ตอนที่ 16 : ต่างกันสุดขั้ว
ภายในห้องเงียบสงัดหลังจากชายหนุ่มร่างสูงได้เดินออกไปแล้ว เสียงสะอื้นไห้ก็หยุดลงเช่นกัน มือเรียวเล็กที่ปิดใบหน้าหวานไว้ก่อนหน้านี้ค่อยๆเอาออกพลางมองไปรอบๆห้อง ดวงตากลมโตแดงก่ำ ทั่วทั้งใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและสิ่งที่เกิดขึ้นโดยความโง่ของตัวเองไม่สามารถโทษใครได้นอกจากตัวเอง
แขนเรียวเล็กดันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาอย่างยากลำบาก ริมฝีปากบางเปล่งเสียงความเจ็บปวดออกมาเบาๆ แค่เพียงเห็นรอยเลือดที่เลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งขาและโซฟาพานทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ แถมเขายังทิ้งร่องรอยคราบน้ำสีขาวขุ่นความน่าเกลียดนี้ไว้ตรงเนินใจกลางความสาว ริมฝีปากบางเบะราวกับเด็กเมื่อเห็นสิ่งที่คนใจร้ายทำ
เพราะความโง่ของตัวเองที่ไม่ทันคน ไม่รู้จักความรัก ไม่มีประสบการณ์การมีแฟน ความคิดของฉันก่อนหน้านี้มีเพียงแค่งานกับเงิน ทำให้ฉันพลาดท่าให้กับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองที่พี่สาวคนสนิทให้มาคอยดูแล ทุกอย่างมันสายเกินกว่าจะย้อนกลับไปได้ทั้งที่เขาปฏิเสธฉันแล้ว แต่ความโง่ของตัวเองก็ยังดันทุรังที่จะทำมัน มันไม่ได้เรียกว่าความสุขเลยสักนิด ไม่มีจังหวะไหนที่ทำให้หัวใจพองโต ไม่มีแม้แต่สายตาที่หยาดเยิ้มมองหน้ากัน มันเป็นวิธีที่โง่และผิดมหันต์
"ความโง่ของตัวเองทั้งนั้น สุดท้ายฉันก็โง่แบบที่เขาด่าฉันอยู่บ่อยๆ"
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงพิงกับโซฟา ดวงตากลมโตเหลือบมองรอยคราบเลือดด้วยสายตาที่พร่ามัวกลับมาอีกครั้ง ไม่นานน้ำตาสีใสก็ได้ไหลมาอาบสองข้างแก้ม
"ฮึก ฮือออ...คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงบ้านชาวดอย ฮือออ"
เสียงสะอื้นไห้กลับมาดังก้องไปทั่วห้องอีกครั้ง ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงฟุบตัวลงนอนกลับไปแบบเดิม แม้แต่จะขยับขายังไม่สามารถทำได้ วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องการอ้อมกอดของคนที่รัก เป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าที่นี่มันอ้างว้างอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เช้าตรู่ของวันใหม่
LINE
น้อยหน่า : ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหนูไปมหาวิทยาลัยเองนะคะ เดี๋ยวหนูหาวิธีขึ้นรถเมล์เอง ขอบคุณที่ดูแลหนูค่ะ
หลังจากส่งข้อความหาเขาเสร็จฉันก็รีบใส่รองเท้าผ้าใบทันที ต่อให้ร่างกายจะปวดร้าวและทรมานขนาดไหนก็ต้องกัดฟันสู้ ฉันต้องรีบออกจากคอนโดตั้งแต่ตีห้าเพราะไม่อยากเจอหน้าเขา เมื่อเย็นวานนี้หลังจากร้องไห้ก็สลบไสลไปพร้อมกับคราบน้ำตาและรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เกือบตีสาม ทำให้ฉันหอบหิ้วร่างกายไปทำความสะอาด คราบพวกนั้นก็ยังคงมีไว้ให้ดูต่างหน้า โดยเฉพาะโซฟาต่อให้ใช้ผงซักฟอกก็ยังเห็นร่องรอยคราบเลือด ได้แต่หวังว่าอย่าพึ่งให้เจ้าของห้องเข้ามาหาฉันในตอนนี้ มันคือเรื่องยากที่ฉันจะบอกว่าพี่เทเลอร์ได้ทำอะไรไว้ เขาไม่ได้บังคับขืนใจฉัน มีแต่ฉันที่สมยอมให้เขาทำเรื่องแบบนั้น
"ซี๊ดดด..."
เท้าเรียวเล็กก้าวออกจากห้องด้วยความยากลำบาก การก้าวแต่ละทีรู้สึกปวดร้าวไปที่ใจกลางความสาวตลอด แต่เมื่อเห็นคนอื่นก็ต้องกัดฟันฝืนเดินให้เป็นปกติ
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแท็กซี่ที่ฉันจะสามารถนั่งไปมหาวิทยาลัยได้ และคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าฉันต้องโหนรถเมล์ไปเรียนด้วยสภาพแบบนี้ ต่อให้ค่าแท็กซี่จะแพงหูฉี่มันก็สบายใจกว่าไปพร้อมเขา หลังจากนี้ฉันจะหัดเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไปเรียนด้วยรถเมล์เหมือนคนอื่น ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแล ฉันต้องหางานและหาเงินได้ด้วยตัวเอง
@มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
ฉันยังคงใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างปกติ ถึงแม้ร่างกายตัวเองจะไม่ปกติเอาเสียเลย ยิ่งเดินมากก็เหมือนจะยิ่งระบม และตั้งแต่เช้ามืดที่ฉันส่งข้อความหาเขา เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เห็นว่าเขาอ่านแล้วถือว่าเขาคงรับรู้ในความต้องการของฉันแล้วเช่นกัน เรื่องราวของเมื่อวานฉันจะถือว่ามันคือความผิดพลาดของตัวเอง ความโง่ของตัวเอง เรื่องราวระหว่างฉันกับพี่เทเลอร์ขอให้มันจบไปตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วนเรื่องงานพาร์ทไทม์ฉันยอมตกลงทำเป็นที่เรียบร้อย ต่อให้ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าแต่ชีวิตฉันก็สู้มาตลอดอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้มันคงไม่ยากเกินความสามารถตัวเอง ก่อนหน้านี้กลับคิดไม่ได้มัวแต่วิ่งหาประสบการณ์จนสุดท้ายกลับได้รับประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต แถมยังถูกพรากความบริสุทธิ์ไปให้กับคนที่ตัวเองไม่ชอบอีกต่างหาก
เป๊ะ!
"อ๊ะ"
"หึ หึ..."
"ไม่ต้องมาหัวเราะเลยหนูเจ็บนะคะ" มือเรียวเล็กลูบหน้าผากตัวเองเมื่อถูกดีดเข้ามาอย่างจังจนเกิดเสียง แต่คนที่กระทำกลับหัวเราะชอบใจ
"โหมดโกรธก็ดูน่ารักดีนะ"
"พี่เตวินท์หนูโกรธจริงๆนะคะ เจ็บด้วย!"
"โอเค พี่ไม่แกล้งแล้ว เห็นเรานั่งเหม่อไม่สนใจโลกก็ต้องเรียกสติกลับคืนมาสิ เป็นอะไรไปทุกทีร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียนมีแต่รอยยิ้ม ทำไมวันนี้นั่งอยู่คนเดียว ไม่ยอมไปขอคำใบ้จากรุ่นพี่คนอื่น หรืออยากถูกทำโทษ"
"วันนี้หนูขอรุ่นพี่หยุดกิจกรรมขอคำใบ้รุ่นพี่หนึ่งวันค่ะ พอดีเจ็บขาเดินไม่ค่อยสะดวก กลัวโดนสั่งทำโทษแล้วจะอาการหนักกว่าเก่า"
พรึบ
"ไหนมาดูหน่อยสิ แผลอยู่ตรงไหน"
"พี่เตวินท์ อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนอื่นผ่านไปผ่านมามองกันใหญ่แล้ว" ฉันรีบเอาขาตัวเองหนีฝ่ามือหนาของรุ่นพี่ปีสี่ เมื่ออยู่ๆเขาก็นั่งลงกับพื้นแถมยังจับข้อเท้าฉัน ไม่มีแม้แต่ความรังเกียจแม้แต่นิดเดียว
"ก็รุ่นน้องพี่เจ็บ พี่ก็ต้องดูให้ไง ไม่เห็นต้องอายใครเลย"
"ขอบคุณที่คิดจะดูแลหนูนะคะ แต่หนูไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร ช่วยลุกขึ้นมานั่งปกติได้ไหมคะ พี่รู้ตัวไหมว่าพี่หล่อจนหนูกลัวผู้หญิงพวกนั้นจะเข้ามาตบหนูอยู่แล้ว" ฉันต้องพยายามหาเรื่องเบี่ยงเบนประเด็นเพราะต่อให้เขาบีบนวดข้อเท้าฉันไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะความเจ็บปวดนั้นมันอยู่ที่ใจกลางความสาวไม่ใช่ที่ข้อเท้า ไม่มีทางที่ฉันจะบอกเขาแน่ว่าตัวเองเจ็บบริเวณนั้น
"ฮ่า ฮ่าๆ เรานี่แปลกคน มีแต่คนอยากให้พี่ทำแบบนี้" เตวินท์ยอมลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างรุ่นน้องตามเดิม แต่ก็ถูกใจนิสัยของน้อยหน่าไม่น้อยเพราะเธอไม่ต้องการให้เขาดูแลด้วยซ้ำ ทั้งที่ผู้หญิงหลายคนต้องการเขากันทั้งนั้น
"หนูอยากอยู่แบบสงบๆดีกว่าค่ะ ต่อให้หนูพึ่งเข้ามาที่นี่ก็เห็นความฮอตของพี่อยู่เหมือนกัน"
"พี่จะไม่ประเจิดประเจ้อ แต่ลับหลังก็ไม่แน่"
"คะ?" ใบหน้าหวานแสดงความสงสัยกับคำพูดกำกวมของรุ่นพี่ แถมเขายังยักคิ้วหลิ่วตาราวกับโปรยเสน่ห์ ไม่แปลกใจที่ผู้ชายคนนี้จะฮอตปรอทแตก เพราะทุกส่วนบนใบหน้าคมคายดูดีไปทั้งหมด แถมยังมีรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ ดูสีหน้าและแววตาเป็นมิตรมากกว่าใครบางคน ทำให้พี่เตวินท์มีเสน่ห์มากสำหรับฉัน
"แล้วเลิกกิจกรรมกลับบ้านยังไง มีคนมารับเหรอ"
"วันนี้กลับเองค่ะ และคงกลับเองไปตลอด ว่าแต่พี่เตวินท์รู้จักรถเมล์ที่ผ่านคอนโดxxไหมคะ จะว่าหนูโง่ก็ได้นะ แต่หนูขึ้นรถเมล์ไม่เป็น ไม่รู้แม้กระทั่งสายรถเมล์ที่ผ่านหน้าคอนโด"
"โง่ที่ไหนกัน ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก คอนโดนั้นทางผ่านบ้านพี่พอดี ให้พี่ไปส่งไหม พี่ขับรถมา"
ริมฝีปากบางอมยิ้มออกมาบางๆ เขาคือผู้ชายที่ใช้คำพูดทะนุถนอมน้ำใจคนฟังซะเหลือเกิน แถมยังอาสาไปส่งด้วยตัวเอง อย่างน้อยฉันก็ได้เจอคนดีๆอย่างพี่เตวินท์
"หนูอยากหัดขึ้นรถเมล์ค่ะ ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจนะคะ แต่หนูอยากเก่งด้วยตัวเอง"
"งั้นเลิกกิจกรรมเดี๋ยวพี่พาขึ้นรถเมล์ ทิ้งรถพี่ไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่นั่งกลับบ้านไปเลย"
"ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แค่บอกสายรถเมล์เอง หนูน่าจะลงถูกป้าย"
"พี่อยากช่วย พี่เต็มใจ" ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือหนามาแตะหัวเด็กสาวและโยกเบาๆด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะลุกออกไปจากตรงนั้นเพื่อไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนคนอื่น
"ว้าว...รอยยิ้มแบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่ามีความสุข ความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าคนเป็นแฟนชอบทำให้กัน สายตาคมคู่นั้น..."
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มร่างสูงที่เดินจากไปราวกับตกอยู่ในภวังค์เมื่อถูกมือหนานั้นลูบมาที่หัว ฉันไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าที่จะได้รับเมื่อมีแฟน ความอ่อนโยน รอยยิ้ม ความทะนุถนอมทั้งท่าทางและคำพูด ไม่เคยคิดเลยว่าแค่พี่เตวินท์ทำกับฉันแบบนี้หัวใจจะเต้นระรัว
แต่แล้วริมฝีปากบางก็หุบยิ้มเมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่อีกคนหนึ่งสอนเมื่อวาน ทำเอาใบหน้าหวานบึ้งตึง
"คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีความอ่อนโยนเลย แถมยังเสียตัวแบบคนโง่อีก ถ้าเจอพี่เตวินท์ก่อนพี่เทเลอร์ฉันคงเข้าใจคำว่ามีแฟนไปแล้ว ไม่น่าโง่นึกถึงเขาเป็นคนแรกเลย"