คอนโดธามไท
ไออุ่นมองเสื้อผ้าของเธอที่ตอนนี้กลายเป็นเศษผ้าที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มือบางค่อยๆเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชุดก่อนที่หยดน้ำตาจะกลิ้งหล่นลงบนพวงแก้มเนียนด้วยความรู้สึกเสียใจเมื่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวทของเธอเต็มไปด้วยรอยตัดจากกรรไกรจนขาดวิ่น
ธามไทมองไหล่บอบบางที่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อยมือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวด้วยความสงสาร ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้อยู่ถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าผู้ชายที่ชวนเธอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้ อยู่ๆใจดวงน้อยก็เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ความรู้สึกหวั่นไหวที่ค่อยๆเกิดขึ้นโดยที่ไออุ่นไม่รู้ตัว
“ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะเสื้อผ้าขาดได้ก็ซื้อใหม่ได้ไม่เห็นจะยาก”
ธามไทบอกไออุ่นที่ยิ่งเศร้าใจหนักไปกว่าเดิมเพราะตอนนี้แม้แต่เงินติดตัวเธอยังไม่มีสักบาทจะให้โทรไปขอความช่วยเหลือจากน้าญาดาน้องสาวของมารดาที่ล่วงลับไปไออุ่นก็รู้สึกเกรงใจ เพราะตอนที่เธอออกจากบ้านมาน้าญาดาก็โอนเงินมาให้เธอเอาไว้ใช้ถึงห้าหมื่นบาทแต่ตอนนี้เงินก้อนนั้นหมดไปแล้วพร้อมๆกับกระเป๋าเงินที่หายไปของเธอ
“แต่ว่า...เอ่อ คือ คือว่า”
ไออุ่นอ้ำๆอึ้งๆอย่างไม่กล้าที่จะพูดความจริงออกไปลำพังที่เธอมาขออาศัยเขาอยู่นั้นก็นับว่ารบกวนเขามากเกินพอแล้ว นี่ยังต้องมาขอยืมเงินเขาอีกมันดูจะมากเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงหนึ่งคืนและหนึ่งวันอย่างเขากับเธอ
“แต่อะไร”
ทั้งคำพูดและน้ำเสียงอีกทั้งแววตาของธามไทที่จ้องมองมายังเธอทำให้เด็กสาวที่เหลือบตาขึ้นมองเขาเพียงแวบเดียวถึงกับต้องรีบหลุบตาลงมองพื้นด้วยความรู้สึกละอายใจ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับธามไทที่ตอนนี้กำลังจ้องมองมาที่เธออย่างรอคอยคำตอบ
“ไอไม่มีเงินค่ะ เมื่อคืนกระเป๋าเงินไอหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ส่วนเงินฝากในบัญชีธนาคารก็โดนคุณพ่ออายัดไม่ให้ถอนออกมาใช้ตอนนี้ไอมีแต่ตัวแต่ไอไม่มีเงิน”
คำพูดของเด็กสาวทำเอาคนที่รอฟังคำตอบถึงกับหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเพราะคำพูดและท่าทางของไออุ่นในยามนี้คือเกรงใจเขาสุดๆ โดยเฉพาะสีหน้าที่ดูจะรู้สึกผิดมากทั้งๆที่คนที่ต้องรู้สึกผิดมันควรจะเป็นเขามากกว่าที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอและทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดแบบนี้
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด เสื้อผ้าพวกนี้เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่เองไม่ต้องห่วงถือว่าเป็นการไถ่โทษละกันสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน”
“ไม่ได้นะคะแม่ไอสอนว่าไม่ควรรับของจากใครฟรีโดยที่ไม่ตอบแทนเขา อีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็เกิดจากความเข้าใจผิดและความโง่ของไอเองคุณไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
ไออุ่นรีบบอกธามไทที่ขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความรู้สึกแปลกใจเพราะถ้าเขาเจอเรื่องเหมือนที่เด็กสาวเจอเขาคงรู้สึกเสียใจมากที่โดนเพื่อนหลอก แต่ไออุ่นกลับบอกให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดนี่เธอเสียใจที่โดนเพื่อนหลอกจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือเธอโลกสวยกันแน่นะเด็กน้อย
ธามไทได้แต่คิดและก็สงสัยอยู่ในใจเพราะท่าทางของไออุ่นเหมือนเด็กสาวที่ดูซื่อๆคนหนึ่งที่ไร้พิษสงหรือมารยาหญิง สิ่งที่เด็กสาวพูดออกมานั้นเขาสัมผัสได้ว่ามันออกมาจากใจของเธอโดยที่ไม่มีการเสแสร้งใดๆทั้งสิ้น
“แล้วเธอจะตอบแทนฉันยังไงล่ะหรือว่าเธอจะมาเป็นแม่บ้านชั่วคราวให้ฉัน ”
คำถามของธามไททำเอาไออุ่นที่ได้ยินถึงกับตาโตก่อนที่เด็กสาวจะส่ายหน้าไปมารัวๆทำเอาธามไทถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง
“เธอกวาดบ้านเป็นไหม” ไออุ่นส่ายหน้าอีกครั้งทันทีที่ได้ยินคำถามของธามไทตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยจับไม้กวาดเลยสักครั้ง
“ซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าว”
ทุกคำถามที่ธามไทเอ่ยออกไปคำตอบที่ได้รับจากเด็กสาวคือการส่ายหน้ารัวๆจนเส้นผมยาวสลวยกระจายเต็มแผ่นหลัง ส่วนคนถามได้แต่ยิ้มแหยๆเมื่อสิ่งที่เขาจะให้เธอตอบแทนคนตรงหน้ากลับทำไม่เป็นเลยสักอย่าง
“เหอะ อะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่างถ้าอย่างนั้นก็กินๆนอนๆไปเถอะ”
“ได้เหรอคะ คุณจะไม่ว่าไอใช่ไหมคะ”
แววตาที่ทอแสงเป็นประกายราวกับว่ากำลังถูกใจคำพูดเขาของเด็กสาวทำเอาธามไทถึงกับขมวดคิ้วอีกครั้งจนแทบผูกโบว์ ก่อนหน้านี้ยังบอกเขาว่าแม่สอนไม่ให้รับของจากใครฟรีๆโดยที่ไม่ตอบแทนแต่พอเขาบอกให้กินนอนอยู่เฉยกลับทำหน้าราวกับลูกหมาตัวน้อยที่ดีใจจนหูและหางกระดิก
“อ้าว นี่ลืมคำสอนแม่แล้วเหรอ”
คำทักท้วงของธามไทที่จงใจแกล้งดักคอไออุ่นทำเอาเด็กสาวที่มีสีหน้าดีใจในครั้งแรกกลับหน้ามุ่ยลงก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของธามไท
“ตอนคุณแม่ยังอยู่ไอก็ไม่ลืมหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คุณแม่ไม่อยู่แล้วก็ลืมๆมันบ้างก็ได้เนอะ”
คำตอบของไออุ่นทำเอาคุณหมอคนเก่งถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความหัวจะปวดกับคำตอบที่ดูจะเจ้าเล่ห์ไม่น้อยของเด็กสาว ที่เขาบอกทุกคนก่อนหน้านี้ว่าไออุ่นดูซื่อๆดูเหมือนจะไม่จริงนะครับทุกคนธามไทกำลังโดนเด็กมันหลอกครับเห็นหน้าซื่อๆตาใสๆนี่ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ
“หึ ลืมมันไปบ้างก็ได้เนอะ อืมง่ายดีๆนะ นี่เป็นคนง่ายๆใช่ไหมเรา”
“ใช่ค่ะ ง่ายๆอะไรก็ได้”
คำตอบของไออุ่นดูเหมือนจะง่ายๆตามที่เด็กสาวบอกแต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วแม้กระทั่งมื้อเย็นที่ธามไทสั่งมาจากร้านอาหารชื่อดังซึ่งเมนูส่วนใหญ่มีแต่ผัก เด็กสาวกลับเขี่ยมันเอาไว้ข้างๆขอบจานและตักกินเฉพาะเนื้อกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ไหนว่าเป็นคนง่ายๆแล้วทำไมไม่กินผัก” ธามไทถามคนที่กำลังเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความสงสัยเพราะผักที่เด็กสาวเขี่ยออกนั้นเยอะมากจนแทบจะล้นขอบจานแล้ว
“ก็ไออุ่นไม่ชอบกินผักนี่คะ ผักมีแต่ขมๆไม่เห็นจะอร่อยเลย”
พูดจบก็ตักเมนูหมูทอดกระเทียมเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆด้วยความเอร็ดอร่อย ส่วนธามไทได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้เด็กสาวที่ก็ยิ้มตอบกลับเขาจนตาหยีอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“อืม เป็นคนง่ายๆดีเนอะผักก็ไม่กิน อืม ง่ายๆง่ายมากง่ายมากๆ”
ธามไทแอบเหน็บไออุ่นน้อยด้วยความหมั่นไส้กับคำว่าง่ายๆอะไรก็ได้ของเธอที่ความจริงแล้วไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอโปรโมทตัวเองเลยสักนิด นี่ถ้าวันไหนเขาอยากทำอาหารกินเองคงต้องมีแต่เนื้อ เนื้อและเนื้อแบบนั้นคงได้อ้วนกันพอดีมิน่าล่ะที่ผ่านมาสงสัยเธอกินแต่เนื้อแก้มก็เลยป่องเชียวนะแม่สาวง่ายๆอะไรก็ได้
ธามไทได้แต่แอบค่อนแคะให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับเมนูอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข ก่อนที่จะธามไทจะนั่งกินข้าวต่อเงียบๆโดยที่ไม่ทักท้วงไออุ่นที่ตอนนี้ซอสเลอะปากลามไปจนถึงแก้มราวกับเด็กน้อยห้าขวบที่กำลังหัดกินข้าวเองโดยที่ไม่ต้องมีคนคอยป้อน
“เธอนอนห้องนี้ก็แล้วกันเป็นห้องว่างที่เอาไว้รับรองแขก ตอนนี้ยกให้เธอเป็นเจ้าของห้องชั่วคราว”
ธามไทบอกไออุ่นที่พยักหน้ารับก่อนที่เด็กสาวจะเดินเข้าไปในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนค่อนข้างไปทางสีทึบซึ่งดูน่ากลัวและวังเวงอย่างไรไม่รู้ในความรู้สึกของไออุ่น เพราะห้องนอนของเธอที่บ้านนั้นตกแต่งด้วยโทนสีชมพูมองแล้วให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบายตาผิดกับห้องของเขาที่น่ากลัวจนเธอขนลุก
“ห้องนี้ไม่มีผีใช่ไหมคะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คำถามของไออุ่นทำเอาธามไทถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขำขัน เพราะตั้งแต่เขาเกิดมาจนเรียนจบหมอเขายังไม่เคยเห็นผีเลยสักครั้งถึงแม้ว่าตอนที่เรียนอยู่จะพบเจอกับเรื่องราวแปลกๆมากมายก็ตาม
“หึ ผีน่ะไม่มีหรอกมีแต่ผีเลียหัวเธออยากเจอไหมล่ะ”
คำพูดของธามไททำเอาไออุ่นถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเพราะเธอไม่เคยได้ยินหรือรู้จักกับผีที่เขาพูดมาเลยสักนิด ที่เคยดูในละครก็เห็นจะมีแต่ผีกระสือ ผีกระหัง ผีปอบอะไรแบบนี้แล้วอะไรมันคือผีเลียหัวกันนะ ไออุ่นได้แต่คิดหาคำตอบอยู่ในหัวให้วุ่นก่อนที่ธามไทจะกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางที่กำลังครุ่นคิดของเด็กสาว
“อ้อ เกือบลืมไปเลยยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ ฉันธามไทเรียกสั้นๆว่าไทม์”
ธามไทแนะนำตัวเองให้ไออุ่นได้รู้จักก่อนที่มือใหญ่จะยื่นมาตรงหน้าเด็กสาวที่ค่อยๆยื่นมือไปสัมผัสกับมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของธามไทก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาน้อยๆแล้วแนะนำตัวเองบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ หนูชื่อไออุ่นหรือเรียกสั้นว่าหนูไอก็ได้ค่ะ”
“อืม ไออุ่น อุ่นจนร้อนสินะ”
ธามไทพึมพำเสียงเบาก่อนที่เขาจะถอนมือออกแล้วเดินหลังออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้เด็กสาวอย่างแผ่วเบาก่อนที่เขาจะเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เมื่อธามไทจากไปแล้วไออุ่นได้แต่หันไปมองรอบๆห้องด้วยความกลัวก่อนที่เธอจะแอบท่องบทสวดมนต์เพื่อกันผีอยู่ในใจ
เมื่อรู้สึกกลัวน้อยลงไออุ่นก็จัดการอาบน้ำพร้อมกับสวมชุดนอนของธามไทที่ให้เธอยืมใส่ชั่วคราวซึ่งตัวมันใหญ่มากราวกับว่าเธอกำลังใส่เสื้อผ้าโอเวอร์ไซซ์อยู่ ก่อนที่ไออุ่นจะล้มตัวลงนอนและปิดไฟจนห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสนิท
เช้าวันต่อมา
ช่วงเช้าที่อากาศกำลังเย็นสบายธามไทนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับดึงหมอนข้างเข้ามากอดราวกับต้องการความอบอุ่น ร่างสูงยิ้มออกมาน้อยๆอย่างคนที่กำลังนอนหลับฝันดีก่อนที่เขาจะตกใจสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับถีบบางสิ่งบางอย่างจนหล่นลงจากเตียงเสียงดังตุ้บด้วยความตกใจเมื่อฝันดีของเขากำลังกลายเป็นฝันร้าย
“อื้อ ไออุ่นเจ็บนะคะ”
เสียงเล็กที่ต่อว่าเขาอยู่ทำเอาธามไทที่กำลังสะลึมสะลือเพราะยังตื่นไม่เต็มที่ถึงกับหูผึ่ง ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่นขึ้นด้วยความตกใจและพบว่าเรื่องทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันไม่ใช่ความฝันหากแต่มันคือความจริงที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“เธอเข้ามานอนในห้องฉันได้ยังไง”