สวนสาธารณะ
ธามไทค่อยๆใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้ไออุ่นอย่างเบามือพร้อมกับเป่าเบาๆลงบนแผลราวกับต้องการปลอบประโลมให้คนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ตอนนี้หายเจ็บแผล เพราะตั้งแต่ที่เขาพาเธอมาที่สวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆเด็กสาวยังไม่หยุดร้องไห้เลย ไม่รู้ว่าที่ร้องไห้นั้นเพราะกำลังเจ็บแผลหรือว่าเสียใจที่โดนเพื่อนรักหักหลังแต่ดูจากน้ำตาที่ไหลราวกับเขื่อนแตกน่าจะเป็นเพราะอย่างหลังมากกว่า
ไออุ่นมองผู้ชายที่กำลังทำแผลให้เธอด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาก่อนที่หยดน้ำใสๆจะไหลหล่นลงบนแขนของธามไททำเอาคนที่กำลังพันแผลให้เธอถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตั้งใจทำแผลให้ไออุ่นจนเสร็จเรียบร้อยและลุกขึ้นไปนั่งข้างๆเธอบนม้านั่ง
“นี่กะจะร้องไห้ทั้งวันเลยหรือไง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่หยุดร้องไห้เลยนะสาวน้อยสงสัยคงอยากได้ถ้วยสินะ”
คำพูดของธามไททำให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่ถึงกับหยุดคิดตามคำพูดของเขาก่อนที่ไออุ่นจะเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าธามไทด้วยความงุนงง ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงไปทางขวาเล็กน้อยทำเอาธามไทที่กำลังจ้องหน้าไออุ่นอยู่ถึงกับต้องเอียงหน้าตามเธอไปด้วยความสงสัยกับท่าทางแปลกๆของเธอ
“ถ้วยอะไรเหรอคะ ไออุ่นไม่ได้อยากได้ถ้วยอะไรสักหน่อย”
เจ้าของชื่อที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในความคิดของธามไทพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ออกไปทางค่อนข้างน้อยใจคนตรงหน้าทำเอาธามไทถึงกับหลุดขำออกมากับคำพูดของเด็กสาวที่ดูจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา
“ถ้วยรางวัลไง นี่ถ้ามีแข่งร้องไห้ฉันว่าเธอคงได้รับรางวัลชนะเลิศอย่างแน่นอน ร้องเก่ง น้ำตาไหลเก่ง ไม่ทราบว่าที่บ้านทำเครื่องผลิตน้ำตาส่งออกขายหรือยังไง”
ธามไทก็คือธามไทผู้ชายปากแซบคู่หูดูโอ้หมอเพลิงกัลป์ที่พูดออกมาแต่ละคำราวกับกำลังปล่อยหมาออกมาเดินเพ่นพ่านกัดคนที่กำลังพูดคุยอยู่ด้วยจนรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งใจ และไออุ่นก็คือผู้โชคดีคนนั้นที่กำลังโดนหมาพันธ์ดุกัดจนเธอต้องส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าบ้านไอทำเครื่องผลิตน้ำตาพี่ก็คงเลี้ยงหมาไว้ในปาก พูดออกมาแต่ละคำนึกว่ากำลังเห่าอยู่”
คำเรียกแทนตัวเองของไออุ่นทำเอาธามไทรู้สึกใจเต้นแปลกๆแต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หายวับไปกับตาเมื่อคำพูดต่อมาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขาถึงกับแอบกำหมัดแน่น เพราะที่ผ่านมาคนที่คอยจิกกัดด่าเขามาตลอดว่าเลี้ยงหมาเอาไว้ในปากมีเพียงคุณลุงกฤษฎิ์คนเดียวเท่านั้นแต่ไออุ่นคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าว่าเขาเลี้ยงหมาเอาไว้ในปาก หึ ช่างกล้าจริงนะแม่สาวน้อย
“ถ้าจะว่ากันขนาดนี้มาต่อยกันเลยไหม”
คำพูดของธามไททำเอาไออุ่นรู้สึกแปลกใจครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่ครั้งนี้ไออุ่นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีผู้ชายที่อายุมากกว่ามาท้าเธอต่อย แถมใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูจริงจังราวกับว่ารอให้เธอปล่อยหมัดใส่ก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลย
“นี่จริงจังใช่ไหมคะ”
“หน้าฉันดูล้อเล่นหรือไง”
ธามไทตอบกลับคำถามของไออุ่นทันควันก่อนที่ไออุ่นจะค่อยๆทำเนียนขยับออกห่างจากร่างสูงที่หน้าตาดูจริงจังมากกับการท้าต่อยกับเธอ ก่อนที่ธามไทจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขำกับท่าทีของไออุ่นที่กำลังขยับหนีเขาราวกับกลัวว่าเขาจะต่อยเธอจริงๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน้า ฉันเป็นลูกผู้ชายพอไม่ท้าต่อยผู้หญิงหรอกนะยกเว้นเสียแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นมาท้าต่อยกับฉันก่อนฉันก็พร้อมจะสนองนี้ดให้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไออุ่นก็แอบถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งอกก่อนที่เธอจะเผลอยิ้มตามคนข้างกายที่ยังคงหัวเราะขำเธอไม่หยุด พอได้มีเวลามองหน้าเขาตรงๆแบบนี้แล้วไออุ่นก็พบว่าผู้ชายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างๆเธอนั้นหน้าตาดีมากหล่อเหมือนไอดอลเกาหลีวงดังที่เธอกำลังคลั่งไคล้อยู่ รอยยิ้มของเขามองแล้วก็ให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกราวกับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเธอค่อยๆคลายลง
“นั่นแหนะ ยิ้มแล้วใช่ไหมไอ้เราก็นึกว่าจะนั่งร้องไห้ทั้งวันรอถ้วยรางวัลเสียอีก”
ธามไทแซวไออุ่นอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ไออุ่นจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มออกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างพยายามเรียกความเข็มแข็งให้กลับคืนมาทั้งๆที่ตอนนี้ใจของเธอนั้นพังจนแหลกละเอียดไปหมดแล้ว แต่ในเวลาที่เธอกำลังตัวคนเดียวเธอจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันขอโทษนะสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาทำเรื่องแบบนั้นถ้าฉันรู้ฉันคงไม่ทำแบบนั้นกับเธอ”
ธามไทเอ่ยคำขอโทษไออุ่นออกมาด้วยความรู้สึกผิดจากใจเพราะถ้าเขารู้ว่าเธอโดนเพื่อนหลอกมาโดยที่ไม่เต็มใจเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอเด็ดขาด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นและผ่านมาแล้วเขาคงทำได้เพียงแค่ขอโทษเธอถึงแม้ว่าคำขอโทษของเขาจะไม่สามารถเรียกความบริสุทธิ์ของเธอกลับคืนมาได้ก็ตาม
“เรื่องนี้ไอคงต้องโทษตัวเองที่รักและไว้ใจเพื่อนจนมากเกินไป โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนไม่เคยรักและจริงใจกับตัวเองเลยสักนิด”
น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังถึงกับใจแป้วไม่น้อยทั้งรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งรู้สึกสงสารเด็กสาวจับใจ เขาไม่คิดเลยว่าเด็กสมัยนี้แค่ไม่พอใจกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆจะทำให้กล้าทำร้ายและหักหลังเพื่อนได้มากถึงขนาดนี้
“ประสบการณ์ชีวิตน่ะ ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งคนทุกคนล้วนต้องมีประสบการณ์ชีวิตกันทั้งนั้นบางคนอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆแต่สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องใหญ่แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้”
ธามไทพูดอย่างต้องการปลอบใจไออุ่นที่ยิ้มออกมาน้อยๆกับคำพูดที่ดูคล้ายจะเป็นการสอนเธอของเขามากกว่าถึงแม้ในใจจะมีความรู้สึกโกรธเขาอยู่ไม่น้อยแต่เหตุการณ์ทุกอย่างล้วนเกิดจากความโง่เขลาของเธอทั้งนั้นจะให้โทษเขาทั้งหมดคงไม่ได้
“อะนี่ โทรศัพท์ของเธอทำหล่นไว้บนรถฉันน่ะ ที่ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านแค่ตั้งใจจะเอาโทรศัพท์ไปคืนไม่ได้ตั้งใจไปแอบฟัง”
ธามไทยื่นโทรศัพท์มือถือคืนไออุ่นก่อนที่เขาจะบอกเธอตามความจริงเพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดว่าเขาไปแอบฟังเธอทะเลาะกับเพื่อน
“ขอบคุณนะคะ”
ไออุ่นรับโทรศัพท์คืนมาพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณก่อนที่เธอจะมองไปข้างหน้าราวกับว่ากำลังใช้ความคิดเพราะตอนนี้เธอไม่มีที่ให้ไปแล้ว หลังจากที่ออกจากบ้านมาเธอก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของอันดาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่เธอเก็บสะสมจากค่าขนมที่เหลือในแต่ละวันแต่ตอนนี้กระเป๋าของเธอหายไปแล้วเธอไม่มีเงินติดตัวสักบาท
“บ้านเธออยู่แถวไหนล่ะเดี๋ยวฉันไปส่ง”
ธามไทถามเด็กสาวพร้อมกับอาสาที่จะไปส่งเธอให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย เพราะสภาพของเธอในตอนนี้ให้ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านคงไปไม่ถึงบ้านอย่างแน่นอน
“ไอไม่มีบ้านให้กลับแล้วค่ะ”
คำตอบของเด็กสาวทำเอาธามไทถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงงแต่แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวเมื่อคิดไปเองว่าไออุ่นอาจจะเป็นเด็กกำพร้าที่มาอาศัยอยู่กับเพื่อนชั่วคราว พอคิดแบบนั้นแล้วความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกทำไมเขาถึงทำลายชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งได้ถึงขนาดนี้นะ เฮ้อ ธามไทนะธามไท
“ไอไม่มีที่ไปแล้วค่ะ ไอทะเลาะกับพ่อก็เลยหนีออกจากบ้านมาขออาศัยอยู่กับอันดาชั่วคราว แต่ตอนนี้อันดาไม่ใช่เพื่อนไอแล้วไอก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกันค่ะ”
คำตอบของไออุ่นทำเอากระจกบนหน้าของธามไทแตกเสียงดังเพล้งหมอไม่รับเย็บเพราะเผลอไปคิดเองเออเองว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับพ่อก็เลยมาขออาศัยอยู่บ้านเพื่อนชั่วคราว เฮ้อ ชีวิตจริงนี่มันยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีกนะอะไรมันจะรันทดได้ขนาดนี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไอรบกวนเวลาพี่มามากพอแล้วไอขอตัวก่อนนะคะ”
ไออุ่นบอกคนข้างกายด้วยความเกรงใจพร้อมกับยกมือไหว้ลาธามไทอย่างเด็กที่มีสัมมาคารวะรู้จักไปลามาไหว้ ก่อนที่ไออุ่นจะลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เพราะเธอยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเธอไม่มีที่ให้ไปจริงๆเธอก็คงต้องกลับบ้านไปหาบิดาและตอบตกลงในเรื่องที่เป็นสาเหตุทำให้เธอหนีออกจากบ้านอย่างจำยอม
หมับ
ธามไทใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก็ลุกขึ้นเดินมาหาไออุ่นที่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายก่อนที่เขาจะกระชากแขนเธอให้หันกลับมาและถลาเขาสู่อ้อมกอดของเขาโดยที่ไออุ่นไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าเธอไม่มีที่ให้ไปจริงๆเธอมาอยู่กับฉันก่อนก็ได้ ไว้หายโกรธพ่อเมื่อไหร่เธอก็ค่อยกลับบ้าน”
เพราะความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไออุ่นพบเจอกับประสบการณ์ที่เลวร้ายในชีวิตทำให้ธามไทตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าคำพูดของเขาจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่ลึกซึ้งระหว่างเขาและเธอคนนี้คนที่สอนให้ธามไทได้รู้จักกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าความรัก