<6> เมื่อความเขินเดินทางมาเยือนโดยไม่รู้ตัว

2703 Words
“นี่ไปเดินห้างนะไม่ได้ไปเที่ยวผับ” ธามไทท้วงไออุ่นอย่างรู้สึกขัดตาและขัดใจเมื่อกระโปรงที่เธอสวมมันสั้นจนแทบโชว์แก้มก้นส่วนเสื้อก็ตัวเล็กเกินไปจนปิดหน้าอกของคนตัวเล็กแทบไม่มิด ในขณะที่ไออุ่นได้แต่ทำหน้างงๆเพราะชุดที่เธอกำลังใส่อยู่ธามไทเป็นคนสั่งมาให้เธอเองเพื่อให้เธอมีชุดใส่ไปเดินห้าง แต่พอเธอใส่ออกมาเขากลับบอกว่าเหมือนชุดไปเที่ยวผับซะอย่างนั้น “แต่คุณเป็นคนสั่งมาให้ไอเองนะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำเอาคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจถึงกับคลายลงทันตาเห็นก่อนที่คนขี้เก๊กจะกระพริบตาปริบๆแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที กลายเป็นไออุ่นเองที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ธามไทกับอาการที่คล้ายจะเป็นใบโพลาร์ของเขา “ฉันสั่งมาสองชุดนี่ งั้นไปเปลี่ยนอีกชุดๆนั้นน่าจะเรียบร้อยมากกว่านี้” คนหน้ามึนบอกไออุ่นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยก่อนที่เด็กสาวจะย่นจมูกใส่คนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเขา ชุดเดรสเอี่ยมสีครีมน่ารักสมวัยทำเอารอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาวก่อนที่เธอจะหยิบขึ้นมาเปลี่ยนด้วยความชอบใจเพราะเธอชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเอี่ยมมาก เปาะ!! “แบบนี้แหละใช่เลย น่ารักสมวัยเด็กมัธยม” คำชมของธามไททำเอาแก้มเนียนของไออุ่นขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกเขินเพราะธามไทไม่เพียงแต่ชมเท่านั้นหากแต่รอยยิ้มที่สดใสของเขาทำเอาหัวใจของไออุ่นเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เป็นครั้งแรกที่เขาเผยรอยยิ้มต่อหน้าเธอเพราะก่อนหน้านี้ใบหน้าของเขามักจะเรียบเฉยราวกับคนเย็นชาแต่คำพูดของเขากลับไม่ได้เย็นชาอย่างใบหน้าเลย วาจาราวกับส้มตำปูปลาร้าที่ไออุ่นเคยกินหน้าโรงเรียนเชียวล่ะเผ็ดเด็ดแซบอย่าบอกใครเลย “ไปกันเถอะ” ธามไทเอ่ยชวนไออุ่นก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเธอออกมาจากห้องและเดินตรงไปที่ลิฟต์ส่วนตัวแต่แล้วขาที่กำลังก้าวเดินกลับชะงักไปเมื่อมือเล็กๆนุ่มนิ่มเอื้อมมาคว้ามือของเขาเอาไว้ด้วยความเคยชิน ส่วนคนที่ไม่ชอบให้ใครจับมือได้แต่หันมามองมือเล็กของไออุ่นที่กำลังจับมือของเขาอยู่ด้วยสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจ แต่คนที่ชอบเดินจับมือกับเพื่อนจนเคยชินได้แต่เมินสายตาของเขาและประสานมือของตัวเองเข้ากับมือใหญ่ของธามไทก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มจนตาหยีให้กับคนที่กำลังถลึงตาใส่เธอด้วยความไม่พอใจ เพราะธามไทไม่ชอบเดินจับมือกับใครและไม่ชอบให้ใครมาเดินจับมือของเขาทั้งนั้น “จะปล่อยดีๆหรือจะให้...” “ไอแค่ไม่อยากเดินตามหลังคุณคนเดียวโดยที่ไม่มีใครเดินเคียงข้าง ไออยากเดินไปพร้อมๆกับคุณเหมือนเวลาที่ไอเดินไปกับเพื่อนหรือไปกับคุณพ่อคุณแม่ไอไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลังคนเดียว” น้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูสดใสร่าเริงกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาไม่ได้กลบเกลื่อนแววตาเศร้าสร้อยของเด็กสาวได้เลยสักนิด หัวใจที่เคยเย็นชาและไร้ความอ่อนโยนกลับอ่อนลงเมื่อเจอกับความพยายามที่จะเข็มแข็งของคนที่กำลังกุมมือเขาอยู่ “ไอขอโทษด้วยนะคะ ต่อไปไอจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” ไออุ่นบอกธามไทด้วยใบหน้าที่ยังคงเปื้อนยิ้มเหมือนเดิมก่อนที่เธอจะค่อยๆคลายมือที่ประสานมือของเขาอยู่ออกช้าๆด้วยความรู้สึกที่หม่นเศร้าถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็ตาม จังหวะที่มือเล็กกำลังจะหลุดออกจากมือใหญ่ธามไทก็ตัดสินคว้ามือของเธอเอาไว้ทำเอาไออุ่นถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจด้วยคิดไม่ถึงว่าธามไทจะเปลี่ยนใจเพราะสีหน้าของเขานั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบให้ใครจับมือถือแขน “นี่เห็นว่าเป็นเธอหรอกนะถึงยอมให้จับ” น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่แต่มือใหญ่กลับกุมมือเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นก่อนที่ธามไทจะจูงมือเล็กให้เดินเข้าไปในลิฟต์ซึ่งเป็นลิฟต์ส่วนตัวของเขาคนเดียว ภายในลิฟต์ไร้เสียงสนทนาของคนทั้งคู่เพราะธามไทเอาแต่มองไปที่ประตูส่วนไออุ่นกลับเงยหน้ามองเสี้ยวด้านข้างของเขาพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าเรื่องในคืนนั้นจะทำให้เธอเสียใจมากแต่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมือใหญ่ของเขามายังมือเล็กของเธอทำให้หัวใจที่บอบช้ำรู้สึกตื้นตันใจไม่น้อย ในวันที่เธอเลือกเดินออกมาจากอ้อมอกของบิดาเพราะถูกบังคับให้หมั้นกับคนที่เธอไม่ได้รักไม่ได้ชอบจนต้องพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายจนเกินที่ใจของเธอจะรับไหว แต่เธอยังมีเขาที่ถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำแต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะทิ้งให้เธอต้องเผชิญโลกกว้างเพียงลำพังเลยแม้แต่น้อย “ว้าว รถสวยจังเลยค่ะ” ไออุ่นร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อธามไทเดินจูงมือเธอมาหยุดลงตรงหน้ารถซุปเปอร์คาร์สีแดงเพลิงที่เธอเคยเห็นแต่ในทีวี ดวงตากลมโตระยิบระยับทอแสงเป็นประกายก่อนที่เธอจะเดินไปลูบรถที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับมองไปทั่วรถตัวด้วยความตื่นเต้น “อยากลองขับไหมล่ะ วันหยุดเดี๋ยวสอนให้” “เย่ เย่ พูดจริงๆนะคะคุณไม่ได้โกหกไอนะ” ร่างบางที่โถมตัวเข้ามากอดธามไทด้วยความดีใจอย่างลืมตัวทำเอาคนที่ถูกกอดถึงกับพูดไม่ออกกับความใกล้ชิดที่ครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มหากแต่ยายเตี้ยต่างหากที่เป็นคนเริ่ม ส่วนคนที่ดีใจจนลืมตัวก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอย่างรอคอยคำตอบก่อนที่ธามไทจะพยักหน้ารับช้าๆ “ขอบคุณนะคะ น่ารักที่สุดเลย” คำชมของเด็กสาวทำเอาธามไทถึงกับหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาพัดที่ใบหน้าราวกับว่าอากาศร้อนจนเขาทนไม่ไหว ส่วนไออุ่นที่กอดเอวธามไทอยู่ก็เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวร่างบางรีบดีดตัวเองออกห่างด้วยความเขินไม่ต่างกันก่อนที่หนุ่มสาวต่างวัยจะพากันหันไปมองทางอื่นเพื่อเก็บอาการเขินที่กำลังเล่นงานทั้งคู่อยู่ “ร้อนเนอะว่าไหม ร้อนจนหน้าแดงเลยเนี่ย” คนที่ไม่เคยเกิดอาการเขินกับใครมาก่อนเพราะถือว่าหน้าหนาพอตัวแต่มาวันนี้กลับรู้สึกเขินสาวน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ถามไออุ่นอย่างต้องการกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง ส่วนสาวน้อยที่ไม่เคยใจเต้นแรงกับผู้ชายคนไหนมาก่อนก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของธามไทเพราะตอนนี้หน้าของเธอกับเขานั้นแดงไม่ต่างกัน “ไอว่าเรารีบขึ้นรถกันเถอะค่ะก่อนที่หน้าจะไหม้” คำพูดที่ดูตรงข้ามกับอากาศช่วงสายของวันหยุดที่เย็นสบายแถมยังมีลมพัดมาเบาๆให้รู้สึกสดชื่นทำเอาทั้งคู่รู้สึกกระดากปากไม่น้อย ก่อนที่ธามไทจะรีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งทำเอาไออุ่นถึงกับมองด้วยความงุนงงเพราะฝั่งที่ธามไทขึ้นไปนั่งไม่ใช่ฝั่งคนขับและอีกอย่างต้องเป็นเธอสิที่ต้องเข้าไปนั่งไม่ใช่เขา “เอ่อ ไอขับรถไม่เป็นนะคะขืนให้ไอขับคงได้ไปเยี่ยมพี่ยมกันทั้งคู่” น้ำเสียงหวานที่เอ่ยบอกเขาทำเอาคนที่เขินจนสติหลุดถึงกับหันมองรอบๆก่อนที่ธามไทจะเงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มแหยๆมาให้ไออุ่นเองที่ก็ยิ้มแหยๆตอบกลับเขาเช่นกัน “โทษที ลืมตัวไปหน่อยปกติมีแต่เพื่อนขับให้นั่งเลยไม่ชินเวลาที่ต้องขับให้ใครนั่ง” คำพูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆของธามไทที่ถ้าหากเพลิงกัลป์ผ่านมาได้ยินคงเบะปากด้วยความหมั่นไส้เพราะปกติแล้วเวลาที่ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันส่วนใหญ่แล้วธามไทคือคนที่มักจะขับรถให้เพลิงกัลป์นั่ง น้อยครั้งที่เพลิงกัลป์จะเป็นฝ่ายขับเพราะธามไทมักจะบ่นว่าเขาขับรถช้าไม่ทันใจวัยรุ่น “ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็ขับให้ไอนั่งบ่อยๆนะคะจะได้ชิน” คำพูดของเด็กสาวทำเอาธามไทได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและให้ไออุ่นเข้าไปนั่งแทนที่พร้อมกับปิดประตูรถอย่างเบามือ ส่วนตัวเองก็รีบอ้อมไปด้านคนขับแล้วขึ้นไปนั่งพร้อมกับออกรถเพื่อเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านทันที สองหนุ่มสาวที่เดินจูงมือกันเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างทำให้ผู้คนที่เดินสวนไปสวนมาหันมามองด้วยความรู้สึกที่ทั้งชื่นชมในความสวยน่ารักของไออุ่นและความหล่อของธามไท ที่นานๆครั้งเขาถึงจะยอมปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนเพราะชีวิตส่วนใหญ่ของเขาคือโรงพยาบาล ร้านเหล้า และคอนโด ส่วนบางคนก็มองด้วยความรู้สึกอิจฉากับความเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกของหนุ่มสาวทั้งคู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันเลยสักนิด “ไปร้านเสื้อผ้าแฟชั่นธรรมดาก็ได้ค่ะ ร้านนี้มันแพง” ไออุ่นรั้งมือของธามไทเอาไว้เมื่อเขากำลังจูงมือเธอให้เดินตามเขาเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่มีพนักงานสาวสวยยืนยิ้มต้อนรับอยู่ ในขณะที่ธามไทหันกลับมามองหน้าของไออุ่นที่ส่ายหน้าไปมาช้าๆด้วยความรู้สึกเกรงใจเขา ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของเธอที่ถูกฉีกทำลายไปจะมีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแต่ในเมื่อเธอมาอาศัยเขาอยู่เธอก็ควรต้องเกรงใจเขา “เสื้อผ้าของเธอก็เห็นมีแต่แบรนด์นี้ไม่ใช่เหรอ” ธามไทถามเด็กสาวด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะพยายามดึงเธอให้เดินเข้าไปในร้านอีกครั้งแต่ไออุ่นกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินเข้าไปเหมือนเดิม เพราะถ้าหากเธอซื้อสิบชุดอาจจะหมดไปถึงหลักแสนทีเดียวซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากที่เธอไม่อยากรบกวนเขาแต่ถ้าเธอไปซื้อร้านเสื้อผ้าแฟชั่นธรรมดาอาจจะหมดแค่หลักพันก็ได้ “มันแพงไปค่ะไอไม่อยากรบกวนคุณมากเกินไป ที่รบกวนอยู่ตอนนี้มันก็มากเกินไปแล้วค่ะ” ไออุ่นบอกธามไทด้วยความเกรงใจแต่คนที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินกลับยกยิ้มมุมปากน้อยๆแล้วดึงรั้งมือเธอให้เข้าไปในร้านแต่ไออุ่นกลับขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตาม จนกระทั่งเป็นธามไทเองที่ทนไม่ไหวตัดสินใจปล่อยมือเธอทำเอาไออุ่นถึงกับเป่าปากด้วยความโล่งใจ “กรี๊ด ปล่อยไอลงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” ไออุ่นกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อธามไทที่ยอมปล่อยมือเธอง่ายๆอุ้มเธอขึ้นในอ้อมแขนโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวเรียกสายตาหลายคู่ให้มองมายังหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยความเอ็นดู มือบางทุบที่อกของธามไทเบาๆเพื่อให้เขาปล่อยเธอลงแต่คนหน้ามึนแถมหน้าหนามีหรือจะฟัง ร่างสูงก้าวยาวๆเข้าไปในร้านโดยที่เดินไปที่โซนเสื้อผ้าของผู้หญิงเมื่อถึงที่หมายเขาก็ยอมปล่อยเธอลงโดยที่ไออุ่นได้แต่หน้าบึ้งบึนปากอย่างอแงเมื่อเขาไม่ยอมฟังที่เธอบอกเลยสักนิด “อยากได้ตัวไหนเลือกเลย สิบตัว ยี่สิบตัวตามสบาย” “ไม่เอาค่ะมันแพงไอเกรงใจ เราไปที่ร้านอื่นกันเถอะนะคะ” ไออุ่นส่ายหน้าพร้อมกับบอกธามไทที่ตอนนี้นั่งลงบนเบาะนั่งโดยที่มีไออุ่นที่พยายามดึงรั้งให้เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านแต่ร่างสูงกลับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายกระตุกเบาๆไออุ่นก็เซถลาลงมานั่งบนตักของเขาอย่างง่ายดายท่ามกลางพนักงานสาวสองคนที่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดด้วยความอิจฉาไออุ่น “จะยอมเลือกดีๆหรือจะเล่นฉากเมียดื้อผัวง้อโชว์พนักงานขายสักฉากสองฉากก่อนถึงจะยอมเลือก” คำพูดที่แสนเจ้าเล่ห์พร้อมกับรอยยิ้มของเขาที่บอกว่าเขาทำจริงแน่นอนถ้าเธอยังไม่ยอมเลือกเสื้อผ้าทำให้ไออุ่นที่กำลังดิ้นไปมาถึงกับหยุดชะงักไปก่อนที่เธอจะพยักหน้าตอบตกลงอย่างจำใจ “ก็แค่นี้ นึกว่าจะอยากจูบกันโชว์พนักงานเสียอีก” คำพูดของธามไททำเอามือบางถึงกับฟาดลงไปบนอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับยิ้มออกมาราวกับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนที่ไออุ่นจะลุกขึ้นจากตักอุ่นและเดินไปเลือกซื้อเสื้อผ้าโดยที่เธอเลือกตัวที่ราคาถูกที่สุดแต่มันกลับไม่เข้ากับวัยของเธอเลยสักนิด “นี่มันเสื้อรุ่นป้านะยัยหนูเธอกล้าใส่จริงดิ” ธามไทถามไออุ่นด้วยความขัดใจเมื่อเสื้อผ้าที่เธอเลือกมันคือเสื้อผ้าสำหรับคนมีอายุซึ่งราคาไม่ค่อยแพงเท่าเสื้อผ้าของวัยรุ่นที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยตามกระแสนิยม “กล้าสิคะน่ารักดีออก ราคาก็น่ารักมากด้วย” ไออุ่นบอกธามไทด้วยรอยยิ้มแต่เขากลับส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ที่เธอแต่งตัวตรงข้ามกับอายุร่างสูงลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากมือของพนักงานมาแขวนไว้ที่ราวตามเดิม ท่ามกลางความตกใจของไออุ่นที่รีบวิ่งเข้าไปจับมือของเขาเอาไว้เพื่อห้ามไม่ให้เขาเก็บเสื้อผ้าเข้าราวคืน “ไอเลือกแล้วนะคะคุณจะเอามาเก็บไว้คืนทำไม” “เธอเพิ่งอายุ 18 นะไม่ใช่ 38 ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแก่แดดขนาดนั้น อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่ามันจะแพงจนทำให้ฉันล้มละลายเพราะต่อให้เหมาทั้งร้านให้เธอฉันก็มีปัญญา” จบประโยคธามไทก็เดินเข้าไปเลือกซื้อผ้าให้ไออุ่นเองโดยที่เขาเลือกตามวัยและความเหมาะสมซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นชุดเดรสน่ารักและชุดเสื้อกับกระโปรงเข้าชุดตามสมัยนิยม โดยที่มีไออุ่นคอยเดินตามดูเขาเลือกชุดเงียบๆขืนเธอพูดหรือห้ามเขาอีกครั้งนี้เขาอาจจะเหมาทั้งร้านให้เธอตามที่พูดจริงๆก็ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD