ปากหอยปากปู พูดไปเรื่อยเรื่องคนอื่น

3155 Words
“ไม่ว่าร่างนี้จะเคยทำอะไร ต่อจากนี้ร่างของคุณมีจิตของฉันอยู่ ฉันจะดำเนินชีวิตในรูปแบบของฉัน และฉันสัญญาว่าจะรักลูกๆ ของคุณและดูแลเขาให้ดีมากที่สุดเหมือนลูกชายของตัวเอง ขอบคุณร่างนี้ของคุณด้วยค่ะ ถ้าคุณยังได้ยิน ฝากเป็นกำลังให้ฉันด้วยนะคะ” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วก็ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มและยิ้มให้ตัวเอง เรื่องราวของฉันกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งแล้ว แต่ในใจก็คิดถึงทุกคนอยู่ดี คิดถึงบ้านที่เคยอยู่ เตียงที่เคยนอน คิดถึงทุกคนในครอบครัว แต่ตอนนี้ฉันมาไกลมากๆ ไกลเกินจะกลับไปได้ ตอนนี้ทำได้แต่คิดถึงอยู่ในใจแบบนี้แหละ ฉันอยู่กับตัวเองก่อนจะดึงตัวเองกลับมาอยู่ในปัจจุบัน จากนั้นก็หมุนซ้ายหมุนขวา แล้วก็เห็นร่างที่ฉันมาอาศัยอยู่ คือเป็นผู้หญิงร่างบาง ตัวเล็กๆ ส่วนสูงน้ำหนักก็คงจะเท่าๆ ฉันเลย เป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ ผิวขาวอมชมพู ผมยาวถึงกลางหลัง หน้ารูปไข่ แล้วสิ่งที่บนใบหน้าเหมือนฉันก็แล้วที่ฉันชอบแบบสุดๆ ก็คือดวงตาจ่ะ เพราะผู้หญิงคนนี้มีตาสองชั้น กลมโต ขนตางอนเหมือนฉันเลย ก็ไม่แปลกหรอกว่าทำไมท่านยมถึงบอกว่าผู้หญิงคนนี้สามีถึงรักมาก เพราะเธอสวยมาก บ่งบอกเลยอะ ว่าดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีมากๆ เพราะสัดส่วนขนาดนี้ หน้าตาก็น่ารัก ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่ามีลูกแล้วอะ “เครื่องสำอางก็มีครบ แต่มันคืออะไรบ้างหว่า ลองแต่งเบาๆ ใสๆ ก่อนแล้วกัน” ฉันทำความเข้าใจเครื่องสำอางอยู่สักพักก็เริ่มแต่งหน้าอยู่สักพักใหญ่ๆ จนตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เดินมาที่เตียงที่ตอนนี้ลูกชายคนโตกำลังใช้มือลูบท้องของน้องแล้วก็เล่นกับน้องอยู่ เจ้าเด็กตัวเล็กตอนนี้ก็หัวเราะ บ่งบอกว่าตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากๆ ฉันเลยยิ้มแล้วก็ชวนเด็กตัวเล็กออกไปข้างนอก พร้อมกับค่อยๆ อุ้มลูกคนสุดท้องขึ้นมา “โอเค ปะ เราไปข้างนอกกัน หนูเดินนำหน้าม๊าไปเลย เดี๋ยวม๊าเดินตาม” “ครับ ผมช่วยถือของครับม๊า” “ไม่เป็นไรลูก ม๊าถือได้” ฉันตอบลูกชายคนโตออกไปจากนั้นก็พากันเดินลงมาจากชั้นบน แล้วบ้านหลังใหญ่มากพอสมควร รูปแบบเป็นตึกนั่นแหละ แต่กว้างขวาง ของตกแต่งส่วนใหญ่ก็มีราคาเลยนะ พอนึกขึ้นมาได้ฉันเลยถามลูกชายคนโตที่เดินนำหน้าฉันอยู่ “ภพ บ้านเรามีกุญแจล็อกบ้านใช่ไหมลูก” “มีครับม๊า เดี๋ยวภพวิ่งไปเอาให้ครับ” “เดินก็พอลูก ม๊าไม่รีบ เราวิ่งเดี๋ยวจะหกล้ม” “ครับ” พอลูกชายไปหยิบพวงกุญแจมาให้ฉันก็พากันเดินออกมาข้างนอกแล้วก็จัดการล็อกประตูบ้านก่อนจะเดินตามลูกชายออกมา แล้วพอเห็นสภาพแววล้อมด้านนอกเท่านั้นแหละ ฉันจำได้ว่าฉันเคยมาส่งพี่แล้วก็เคยมาหาอะไรกินที่นี่กับครอบครัวก่อนจะกลับบ้าน ขุนพระ! “เชี้ย! นี่มันเยาวราชในตำนาน ทำเลทองมาถึงฉันละ พ่อคะ แม่คะ นับจากนี้วาดจะเป็นเศรษฐีตัวน้อยแบบที่วาดตั้งใจให้ได้เลยค่ะ ฉันต้องหาเงินมาซื้อตึกแถวนี้เยอะๆ เพราะในอนาคตราคาดีมาก แล้วการค้าในอนาคตนั้น อือหื้อ แค่คิดก็เห็นเม็ดเงินที่ไหลเข้ากระเป๋า” “อ้าว นั่นเมียอาสี่นี่ยายเล้ง แต่อีสวยมากนะ ไปเป็นดาราได้เลยนะเนี่ย อานัสจะหลงก็ไม่แปลก อีถึงขั้นให้เมียอยู่เฉยๆ แล้วหาเงินให้เมียใช้” “เหอะ จะไม่สวยไปสามบ้านแปดบ้านได้ยังไง ก็วันๆ แต่งตัวแต่งหน้าสวยอย่างเดียว แต่ก็อย่างว่า ผัวส่งเงินให้ใช้ บ้านแม่ผัวก็รวยจะตายไป แล้วอีก็ได้แต่ลูกชาย แล้วแบบนี้อีจะต้องดิ้นรนไปทำไมเล่า” “แต่ลูกสะใภ้คนอื่นของแม่ซิ้มเขาก็ยังทำงานอยู่ใช่ไหม” “ใช่ๆ ไอ้ปิ่นนั่นไง ลูกคนเล็กเพิ่งได้สองขวบก็ทำงานแล้ว อาบุ้ง อาณี ก็ทำงานหมด ส่วนอีกคน เหอะ” “ก็พ่อแม่เขามีไง ฉันได้ยินว่าสินสอดทองหมั้นที่ไปขอมาเยอะกว่าลูกสะใภ้สามคนรวมกันอีก ลูกสะใภ้ที่อาซิ้มเขาปลื้ม เห็นว่าจบปริญญาตรีตอนอายุ 18 ปี อีน่าจะเก่งอยู่แหละมั้ง” “หึหึ คงงั้นมั้ง เรียนสูง เรียนเก่ง พอมีผัวเลยนอนเป็นคุณนายใช้เงินสบายอยู่บ้าน” ฉันกำลังมองตึกที่ว่างๆ แถวนี้แล้วก็ถอนหายใจออกมาแบบเหนื่อยใจ แล้วตอนแรกฉันก็งงว่าทำไมเจ้าของร่างอายุเพียงแค่ 18 แต่จบปริญญาตรี คือเขาเรียนแล้วสอบ เรียนแล้วสอบแบบนี้มาเรื่อยๆ เพื่อเลื่อนชั้น ก็คือเจ้าของร่างเขาก็เก่งเรื่องการเรียนจริงๆ สมัยนี้เหมือนจะมีช่องว่างที่ทำได้แต่สมัยเราทำไม่ได้นะคะ อีกอย่างบ้านพ่อแม่ของเจ้าของร่างก็มีเงินเหมือนกัน แล้วปากคนอะเนาะ พูดเพื่อความสนุกปาก ฉันเลยหันไปทักทายในฉบับของฉันสักหน่อย “สวัสดีค่ะป้า ฉันมีลูกเล็กๆ อายุก็ยังไม่ถึงขวบ จะให้หนูอุ้มลูกมาท้าแดดท้าลมทุกวันหนูก็สงสารลูกอะค่ะ เรื่องที่หนูจะทำงานหรือไม่ทำงาน อันนี้มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของหนูนะคะ ป้าคนนอกใช่ไหมคะ งั้นก็อย่ามายุ่งเลยค่ะ เพราะมันเรื่องในบ้านของหนู อีกอย่างพี่สะใภ้เขาต้องทำงานเพราะเขายังอยู่ในกงสี ส่วนฉันกับสามีแยกออกมาแล้ว ถ้าไปช่วยเดี๋ยวคนก็จะเอาไปเล่าไปลือกันแบบไม่จบไม่สิ้น แล้วฉันก็เบื่อปากคน เหมือนที่เขาว่า ปากหอยปากปู พูดไปเรื่อยเรื่องคนอื่น แต่เรื่องของตัวเองกลับไม่กล้าพูด ป้าว่าจริงไหม ปะ ภพ เราไปกันดีกว่าลูก” “ครับม๊า” ฉันพูดกับผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับแม่ของฉัน แต่อารมณ์แบบมนุษย์ป้าอะ ต้องเจอคนบ้าแบบอิวาดสักหน่อย ใครดีด้วยเราก็ดี ใครไม่ดีด้วยเราก็ไม่เสียเวลาหรอกค่ะ เพราะคนที่เขาไม่ชอบเราทำดีด้วยไปเท่าไหร่ก็เหมือนไฟตกน้ำ “ป๊า ม๊า สวัสดีค่ะ” “ไฮ้ แล้วลื้อพาลูกมาตากแดดตากลมทำไม” “ตอนนี้เจ้าหนูเริ่มโตขึ้นบ้างแล้วค่ะ ไม่ป่วยง่ายๆ หรอกค่ะม๊า พ่อเขาแข็งแรง เขาก็ต้องเหมือนพ่อเขา ดูสิคะ ยกไม้ยกมือใหญ่เลย” “ไหน ให้อากงอุ้มหน่อย ไอหย่า ลื้อให้ลูกกินนมเยอะๆ หน่อยนะ” ฉันพยักหน้าแบบเห็นด้วยกับคุณพ่อของสามี เพราะถึงเวลาที่ฉันต้องเพิ่มน้ำหนักให้ลูกของฉันทั้งสองคนละ แล้วพ่อแม่สามีเขาก็ดีนะ เจ้าของร่างเอาอะไรไปทะเลาะกับเขาวะ อาจจะเพราะแม่สามีชอบเข้าไปยุ่งแล้วก็บ่งการแล้วเจ้าของร่างรำคาญแหละมั้ง เพราะเท่าที่ฉันนึกได้ก็มีแต่เจ้าของร่างที่เถียงกับแม่ผัวแทบจะทุกเรื่อง แต่ฝั่งนี้ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอก เพราะว่าเขาอาจจะรักลูกชายคนสุดท้องเยอะกว่าลูกคนอื่นด้วยแหละมั้ง เลยเหมือนจะใจอ่อนแล้วก็ให้อภัย ที่สำคัญเจ้าของร่างนางทะเลาะแล้วไม่ให้ทางนี้ยุ่งกับลูกของนางเลยนะ ห้ามลูกมาหาฝั่งนี้ด้วย เหมือนแก้แค้นอะ เพราะทางนี้เหมือนจะรักหลานสองคนนี้มากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างบ้านเจ้าของร่างก็ได้ลูกชายทั้งคู่อีก มันเลยยิ่งไปใหญ่ “ค่ะป๊า วาดจะให้ลูกกินนมเยอะๆ ค่ะ เจ้าหนูจะได้ตัวกลมมากกว่านี้” “ฮึ ลื้อเพิ่งมาคิดได้ตอนลูกได้เก้าเดือนแล้วเนี่ยนะ” ฉันยิ้มก่อนจะหันไปมองทางแม่ของสามี ซึ่งฉันก็ไม่ได้โกรธเขาหรอกนะ เหมือนเขาปากร้ายแต่ใจดี อีกอย่างฉันไม่ใช่เธอคนนั้นสักหน่อย ฉันเลยยกมือไหว้แม่สามีแล้วก็พ่อสามีอีกครั้งพร้อมกับพูดออกไปด้วยเสียงที่จริงใจ “วาดต้องขอโทษป๊ากับม๊าด้วยนะคะ ก่อนหน้านี้วาดอาจจะทำอะไรให้ป๊ากับม๊าไม่พอใจอยู่บ้าง แต่หลังจากวันนี้วาดจะเป็นคนใหม่แล้วค่ะ วาดคนเดิมแย่เกินไป” “อืม ช่างมันเถอะ อั๊วชินไปละ แล้วนี่ลื้อจะพาลูกไปไหน” “อ่อ วาดคงต้องฝากตัวน้อยไว้กับป๊าแล้วก็ม๊าก่อนนะคะ วาดจะพาน้องภพไปซื้อของใช้น่ะค่ะ เสื้อผ้าลูกดูไม่ได้เลยจริงๆ แล้วก็ว่าจะไปดูเสื้อผ้าชุดนักเรียนด้วยค่ะ” “แล้วจะเรียนโรงเรียนไหน ลื้อดูไว้ให้ลูกหรือยัง” งานเข้าละ ฉันโตที่ต่างจังหวัดด้วยสิ โรงเรียนในกรุงเทพไม่มีอยู่ในหัวเลย ฉันเลยมองหน้าม๊าแบบอ้อนๆ แล้วก็ถามออกไปเบาๆ “ป๊ากับม๊ามีโรงเรียนแนะนำไหมคะ” “งั้นก็เรียนที่เดียวกับที่อาสี่เรียนนั่นแหละ ตอนเด็กเรียนที่โรงเรียนนี้ พอเข้ามัธยมก็เข้าโรงเรียนมัธยมใกล้ๆ กัน มันใกล้บ้าน ไปรับไปส่งได้ แล้วเขาก็เป็นโรงเรียนของจีนด้วย ภาษาก็ได้ โรงเรียนก็มีชื่อเสียง คนแถวนี้เขาก็เรียนที่นั่นกันหมด” “งั้นเอาที่นี่เลยค่ะม๊า” “อืม นี่ๆ งั้นเอาเงินนี่ไปซื้อชุดให้อาภพ ลื้อซื้อชุดดีๆ มาเลยนะ ของถูกใส่ได้แป๊บเดี๋ยว จะซื้อก็ดูตะเข็บดีๆ บางร้านมันชอบเอาของเก่ามาขาย” ฉันมองแม่สามีที่ยื่นเงินมาให้ มันเป็นสีแดงๆ เหมือนเงินสมัยก่อนที่ฉันเคยดูในละครเลยอะ แต่แบงค์ใหม่เอี่ยม ฉันเลยรีบปฏิเสธ เพราะตอนนี้เราแยกบ้านออกมาแล้ว จะมาใช้เงินในกงสีได้ยังไง ฉันไม่อยากให้ใครมาพูดตามหลังได้ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะม๊า วาดมีเงินอยู่ค่ะ” “เอาไปเถอะอาวาด ส่วนนี้ป๊ากับม๊าให้หลาน อาภพ ลื้ออยากได้อะไร ลื้อบอกม๊าลื้อนะ” “ขอบคุณครับอากง” “อากงกับอาม๊าให้ลื้อนะ” “ม๊า! แล้วม๊าจะให้เงินอีได้ยังไง! ไหนว่าแยกออกไปแล้ว เงินเดือนผัวก็ไม่อยากจะเอามารวม แต่เวลานี้มาเอาเงินในกงสี! งานก็ไม่ได้ทำแต่จะมาเอาเงินแบบนี้มันใช้ได้เหรอ!” ฉันหันไปมองผู้หญิงอีกคนแล้วความทรงจำก็เริ่มทำงานขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของพี่ชายคนที่สาม เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้าของร่าง แล้วที่เจ้าของร่างแยกออกไปก็เพราะเรื่องนี้จริงๆ ถึงขั้นยื่นคำขาดว่าถ้าไม่แยกเธอจะหย่า เพราะเธออยากดูแลเงินของสามีของตัวเอง แต่มันก็ดีนะ เพราะอยู่กันหลายคนก็ปวดหัว ไอ้ที่แยกออกมาฉันก็ว่าเจ้าของร่างคิดถูกละ แต่ฉันยังไม่ทันจะได้ตอบหรอก ม๊าพูดสวนออกไปก่อน “นี่มันเงินส่วนตัวของอั๊ว ไม่ได้เกี่ยวกับเงินในกงสี ลื้อไม่ต้องมาสั่งสอนอั๊ว” “ใช่สิ เพราะม๊ารักแต่อาสี่ ลูกคนอื่นก็ไม่เคยได้เท่าอาสี่ ภูมิอกภูมิใจกันเข้าไป ทุกวันนี้อีจะอยู่บนหัวม๊าแล้ว เผลอๆ อาจจะอยู่แล้วด้วยซ้ำ!” “อาปิ่น!! ถ้าลื้อไม่พอใจลื้อก็แยกออกไป!! ลื้ออย่ามาพูดอย่ามาออกคำสั่งกับอั๊ว!” “ปิ่น เฮียบอกให้เข้าไปในบ้านไง” “เออ! จะพูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะหนูมีลูกผู้หญิงใช่ไหม ไม่เหมือนอีที่มีแต่ลูกผู้ชาย ตอนที่อีบอกไม่ให้ม๊ากับป๊าไปอุ้มลูกอี ป๊ากับม๊าก็เสียใจจนไม่กินข้าว มันก็เกินไปเหมือนกัน หลานคนอื่นไม่ใช่หลานของป๊ากับม๊าหรือไง” “อาสาม พาเมียลื้อกลับไปเถอะ ไปบอกอี อธิบายให้อีเข้าใจด้วยว่าเงินส่วนนี้เป็นเงินส่วนตัวของอั๊วกับผัว” “ปิ่น เข้าบ้าน” ฉันดึงลูกชายคนโตมานั่งบนตักแล้วก็ใช้มือปิดหูทั้งสองข้างของลูกเอาไว้ตั้งแต่เขาเริ่มเถียงกัน เพราะฉันไม่อยากให้ลูกได้ยิน แล้วไอ้ที่มา คือฉันไม่ได้จะมาเอาเงิน ฉันแค่จะมาฝากลูกไว้เฉยๆ พอพี่เขยพาพี่สะใภ้เข้าไปฉันก็เลยหันไปบอกกับป๊าแล้วก็ม๊าเรื่องเงิน “เออ เรื่องเงินไม่เป็นไรค่ะ เงินของพี่มนัสที่ส่งมาพอมีอยู่ค่ะม๊า” “อั๊วไม่ได้ให้ลื้อ อั๊วให้หลาน ไปๆ รีบพากันไป ตอนบ่ายแดดจะร้อน” “ค่ะม๊า ขอบคุณค่ะ” “อืมๆ” “ม๊าครับ” “ครับลูก” “มีลูกผู้หญิงไม่ดีเหรอครับ ทำไมป้าเหมือนไม่ชอบน้อง” ฉันขี่จักรยานโดยที่มีเด็กตัวน้อยนั่งอยู่ด้านหลังแล้วก็กอดเอวของฉันเอาไว้ พอได้ยินคำถามลูกฉันเลยยิ้มแล้วก็ตอบลูกกลับไป “จะลูกผู้ชายหรือผู้หญิงไม่สำคัญหรอกลูกสำหรับมาม๊า แต่ป้าเขาคงอยากได้ลูกชายมั้งลูก เพราะเขามีแต่ลูกสาว” “แล้วม๊าอยากมีลูกชายไหมครับ” “หึหึ ตัวแสบ ม๊าก็อยากมีสิลูก ไม่งั้นจะมีหนูกับน้องได้ยังไง ไหนบอกม๊าสิ ทางไปตลาดไปทางไหน” “ภพก็ไม่รู้ครับมาม๊า” “แป่ว ไม่เป็นไร เดี๋ยวม๊าถามคนแถวนี้เอาได้ หนูกอดม๊าแน่นๆ นะ ม๊าจะซิ่งแล้ว” “ครับมาม๊า คิกๆ” ฉันหัวเราะออกพร้อมกับเด็กตัวน้อย ที่ตอนนี้เขาเป็นลูกฉันแล้ว ฉันก็จะสอนเขาในแบบของฉัน แต่ถ้าเจ้าก้อนกลมทั้งสองคนดื้อล่ะก็ ฉันจะปั้นเป็นก้อนแล้วก็จัดการสะ ฉันจอดจักรยานแล้วก็ถามคนแถวนั้นเรื่องเส้นทางการไปตลาด พอรู้ก็เลยขี่มาตามเส้นทางที่เขาบอก ซึ่งมันก็ไม่นานหรอก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว พอมาถึงตลาดฉันก็จับมือเด็กตัวเล็กจากนั้นก็พากันเดินเข้าในตลาดแล้วก็แวะที่ร้านขายชุดนักเรียนก่อนเลยอันดับแรก เพราะเดี๋ยวจะลืม “ซื้ออะไรดีคะ” “มาดูชุดนักเรียนให้ลูกชายค่ะ” “ได้เลยจ้า ว่าแต่โรงเรียนอะไร เจ๊จะได้จัดชุดให้ถูก” “โรงเรียน CC ค่ะ” “จ่ะ แต่เอ๋ เจ๊คุ้นๆ หนูใช่ลูกสะใภ้คนสุดท้องของอาซิ้มไหม ที่สามีเป็นทหารยศสูงๆ หล่อๆ น่ะ” “ใช่ค่ะ” “ว่าแล้ว ลูกชายตัวเล็กถึงหล่อ พ่อกับแม่กรรมพันธุ์ดีนี่เอง” “หึหึ ค่ะ” “แล้วกระเป๋า ถุงเท้า รองเท้า เอาไหมลูก” “เอาค่ะ เจ๊คะ เอาของใหม่นะคะ หนูเคยไปซื้อร้านแถวๆ นี้แหละ ใช้ได้สองวันขาดเลย ม๊าบ่นใหญ่เลยค่ะ” ฉันรีบบอกเจ้าของร้านออกไป ซึ่งฉันก็เพิ่งเคยมาซื้อครั้งแรกนี่แหละ แต่เขาจะได้รู้ว่าเราระวัง ถ้าพูดแบบนี้ไปร้านเขาไม่กล้ายัดมาให้หรอก “รับรองเลยลูก ของเจ๊ใช้นาน เพราะเจ๊เอาของใหม่มาลงใหม่หมด ไม่อยากเสียลูกค้า” “งั้นหนูต้องเป็นลูกค้าร้านประจำเจ๊แล้วแหละค่ะ” “ปากหวาน นี่ๆ อันนี้เจ๊แถม เอาไปให้ตัวเล็กใส่นะ” “ขอบคุณค่ะ” “ขอบคุณครับอาม่า” “ตายละ เด็กอะไรน่ารักจริงๆ” “คิกๆ น้องพูดแบบเดี๋ยวเจ๊ก็ยกทั้งร้านให้ลูกชายน้องคนสวยหมดหรอกค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับใช้มือลูบศีรษะของลูกชายแล้วก็มองไปรอบๆ จนไปเห็นชุดเล่นเด็กผู้ชายมีแต่ชุดน่ารักๆ ทั้งนั้นเลยอะ “เจ๊คะ หนูดูรองเท้าเล่นให้ลูกด้วยค่ะ เสื้อผ้าด้วยค่ะ เอาชุดน่ารักๆ เนื้อผ้าดีๆ หลายๆ ชุดเลยนะคะ ภพ แล้วหนูอยากได้อะไรไหมลูก” “บอกอาม่าเลยนะลูก อาม่าจะคิดในราคาพิเศษ” “มาม๊าครับ ภพอยากได้ฟุตบอลครับ ภพอยากเอาไปเล่นกับเพื่อน” “โอเค ม๊าซื้อให้ภพ แต่ภพต้องดูแลแล้วก็รักษาของเล่นของภพด้วยนะครับลูก เพราะป๊าทำงานเหนื่อยหาเงินมาให้เรา เราต้องดูแลของเราให้ดีรู้ไหมครับ” “ครับมาม๊า ขอบคุณครับ” ฉันยิ้มให้ลูกชายจากนั้นเจ้าของร้านแล้วก็พนักงานก็พาลูกชายฉันไปลองชุด วัดไซส์รองเท้า พอซื้อของเสร็จฉันก็ฝากของไว้ที่ร้านเจ๊เขา เพราะร้านเขาอยู่ทางออกพอดี แต่ฉันจะมาดูอย่างอื่นด้วย พวกผัก ของสดต่างๆ ตอนแรกว่าจะไม่เยอะ ตอนนี้เยอะละ เยอะจนเหมือนเลือดที่มือจะไม่เดินแล้วอะ แล้วจะกลับยังไงวะ สภาพ พอดีเจอรถลากก็เลยจ้างเขา แล้วตอนนี้เงินเก็บในครอบครัวของฉันก็มีเหลืออยู่หนึ่งแสนบาท ฉันต้องเอาเงินนี้ไปหมุนเพื่อให้ได้เงินมากกว่าเดิม เดี๋ยวต้องทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง หนึ่งแสนในสมัยนี้มันน่าจะเยอะแบบมากๆ นะ เพราะบางร้านก๋วยเตี๋ยวถ้วยละ 1.5 บาท ผักชาวบ้านทั่วไปกำละไม่ถึงบาทก็มี แสดงว่าพ่อของเด็กๆ ต้องยศใหญ่มากๆ ที่บ้านถึงมีเงินเก็บเยอะขนาดนี้ แต่เท่าที่จำได้เขาก็เพิ่งจะอายุ 22 ทำไมได้เงินเยอะขนาดนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าทำงานสายเทาๆ เหมือนในที่ๆ ฉันจากมาหรอกนะ “ม๊าครับ เงินของป๊าจะหมดไหมครับ” “เงินในครอบครัวของเราเหลือเยอะอยู่เลยครับลูก หนูไม่ต้องกังวลนะ ไปกินไอศกรีมกับมาม๊าดีกว่า เดี๋ยววันนี้กลับบ้านไปม๊าจะทำบะหมี่หมูแดงให้ภพกินด้วย” “ว้าว มาม๊าพูดจริงนะครับ” ฉันมองหน้าลูกชายก่อนจะใช้มือบีบแก้มเจ้าตัวเล็กๆ เบาๆ เพราะตอนนี้ลูกฉันตาวาวไม่ไหวเลยอะ ฉันเลยยิ้มแล้วก็ตอบเด็กน้อยที่แสนจะน่ารักกลับไป “หึหึ จริงสิครับลูก งั้นเรากลับบ้านกันดีกว่า” “ครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD