนหน้าแดงก่ำ จ่อยเห็นท่าจะไม่ดีเข้ามาแทรกแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน "พุ้น..ไปแนวพุ้น" ธนภพบปลีกตัวออกมาพลางคิดในใจว่า "บักห่านี่ ก้างจริงๆกำลังจะฟินเลย...ขัดใจแฮง" ตกเย็นทำงานเสร็จแล้วก็พากันกลับบ้านคันนาเล็กๆธนภพเดินไม่ถนัดในตอนแรกบัดนี้เขาชินแล้วกับการเดินบนคันนา ขนมจีนเดินนำหน้าเธอคิดอะไรเพลินๆ สะดุดเข้ากับกอหญ้าเธอเกือบจะล้มธนภพเอาแขนโอบรอบเอวเธอไว้ทันแต่มือเจ้ากรรมมันไปสัมผัสเข้ากับเนื้อนิ่มสงวนของเธอ ขนมจีนหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธและอาย **ตายแน่...ตายแก่แด่..บักคนกรุงอย่าอยู่เลย** "ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจก็ขนมจีนจะล้มนี่นา" "ตุบตับ..ตุบตับ.." "โอ๊ย...ไม่มีเหตุผลเลยนี่แนะวันนี้ผมสู้เด็กอมาสิมาสิ" ธนภพรวบมือของขนมจีนที่กำลังทุบตีเขาอยู่ไว้จ้างหลังหญิงสาวตัวเล็กๆหรือจะสู้แรงชายได้แขนยาวทั้งสองข้างโอบรอบร่างเล็กไว้เพื่อล็อกแขนของเธอไม่ให้ทุยตีเขาได้ตาประสานตานิ่งนานเสียงหายใจทั้งคู่ประสานกันเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการไฟว์กันเมื่อครู่ ธนภพก้มลงมาใกล้ใบหน้านวลที่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆอยู่เต็มหน้าผากและไรผมปลายจมูกสัมผัสกับแก้มนวลริมฝีปากของเขาทาบทับลงบน ริมฝีปากของเธอจุมพิตแสนหวานเนิบนาบช้านานขนมจีนตอบรับรสจูบที่เขามอบให้อย่างลืมตัวเพราะความต้องการลึกๆในใจเธอเธอต้องสะดุ้งเมื่อ "อ้าย..อ้ายภพ...พรุ่งนี้เบิ่งหนังกันบ่..ทำอะไรกันจูบกันบ่" "บ้า..ใครจะมาจูบกัน ..แมลงเจ้าตาน่ะ แมลงเข้าตาขนมจีนเนี่ยๆดูสิ" "ช่างเถอะ..เอื้อย..เอื้อยขนมจีนคนสวยคนงามพาน้องหล้าคนหล่อไปเบิ่งหนังนะๆ พักงานไว้สักวันนะ" "อ้าวทำไมต้องให้ขนมจีนพาไปหล่ะ ก็ข้าวปุ้นขับรถยนต์ไม่ได้ ม่องนี้มันไกลจากตัวเมืองอุดรเยอะขับมอเตอร์ไซค์มันอันตรายขอแม่แล้วแม่ไม่ยอมนัดเพื่อนไว้แล้วด้วยแม่บอกถ้าเอื้อยยอมพาไปก็ได้ไป" **บ่..บ่ไป..บ่ชอบ** "นะนะนะๆๆๆๆๆๆๆพาไปหน่อย" **บ่ๆ.บ่ๆๆๆ..บ่ไป** ข้าวปุ้นจอมตื้อตื้อพี่สาวแต่ขนมจีนห่วงงานในไร่นาแล้วเธอก็ไม่ชอบไปเที่ยวด้วย "อีแหม่เอื้อยบ่พาข่อยไปเบิ่งหนังแหม..บ่ฮู้ล่ะมื้ออื่นถ้าข่อยบ่ได้เบิ่งหนังข่อยจะบ่ยอมกินเข่า" (แม่พี่ไม่ยอมพาไปดูหนัง..ไม่รู้ล่ะพรุ่งนี้ถ้าไม่ได้ดูหนังจะไม่กินข้าวด้วย) "พี่พาไปได้นะพี่มีใบขับขี่..อ้าวก็ไม่บอก บ่ง้อแล้ว เด้อชิ" **กะซ่าง**(ก็ช่าง) วันรุ่งขึ้นทุกคนเตรียมตัวเพื่อเข้าเมืองแม่ใช้ให้ขนมจีนเข้าเมืองไปซื้อของใช้ด้วย เสื้อกล้ามแขนกุด เอี้ยมยีนส์ขายาว ชุดธรรมดๆแต่สะดุดตาธนภพมาก "น่ารักจัง" "**มองหยัง...จั๊กบาทดีมั๊ยมองอยู่ซันล่ะ"** "ดุจริงเอื้อย..ใครจะกล้าเอาทำเมียเนี่ย" "บ่มี..ก็บ่สน อยู่ผู้เดียวกะได้" "**ชั้นขับเอง ไม่ไว้ใจใคร"** "เมื่อวานยังอ่อนหวานอยู่เลย...ไบโพล่าร์หรือเปล่าเนี่ย สงสัยต้องจูบอีกทีรื้อฟื้น..หึหึหึ..." "**หัวเฮ็ดหยัง.บ้าบ่..อยู่ดีๆก็หัวเสย.."** (หัวเราะทำไม บ้าเหรอ อยู่ดีๆก็หัวเราะ) "แวะรับผู้สาวข่อยนำเด้อ" ทั้งสี่คนขับรถมาถึงตัวเมืองอุดร เมืองที่ธนภพคิดว่าบ้านนอกไม่เจริญแต่จริงแล้วเจริญไม่แพ้กรุงเทพเลยเพียงแต่รถไม่เยอะเท่ากรุงเทพห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองอุดร ทั้งสี่หาข้าวกินในห้าง "เอื้อยๆอยากกินอาหารยี่ปุ่นนะสักครั้งนะๆ" "**แพง..."** "ผมจ่ายให้ปะไปเถอะครั้งเดียวเอง" **จ่ะบักคนรวย** รับประทานอาหารเสร็จแล้วก็เข้าโรงหนังไปดูหนังภายในโรงหนังแอร์เย็นฉ่ำจนหนาวขนมจีนหนาวจนมือเย็นเฉียบข้าวปุ้นน้องชายก็ห่วงแต่เพื่อนสาวที่เขาแอบชอบอยู่ ถอดเสื้อคลุมสวมให้สาวซะงั้นไม่ได้สังเกตุเลยว่าพี่สาวก็หนาวเช่นกันธนภพถอดเสื้อคลุมสวมให้ขนมจีนมือใหญ่อบอุ่นกุมมือเธอไว้มิได้จะล่วงเกินหรือถือวิสาสะแต๊ะอั๋งแต่อย่างใดขนมจีนก็มิได้ขัดขืนเพราะความอบอุ่นในมือเขาช่วยครายหนาวให้เธอได้เป็นอย่างดี หนังที่เลือกดูก็มีแต่ฉากเลิฟซีนหนุ่มสาวทั้งสี่ได้แต่นั่งเขิลธนภพผู้ชายที่ช่ำชองเรื่องผู้หญิงแต่ไม่เคยรู้สึกประหม่าเช่นนี้มาก่อนแค่จับมือเธอเขาก็ตื่นเต้นแล้ว สมองสั่งให้ดึงมือออกจากมือของเขาแต่หัวใจบอกว่าอย่าดึงออกนะ หนังรักที่ฉายอยู่ขณะนี้ไม่อยากให้มันจบลงเลยแต่เสียดายสุดท้ายหนังก็จบเรื่องขนมจีนดึงมือออกจากมือเขาอย่างอาลัย และไม่ลืมที่จะคืนเสื้อให้เขากลิ่นหอมอ่อนๆของเสื้อยังคงติดอยู่ ขนมจีนขับรถพาทุกคนกลับบ้านใครเล่าจะมีความสุขเท่า ข้าวปุ้นยิ่มร่าตลอดทาง "อ้าย..เคยจูบสาวบ่.." คำถามที่ข้าวปุ้นถามทำให้ขนมจีนหน้าแดงเพราะนึกถึงเรื่องเมื่อวานนี้ ธนภพก็ไม่ต่างกัน "เคยสิ..อายุขนาดนี้แล้ว มากกว่าจูบก็เคย" "เป็นไง..เป็นไง..ตื่นเต้นบ่" "อืม..ถ้าจูบกับคนที่ชอบก็ตื่นเต้นหัวใจเต้นแรง..." "อ้าย..เคยจูบกับคนที่ชอบแล้วบ่...ที่ไหน..ตอนไหน?" "อิม..เคยแล้ว..ที่อุดรนี่แหละ" **เฮ้ยยถามมากบักห่านี่เป็นเด็กเป็นเล็ก** "เด็กที่ไหนใหญ่แล้วใช่มั๊ยข้าวจี่..นั่งเงียบเชียว" "**ก็พูดแจ้วๆอยู้ผุ้เดียว พูดเรื่องแบบนี้ข้าวจี่อายหมดแล้วดูสิหน้าแดงเชียว** "เป็นตาฮักเนาะ...ว่าแต่อ้ายเคยจูบกับไผแต่ละมื้อแต่ละเว็นอยู่แต่ทุ่งนาจูบกับเอื้อยบ่?" ขนมจีนอายหน้าแดง ปฏิเสธเสียงแข็งแถมยังด่าข้าวปุ้นแก้เขิน "บักห่านี่แหม...ไร้ส่าระใครจะไปจูบกับบักคนกรุงใจโลเล" "ผมไม่ได้โลเลนะ ผู้หญิงเขาอยากชิมผมเองก็ผมมันคนใจบุญน่ะก็แจกจ่ายความรักให้ทั่วถึงก็แค่นั้นแต่ถ้าขนมจีนอยากได้ความรักจากผม ผมจะให้คุณคนเดียวจะไม่เผื่อใครเอามั๊ย?" "เกี้ยวพี่สาวข้าวปุ้นแม่นบ่ต่อหน้าต่อตาเลย." ***เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันสักทีรำคาญแล้วถ้าไม่เงียบกันจะปล่อยให้ลงตรงนี้ทั้งสองคนเลย*** "อ่ะเปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้ ทนฟังไม่ได้เขิลล่ะสิปากแข็งจริงชอบเขาก็พูดมาตรงๆ เถอะเอื้อย" "อ้าย...เมื่อไรจะทำคาเฟ่อัไรนั่นปุ้นอยากเห็นแล้ว" "อีกไม่กี่เดือนหรอกถ้าพ่อยอมนะก็จะขอที่นาสักสามไร่" **เสียดายนาข้าวต้องมาถูกกลบ** "ผมไม่ได้จะฝังกลบนาข้าสักหน่อย จะตั้งเสายกพื้นขึ้นทำคาเฟ่เหนือนาข้าว นาข้าวกผ้ยังอยู่เหมือนเดิม" **ที่ในเมืองมีเยอะแยะทำไมมาทำในนาประสาทคงมีคนมาซื้อกินหรอกในป่าในดง** "ผมไม่ได้ขายกาแฟและอาหารอย่างเดียวผมขายความสุข ขายบรรยากาศผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมือง เขาเบื่อความแออัดเบื่ออากาศที่เป็นพิษผมก็เช่นกันถึงได้อยากมาอยู่ที่นี่ไง " **นาข้าวมีอะไรให้ดูมีแต่ต้นข้าว อยากเห็นต้นไม้บรรยากาศดีๆก็ไปเขาใหญ่หรือเพชรบูรณ์สิ** "ก็ในป่ามีเยอะแล้วคาเฟ่น่ะอยากทำในทุ่งนาบ้างและผมชอบทุ่งนา" ขนมจีนกับธนภพเถียงกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน "โอ๊ยย...เซาๆ เลิกเถียงกันได้แล้วเอื้อยลืมแวะส่งข้าวจี่เลยเนี่ย" **เอ่อลืม..ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งสิข้าวจี่จะเล่นอยู่ที่นี่อีกสักแป๊บหนึ่งไหมล่ะกินข้าวแลงแล้วค่อยกลับ** "บ่ล่ะข่อยต้องกลับเฮือนแหล่วไปซอยอีแหม่เฮ็ดงานจ้าขอบคุณเด้อจ้า" "เป็นตาฮักเนาะ...ไผจะเป็นผู้โซคดีน้อนิ" **เลิกเกี้ยวแล้วไปส่งข้าวจี่กลับเฮือนได้แล้ว** ขนมจีนเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารเย็น พลางนึกถึงเรื่องคาเฟ่ที่เถียงกันว่ามันจะทำได้อย่างไร และก็นึกถึงเรื่องหัวใจที่มันคอยเต้นแรงตลอดเวลาที่ใกล้เขา ธนภพ ตอนเรียนอยู่กรุงเทพมีผู้ชายที่หน้าตาดีกว่าธนภพมาจีบขนมจีนก็ยังไม่เคยหวั่นไหวเช่น นี้เลย ขนมจีนยิ่งคิดก็ยิ่งเขิลเลือดสาวในกายสูบฉีดร้อนรุ่มขณะที่นึกถึงสัมผัสที่เขามอบให้ จนต้องสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อให้ภาพในหัวมันหลุดออกไป "เป็นหยังบ่สบายบ่ เบิ่งดุหน้าแดง...ตัวก็บ่ฮ้อนไป ไปหาหยูกหายากินแหมะ" **อีแหม่ตอนที่อีพ้อมาเกี้ยวอีแหม่ฮู้สึกจั๋งได๋ซอบเลยบ่** "บ่...บ่ซอบ หล่อก็บ่หล่อ แม่ซอบคนหล่อแต่อีพ้อมันตื้อ...มาทุกมื้อทุกเว็น และอีพ้อเป็นคนดีแต่ใช่ว่าคนหล่อจะบ่ดีเด้อ เฮาฮักคนที่เขาฮักเฮาดีกั่วพ่อฮักแม่พอแหล่ว" **โรแมนติกจังเลย** "โรแมนติกจั๋งได๋ ถามจังซี่มีผู้บ่าวมาเกี้ยวแล้วบ่ ป๊าดโธ่ว่าแล้ว หน้าแดงอ่องต่องเป็นลูกตำลึงจังซี่ผู้ได๋" **อีแหม่..ก็บ่มีจักหน่อยอีแหม่ก็เว้าไป ถามเฉยๆแค่อยากฮู้ บ่ได้บ่** "ปากบ่ตรงกับใจ๋" ทุกคนล้อมวงกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายห้องใครห้องมัน ลุงผู้ใหญ่บ้านมาเรียกพ่อเหมือนจะมีของบางอย่างมาให้ "คำปัน ...คำปัน...ออกมาเบิ่งแหน่ข่อยมีของมาให้ซิมเบิ่งมาแหมะมาแหมะ" "อีหยังล่ะซั่น ไหอีหยัง" "ไหแค...มาแหมะคนละจอกสองจอดซิมเบิ่ง" (ไหแค=ไหเหล้าสาโท) "พ่อผู้ใหญ่อีหยังซั่น" "โท..ซิมเบิ่งๆ " "บ่ๆบักปุ้นมันยังเด็กน้อยอยู่" "โอยกินได่ มันบ่ใซ่เหล้ามันคือเข่าเมา" เสียงดังข้างล่างทำให้ขนมจีนและธนภพอยากรู้อยากเห็นจึงลงมาดูเห็นไหวางเรียงรายอยู่นับสิบไหพ่อผู้ใหญ่ข้าวปุ้นและพ่อคำปันดื่มอย่างเอร็ดอร่อย "อะไรครับนั่นน่ะเมาไหมครับ" "บ่เมา ซิมเบิ่ง" "ขนมจีนมาแหมะ" **ไม่เอาหรอกพ่อผู้ใหญ่เดี๋ยวเมา** "ป๊อด.." **ก็ได้ มาพนันกันถ้าชั้นกินหมดไหนี่แล้วไม่เมาคุณต้องเป็นทาสชั้นสั่งให้ทำอะไรต้องทำ** "ได้ใครเมาก่อนแพ้" ธนภพยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยเขาแค่อยากแกล้งเธอให้รู้สึกซะบ้างมีแต่ว่าและก็ดูถูกความฝันของเขา "อยากรู้จริงๆ ขนมจีนเวลาเมาเป็นอย่างไร..แค่คิดก็สนุกแล้วถ่ายคลิปประจานโดนแน่เธอต้องเป็นทาสชั้น...ยัยขนมจีนจอมเฮี๊ยว..." **ยิ้มอะไร เหล้าโทนที่ชั้นดื่มกับเพื่อนประจำคุณเถอะไม่เคยดื่มระวังเป็นทาสชั้นก็แล้วกัน** "หมดไห..หมดไห..หมดไห.." คนเชียร์ก็เชียร์ไปดื่มไปคนแข่งก็กระดกเอากระกดเอา ทั้งคู่ต่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร ข้าวปุ้นเอาหลอดส่งให้ทั้งคู่ "เสียเวลากระดก หลอดโลดเมาเร็วดี เหอๆๆ อยากเห็นคนเก่งคลานขึ้นบ้านจริงๆ" พ่อผู้ใหญ่คุยธุระกับพ่อคำปันอยู่ในบ้านไม่ได้สนใจเด็กๆว่าดื่มกันไปกี่ไหแล้ว พ่อผู้ใหญ่กลับบ้านทิ้งไหเหล้าไว้ให้ พ่อคำปันไม่ชอบดื่มเหล้าอยู่แล้วจึงไม่สนใจ ข้าวปุ้นรู้สึกเมาจึงขึ้นไปนอน เหลือขนมจีนและธนภพยังดวนันอยู่หมดไปแล้วคนละสี่ไหขนมจีนสู้ไม่ไหวจึงฟุบหลับไป ธนภพก็ไม่ต่างกันแต่เขาผู้ที่ดื่มเที่ยวประจำคอย่อมแข็งกว่า เขาอุ้มขนมจีนเข้าห้องของเธอแล้วกำลังจะกลับห้องแต่ขนมจีนคว้าแขนธนภพไว้ **ยอมแพ้แล้วล่ะสิ 555ชั้นบอกแล้วว่าชั้นคอแข็งกว่านายอย่ามาสู้อย่ามาสู้ มามามาต่อมาต่อ" สาวสวยอยู่ตรงหน้าแล้วเป็นคนที่ชอบด้วยสติสัมปชัญญะขาดลงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ริมฝีปากร้อนระอุด้วยเลือดในกายมันสูบฉีดจุมพิตที่อุ่นๆเนิบๆไม่รีบร้อนเหมือนครั้งที่เขาเคยทำกับสาวๆในบาร์ จูบที่ทำให้เขาตื่นเต้นหัวใจสั่นระรัวมือใหญ่ไม่อยู่นิ่งปลดกระดุมเสื้อออกหมดปลดตะขอชุดชั้นใน ขนมจีนเหมือนปัดป้องทีแรกแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรไม่รู้ได้เธอตอบรับจูบของเขาอย่างง่ายดายขณะนี้ทั้งคู่ได้เป็นทาสของกันและกันทำตามคำสั่งของหัวใจของกันและกันริมฝีปากร้อนพรมจูบไปทั่วร่างบางดูดเม้มยอดปทุมอย่างนุ่มนวล นิ้วเรียวยาวควานเกรี่ยเมล็ดสงวนเสียงครางเล็ดลอดออกมาจอกลำคอเล็กๆ ปลายลิ้นเปลี่ยนทิศทางแล้วเขาเปลี่ยนมาดูดและชิมตรงกลีบสงวนของเธอเมล็ดสีชมพูเหมือนจะยังไม่เคยผ่านศึกมาธนภพไม่เคยเจอสิ่งสวยงามแบบนี้ความเป็นชายผงาดชูชันขึ้นพร้อมรบแต่เขายังใจเย็นเล่นเมล็ดสงวนอยู่เพราะดูเหมือนเธอจะชอบปลายลิ้นวนเวียนอยู่ตรงนั้นริมฝีปากทั้งดูดและเม้มจนน้ำ เอ่อล้น เสียงสั่นครางของเธอยิ่งปลุกอารมณ์กำหนัด เขาไม่รอช้างัดแท่งยักษ์ออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD