บทที่7 นกสองหัวคือนาง
คราแรกที่ข้าเดินผ่านหน้าท่านป้าหยู่ ข้ามิทันสังเกตว่าใครเป็น พี่จิงจิงเรียกให้ข้าหยุดเดิน แล้วถามว่าวันนี้ไม่อุดหนุนขนมของท่านป้าหยู่แล้วหรือ ทำให้ข้าคิดถึงภาพที่นางเป็นห่วงเป็นใยน้องหลี่เฟยเฟย ที่หน้าบึงบัวหลวง
สุดท้ายข้าไปช่วยซื้อขนมของนางจนหมดตะกร้า คราแรกนางไม่รู้ว่าเป็นข้าด้วยซ้ำ จนเมื่อพี่จิงจิงพูดขึ้น นางถึงจ้องมองข้าและพี่จิงจิงพร้อมกับพูดปลอบขวัญข้าด้วย…พร้อมขอบคุณที่ข้าซื้อขนมทั้งหมดที่มีอยู่ในตะกร้า ตั้งใจว่าจะเอาไปให้บ่าวไพร่ที่จวน
“คุณหนู มิไปที่ท้ายตลาดแล้วหรือ” ปกติคุณหนูเหมาขนมป้าหยู่เสร็จจะนำขนมไปให้เด็กขอทานที่อยู่ท้ายตลาด แต่วันนี่คุณหนูเหมือนจะรีบ นางจึงพูดขึ้นมา
”ไปท้ายตลาดหรือ” จิงจิงพยักหน้า เอ็นดูคุณหนูที่ทำหน้าเด๋อด๋า…
“เด็ก ๆ คงรอคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ…รีบไปเถอะ พวกเราจะได้กลับไปหาคุณชายใหญ่” ข้าพยักหน้าตามพี่จิงจิงไปที่ท้ายตลาด ต้องตามเขเาไปในตรอก สองข้าวทางมีกำแพงสูง เดินไปประมาณ 1 เค่อ ก็ถึงที่นั่น
”มาแล้ว พี่สาวมาแล้ว ” ขุ่นพระ!!! นี่ลูกหลานผู้ใดกัน วิ่งกรูเข้ามาล้อมนางไว้ แต่ละคนผอมแห้ง ชุดขาดวิ่น ผมเผ้ามิได้สระมานานเท่าไรแล้ว จากนั้นพี่จิงจิงให้นางถือตะกร้าที่มีขนมแผ่นปิ้ง
“พวกเขารอรับขนมจากคุณหนูอยู่นะเจ้าคะ” นี่สิ่งที่เจ้าทำมาตลอดงั้นหรือเหลี่เฟยเฟย เจ้าช่างเป็นคนดีมีน้ำใจยิ่ง แต่มิมีผู้อื่นเห็นความดีที่เจ้าทำ มิเป็นไรพี่สาวภูมิใจในตัวเจ้านัก พี่สาวคิดออกแล้วเงินที่ได้จากค่าชุดทั้งหมดวันนี้ พี่สาวจะไปซื้อชุดให้เด็ก ๆ พวกนี้ใส่ เจ้าคงมิว่ากระไรมัง แล้วมีสดใสดังขึ้น
“สวัสดีเด็ก ๆ ทุกคน วันนี้พี่นำผ้าที่ไม่ใส่แล้วมาขาย…แล้วจะนำเงินที่ได้ไปซื้อชุดให้พวกเราทุกคนดีหรือไม่”
“คุณหนู!!!” จิงจิงอุทาน เพราะเด็ก ๆที่มีอยู่ยังมามิหมด…แล้วชุดที่ขายวันนี้ได้เงินมาคงมิพอกับจำนวนเด็กที่อยู่ที่นี่
“เย้ๆๆๆๆ…พวกเราจะมีชุดใหม่ใส่แล้ว เย้ๆๆๆๆขอบคุณคุณหนูขอรับ คุณหนูคือนางฟ้าของพวกเรา” เด็ก ๆ ทุกคนต่างดีใจ บางคนกอดกันด้วยความดีใจ แต่ทำไมน้ำตานางไหลนะ…มันเป็นความรู้สึกที่หดหู่บวกกับความสงสารที่พวกเขาเหล่านี้ยังช่วยเหลือตัวมิได้ แต่ถูกทอดทิ้งขว้างกลายเป็นคนขอทาน
“เอาแหละ พี่จะเอาขนมให้ ขอให้ทุกคนเข้าแถวให้เป็นระเบียบ” จิงจิงยืนมองคุณหนู นางเองก็พยายามกลั้นใจน้ำตาไว้ ขอทานมีทุกที แต่ละคนที่ถูกมาทิ้งไว้ประทังชีวิตด้วยเศษเงินของผู้ที่มาตลาดหรือเศษอาหารที่ถูกทิ้ง
หลังจากที่นางแจกขนมให้ทุกคน ซึ่งมีประมาณ 20 คนได้ ทุกคนได้กินกันครบ เพราะนางหักครึ่ง มิเช่นนั้นจะมิได้กินทุกคน แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะนำชุดกับอาหารมาเลี้ยง ให้ช่วยบอกเพื่อน ๆ ที่มิได้มาด้วย จากนั้นนางกลับมาหาพี่ชายและองครักษ์
“พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษที่ให้รอนะเจ้าคะ” หลี่ฟานยิ้มให้น้องสาว ความจริงก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าพวกนางหายไปนาน จึงให้องครักษ์สองคนตามน้องสาวไปโดยที่มิให้พวกนางมิรู้ตัว จากนั้นทั้งคู่เพิ่มกลับมารายงานเขาเมื่อสักครู่ ที่แท้นางซื้อขนมไปแจกให้เด็กกำพร้าที่ท้ายตลาด
นี่อย่างไรเล่า ที่เขาเคยบอกว่าเหลียงเหว่ยมิคู่ควรกับน้องสาวเขาสักนิด…สิ่งที่น้องสาวทำมาตลอด แม้จะเป็นการช่วยเหลือที่มิได้มากมายอันใดก็ตาม สำหรับเขา ขอเพียงน้องสาวมีความสุข เขาก็พร้อมสนับสนุน
“คุณหนู นี่มิใช่ร้านที่คุณหนูเคยเข้ามานี่เจ้าค่ะ” หลังจากที่ดื่มชาในร้านพี่ชายนั่งรอเสร็จ นางบอกสิ่งที่นางอยากทำ นั่นคือนำเงินที่ขายชุดวันนี้ ซื้อชุดใหม่ให้เด็ก ๆ ของนาง หลี่ฟานได้ยินถึงกับหลุดขำ
“เด็ก ๆ ของเจ้าอย่างนั้นหรือเฟยเอ๋อร์…ก็ได้ ๆ เงินมิพอ พี่จะช่วยออกให้เด็ก ๆ ของเจ้าด้วยดีหรือไม่” ยามที่พี่ใหญ่หลุดขำ นางมองค้อนพี่ใหญ่ ไม่นานพี่ใหญ่หยุดขำ แล้วจะช่วยออกให้อีกนางด้วย
”ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ใหญ่…แล้วน้องจะไปทำงานที่ร้านใช้หนี้ให้พี่ใหญ่ เอาตามนี้นะเจ้าคะ”
“เฟยเอ๋อร์ พี่มิได้คิดเช่นนั้นน้องอยู่จวน หน้าที่ก็หนักหนาแล้ว งานที่ร้านพี่จะรับผิดชอบเอง เจ้ามิต้องห่วงเรื่องเงินทอง”
”ข้าพูดแล้วมิคืนคำหรอกเจ้าค่ะ น้องคิดว่าทำสองอย่างพร้อมกันได้ น้องอยากไปช่วยพี่ใหญ่ทำงานจริง ๆ นะเจ้าคะ” หลี่ฟานเห็นแววตาที่จริงจัง เขายอมรับปากให้นางไปทำงาน แต่ต้องพักฟื้นให้ครบ ตามที่ท่านหมอบอกไว้
ยามนี้พวกเขามายืนหน้าร้านไผ่หลิว สำหรับนางชุดที่หลีเฟยเฟยใช้สีแหวนแหววเกินไป เนื้อผ้าแบบลื่น ๆ นางมิค่อยชอบเนื้อผ้าแบบนั้นเท่าไร ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนร้านตัดชุดด้วย ที่สำคัญร้านนี้มีชุดสำเร็จรูปขายเยอะมาก
“ข้าอยากเปลี่ยนร้านตัดชุด” ร้านนี้ผู้คนมิค่อยเข้ามา คงตัดชุดใหม่ให้นางเสร็จเร็วทันใจ จากนั้นข้าบอกพี่ใหญ่ว่าอาจอยู่ที่นี่นาน ให้พี่ใหญ่กลับไปที่ร้าน อย่างไรเสีย องครักษ์ 2 คนก็อยู่กับนาง อีกอย่างนางต้องใช้เวลาเลือกชุดให้เด็ก ๆ แต่ละคนตัวสูง ผอมแห้งมิเท่ากัน
“เอาเช่นนั้นก็ได้ แล้วนี้ตั๋วเงิน ถ้ามิพอให้องครักษ์คนใดคนหนึ่งไปเอากับพี่ที่ร้าน”
“ขอบคุณพี่ใหญ่ น้องมิเกรงใจแล้วนะเจ้าคะ แล้วค่อยหักค่าแรงน้อง”
“ได้…พวกเจ้าสองคนดูแลน้องข้าดี ๆ เข้าใจไหม”
“ขอรับ คุณชายมิต้องห่วง” หลังจากที่พี่ใหญ่กลับไปแล้ว นางกับพี่จิงจิงเข้าร้าน ปล่อยให้องครักษ์มู่ชงกับองครักษ์จางรออยู่ข้างนอก
“เอ้า…คุณหนูหลี่เฟยเฟย เชิญขอรับ” หลงจู๊ซานตกใจมิน้อย ที่เขาทราบว่าเป็นคุณหนูหลี่เฟยเฟย เพราะคุณชายหลี่ฟานมาด้วยนั้นเอง เมื่อคุณชายไปแล้ว หลงจู๊ซานรีบออกมาทักทายคุณหนูหลี่เฟยเฟย
“ข้าขอเดินดูผ้าในร้านก่อน ท่านหลงจู๊คงมิว่ากระไร”
“เชิญตามสบายขอรับ คุณหนูสงสัยอันใด ถามข้าได้”
“ที่ร้านนี้มีช่างตัดเสื้อไหมเจ้าคะ”
“มีขอรับ…” ผู้ใดกันเล่าขวัญว่าคุณหนูหลี่เฟยเฟยไร้มารยาท เอาแต่ใจ หญิงสาวตรงหน้าสุภาพเรียบร้อยเหมือนคุณหนูผู้ดีมากกว่า
สองนายบ่าวใช้เวลาอยู่ในร้านผ้า 1 ชั่วยามครึ่ง (หรือ 3 ชั่วโมง )แล้วพากันกลับบ้าน ที่ใช้เวลานาน เพราะต้องวัดตัวด้วยแล้วเลือกชุดให้เด็ก ๆ พรุ่งนี้เช้าทางร้านจะไปส่งให้ที่จวนแต่เช้า
”คุณหนู…มีแขกมาหาขอรับ” เมื่อนางกลับมาถึงจวน พ่อบ้านโจวรีบเดินมาบอกนางทันที
“ผู้ใดหรือท่านพ่อบ้าน แล้วแขกรอนานหรือยัง”
“ฮูหยินเหลียงซิง มารดาของคุณชายเหลียวเหว่ย นางมาถึง 1 เค่อแล้วขอรับ”
“ขอบคุณ ท่านพ่อบ้านนำขนมกับน้ำชาไปให้ท่านป้าหรือยังเล่า”
“เรียบร้อยแล้วขอรับ” ข้าถอดหน้ากากหรือผ้าลูกไม้ออกให้พี่จิงจิงไปเก็บแล้วให้องครักษ์ไปพัก ระหว่างที่ข้าเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ของจวน ในความทรงจำ ข้ามิเคยเห็นท่านป้า มิรู้ว่าที่ผ่านมานางดีกับน้องหลี่เฟยเฟยหรือเปล่านะ
“คารวะท่านป้า” สตรีที่อยู่ตรงหน้าข้าเหตุใดใบหน้านางเหมือนพี่เป๋อเล่า ต่างกันชุดที่ใส่กับทรงผมเท่านั้น ใบหน้านวลเนียน ดูหมอนคล้ำ เหมือนคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา แววตานางเอ็นดูร่างนี้มิน้อย รอยยิ้มที่ข้าสัมผัสได้ เป็นรอยยิ้มที่ไปมิถึงดวงตา
“เฟยเอ๋อร์ ป้ามิเจอหลานมา 3-4 วัน เหตุใดเจ้างดงามขึ้นเล่าหลานรัก”
“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ…ท่านป้าสบายดีไหมเจ้าคะ” แสดงว่าน้องหลี่เฟยเฟยเป็นคนโปรดของท่านป้าซินะ
“ป้าสบายดีเฟยเอ๋อร์…ป้าดีใจที่เจ้ามิเป็นอันใด…ป้าขอโทษแทนอาเหว่ยด้วย ที่มิได้ดูแลเจ้าในวันที่เกิดเหตุ” สายตาท่านป้าดูเสียใจกับการกระทำที่บุตรชายปฏิบัติกับเฟย์เอ๋อร์คนก่อน
“ท่านป้าเจ้าขา เรื่องมันผ่านไปแล้ว ท่านป้าอย่าได้เก็บมาคิดให้มิสบายใจนะเจ้าคะ…”
“ขอบใจหลานรัก เจ้าโตขึ้นมาก” ปกติคนตรงหน้า ถ้าเกิดเรื่องขนาดนี้ พอเจอนางจะรีบฟ้องทันที แต่กลับมาให้กำลังใจนาง…นางมองแววตาคู่เดิมที่เคยเห็น ยามนี่สายตาคู่นี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว…
“หลานพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาถ้าหลานทำสิ่งใดให้ท่านป้าหนักใจ หลานขอโทษด้วยนะเจ้าคะ” เพราะสีหน้าท่านป้าทั้งแปลกใจและไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แววตามีคำถาม ข้าเลยบอกนางไป
“เจ้าเป็นเจ้าดีที่สุดเฟยเอ๋อร์…ป้ารู้ว่าเจ้าจิตใจดี ผู้อื่นจะว่าอย่างไรก็ช่าง ในเมื่อเรามิได้เป็นเช่นขี้ปากพวกนั้นพูดอย่าได้มาเก็บไว้…ก่อนอื่นป้าขอโทษเจ้าด้วย”
“ท่านป้า ข้าบอกท่านป้าแล้วเรื่องนั้นท่านป้ามิจำเป็นต้องมาขอโทษข้านะเจ้าคะ” เพราะคนที่ท่านพูดด้วยมิใช่หลี่เฟยเฟย ระหว่างนั้น ข้าเห็นชายชุดของสตรีที่ขอบประตู เหมือนมีคนเพิ่งเข้ามา ข้ารู้ทันทีว่าต้องมีคนมาแอบฟังที่ข้ากับท่านป้าคุยกัน
“ท่านป้าไม่สบายใจอันใดบอกข้ามาเถอะเจ้าค่ะ ข้ารับได้ จะไม่โวยวายด้วย จะเป็นผู้ฟังที่ดี” ระหว่างนั้นข้าส่งกระแสจิตให้ฮวาฮวาน้อยให้ออกไปดูคนที่มาแอบฟังข้ากับท่านป้า
“ที่ป้าขอโทษเจ้ามิใช่เรื่องนั้น แต่…เป็นเรื่องการหมั้นหมาย…ป้าขอโทษที่ต้องมาบอกเจ้า…ว่าการหมั้นหมายจะมิเกิดขึ้น…เจ้าต้องฟังป้าก่อนนะเฟยเอ๋อร์” ท่านป้าขยับมานั่งใกล้ๆกุมมือนางไว้
“เจ้าค่ะ…ข้ากำลังฟังท่านป้าอยู่” สีหน้าแววตาท่านป้าหนักใจมิน้อยที่ต้องมาพูดเช่นนี้กันสตรีที่นางรักและเอ็นดู
“ป้ากับมารดาเจ้า พวกเราเป็นสหายที่รักกันมาก วันที่คลอดเจ้า ป้าไปเยี่ยมเจ้าพร้อมบอกมารดาเจ้าว่าจะขอเจ้าให้บุตรชายคนเดียวของป้า…ป้ารักเจ้าเหมือนลูกคนหนึ่ง อันนี้เป็นความจริง…ป้ามิอยากเห็นเจ้ามิมีความสุข เพราะอาเหว่ยบอกป้าว่ามิมีทางคิดกับเจ้าเกินกว่าน้อง” พูดแล้วก็เสียดายหญิงสาวตรงหน้า ที่นางอยากได้มาเป็นสะใภ้ แต่ดูเหมือนบุตรชายจะเกลียดเฟยเอ๋อร์ไปแล้ว
“ป้าเป็นคนต้นคิดเรื่องทั้งหมด แล้วป้าควรมาบอกเจ้าด้วยตัวป้าเอง…ถ้าพวกเจ้าฝืนแต่งงานกันไป ทั้งเจ้าและอาเหว่ยจะมิมีความสุข…ป้ารักพวกเจ้าสองคนมาก…ป้ามิอยากเห็นเจ้าเสียใจ เจ้าเข้าใจป้าใช่ไหมเฟยเอ๋อร์ ใบหน้างดงามของเจ้าคู่ควรกับความสุขและรอยยิ้มมากกว่า”
“ท่านป้า ข้าเข้าใจเจตนาของท่านป้าแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะรักตัวเองให้มากขึ้น ข้าจะรักคนที่รักข้าเท่านั้น ข้าจะไม่พยายามในสิ่งที่เป็นไปมิได้…ขอบคุณท่านป้าที่มาบอกข้า งั้นเป็นอันว่าคู่หมายข้ามิมีแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” นางเหลียงซิงพยักช้า ๆ นี่เฟยเอ๋อร์คนเดิมใช่ไหม ก่อนหน้านั้น นางเตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วย คิดว่าหญิงสาวต้องร้องไห้มาขอให้การหมั้นหมายเกิดขึ้นให้ได้ ต่างกับที่นางคิดไว้
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นมากจริง ๆ เยว์เอ๋อร์ เจ้ามองลงมาอยู่ใช่ไหม ดูสิ หลานสาวข้าโตมาเป็นสตรีที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว นางมีเสน่ห์เหมือนยามที่เจ้าอายุ 14 ปีเลย” ท่านป้าพูดกับข้าเสร็จ หันไปทางหน้าต่างคุยกับสายลม เหมือนว่ามารดาของหลี่เฟยเฟยมองมาทางพวกเราสองคนอยู่
“โอ้ยยยยย…” อยู่ ๆ ที่ประตูเกิดเสียงดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงของฮวาฮวาน้อยคุยกับนาง
“นายหญิง มีคนแอบฟังนายหญิงอยู่ 1 คน ยามนี้ข้าทำให้นางเป็นตะคริวอยู่หน้าห้องเจ้าค่ะ”
“ดีมากฮวาฮวาเด็กดี เจ้ากลับมาเถอะ”
“ท่านป้าเหมือนจะมีคนแอบฟังพวกเราคุยกัน รอสักครู่นะเจ้าคะ” นางเหลียงซิงมิอยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวออกไปถึงนอกจวน เพราะคนที่เสียหายคือเฟยเอ๋อร์ สายตาที่มองตามหลานสาวออกไปดูคนที่แอบฟัง ภาวนาขอให้จับได้
“อ้าว…สุ่ยปิงหรือ เจ้ามีธุระอันใดหรือ”
“คุณหนู…คือท่านป้าฮวาบอกว่าจะเอาขนมเพิ่งไหมเจ้าคะ”
“ข้านึกได้แล้ว เย็นนี้ข้าอยากกินหมูจุ่ม เจ้าออกไปซื้อเนื้อหมูให้หน่อย เอาเยอะ ๆ นี่เจ้าเอาเงินไปด้วย” ข้ารู้ว่าเจ้าคันปากยิ่ง งั้นข้าจะส่งเสริมให้เจ้าสมความปรารถนา แล้วทำตามความปรารถนาของข้าด้วย
“คุณหนู หมูจุ่มมันเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ”
“เจ้าแค่ซื้อเนื้อมา เย็นนี้เจ้าจะได้รู้เอง” สายตาเลิกลั่กของนาง คงดีใจที่อยากเล่าเรื่องที่ได้ยินมานานแล้ว เจ้าไปเล่าเถอะ กลับมาข้าจะเลี้ยงหมูจุ่มฉลองที่ข้ามิต้องมีความเกี่ยวข้องกับตาเหว่ยนั่นแล้ว
“มาแล้วเจ้าค่ะท่านป้า” ก่อนที่ท่านป้าจะกลับ นางขอกอดข้า พร้อมกับพูดว่า “ป้าดีใจที่ได้พูดกับเจ้าและได้เห็นเจ้าเข้มแข็งกว่าเมื่อวาน เฟยเอ๋อร์ เจ้ามีเรื่องอันใดมาหาป้าได้ทุกเมื่อเข้าใจไหม”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า…ขอบคุณท่านป้าที่มาบอกข้าตรง ๆ” ข้าส่งท่านป้าแล้วก็กลับมาที่ห้อง เจอพี่จิงจิงอยู่หน้าจวน สีหน้านางเป็นห่วงข้ามิน้อย
“คุณหนู ฮูหยินเหลียงมาพบคุณหนูเรื่องหมั้นหมายหรือเจ้าคะ” ข้าพยักหน้ายิ้มให้นาง
“ท่านจะให้การหมั้นหมายเกิดขึ้นก่อนที่ขึ้นหนูจะปักปิ่นอย่างงั้นหรือเจ้าคะ ไหนคุณหนูบอกพี่ว่าตัดใจจากคุณชายเหว่ยได้แล้ว“ สีหน้าคุณหนูดีใจเช่นนี้ ฮูหยินเหลียงต้องมีข่าวดีมาบอกคุณหนูแน่นอน
“เพ้ย…พี่จิงจิงคิดไปถึงไหนกัน ท่านป้ามายกเลิกการหมั้นหมายต่างหาก”
“ฮะ…คุณหนูพูดอีกทีเจ้าค่ะ” ฮูหยินเหลียงรักคุณหนูยิ่ง นางจะทำเช่นนั้นเพื่ออันใดเล่า ยามนี้พี่จิงจิงเลิกคิ้วสูงขึ้น ความสงสัยมีอยู่เต็มใบหน้าเกลี้ยงเกลา
“ข้ามิได้พูดปด…ท่านป้าพูดเช่นนั้นจริง ๆเจ้าค่ะ แล้วยามนี้ข่าวที่ทางคุณชายเหลียงเหว่ยวมาขอยกเลิกการหมั้นหมายคงกระฉ่อนไปทั่วตลาดแล้ว”
“ฮะ…คุณหนู…หมายความว่าอย่างไรเจ้าค่ะ เรื่องนี้ผู้ที่เสียหายคือคุณหนูนะเจ้าคะ”
“ข้ามิได้สนใจหรอกพี่จิงจิง ไปเตรียมเครื่องของหมูจุ่มกันเถอะวันนี้ข้าจะฉลองที่มิได้เกี่ยวข้องกับผู้นั้นอีกแล้ว” ก่อนที่จะไปห้องครัว นางกลับไปเปลี่ยนชุดแล้ว จิงจิงยืนงงไปหมดแล้ว แทนที่คุณหนูจะเสียใจ แต่จะฉลองที่มิได้หมั้นหมาย แล้วหมูจุ่มคืออันใด เดี๋ยวก่อนนะ นางมีเรื่องจะบอกคุณหนู
“คุณหนู พี่ไปถามท่านพ่อบ้านแล้วนะเจ้าคะ…บ่าวที่มาถามเรื่องของคุณหนู มีแค่สุ่ยปิง แต่พี่สงสัยสุ่ยปิงทำแบบนั้นเพื่ออะไรเจ้าคะ”
“อืม…ข้าทราบก่อนพี่อีก ยามนี่แม่นางสุ่ยปิงคงกำลังสนุกกับการเล่าเรื่องของข้าอยู่”
“ฮะ…นี่คุณหนู…”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ…นางคือนกสองหัว แต่ปล่อยให้นางเล่นสนุกไปก่อน…ข้าอยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแม่นางสุ่ยคือคนที่ข้าคิดไว้ไหม…” จิงจิงมองคุณหนู ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พอทราบว่าแม่นางสุ่ยเป็นนกสองหัว คุณหนูจะนำตัวมาเค้นคอแม่นางสุ่ยแล้ว แต่จิงจิงยอมรับว่าชอบที่คุณหนูเป็นแบบนี้ อยู่นิ่ง ๆ ปล่อยไก่ไปก่อน ค่อยเชือกทีหลัง…อิ อิ อิ
“มาแล้วหรือคุณชายหลี่ฟาน น้องเจ้าถูกใจองครักษ์ที่ข้าส่งไปให้ไหมเล่า”
“ขอบคุณท่านติงเล่อ น้องสาวข้ามิพูดอันใด แสดงว่าถูกใจนางกระมังขอรับ”
“นี่สัญญาซื้อขาย เมื่อเจ้าจ่ายเงิน ใบสัญญาการซื้อขายเสร็จสิ้น ถึงว่าสองคนนั้นเป็นคนของน้องสาวเจ้าทันที”
“ท่านติงเล่อ ราคานี้มิใช่กระมังขอรับ” ปกติการซื้อทาสที่เป็นบุรุษอายุในช่วง 15-25 ราคาจะสูงมาก ยิ่งเป็นชายหนุ่มที่มีวรยุทธมิต้องพูดถึง ราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่นี่องครักษ์น้องสาวเขาสองคนราคาเท่าทาสชายทั่วไปนี่นา
“สองคนนี้เพิ่งจะผ่านการทดลองงานจริง ๆ ราคานี้ถึงว่าสูงไปด้วยซ้ำ…อีกอย่างราคานี้เป็นราคามิตรภาพที่พวกเราได้รู้จกันมา 4 ปีแล้ว”
“ขอบคุณท่านติงเล่อ นี่ตั๋วเงิน…แล้วถ้าทางสำนักชางยงขาดเหลือสิ่งใด ท่านติงเล่อแวะมาเอาที่ร้านได้ทุกเมื่อนะขอรับ”
“ขอบคุณ ๆ คนกันเองทั้งนั้น” หลี่ฟานคุยกับท่านติงเล่อมินานก็ขอตัวกลับ เขายังข้องใจ ว่าองครักษ์สองคนนั้นจะปกป้องน้องสาวเขาได้ไหม แล้วคิดว่าจะให้โอกาสลองงาน 3 เดือน ถ้ามิถูกใจน้องสาว จะเปลี่ยนใหม่ แล้วให้สองคนนั้นมาทำงานที่ร้านแทน
ระหว่างนั้นเขาคิดถึงมิตรภาพต่างวัยกับท่านติงเล่อ ที่เขารู้จักท่านติงเล่อ เพราะทางสำนักชางยงเริ่มตั้งแต่ก่อร่างสร้างสำนักงาน ท่านติงเล่อจะมาซื้อของที่ร้านทุกอย่าง อันใดของในร้านมิมี ท่านวางเงินไว้ แล้วให้เขาไปหาซื้อมาให้ หลี่ฟานมีโอกาสได้เข้าไปส่งของในนี้บ่อย ๆ แล้วไปเก็บเงินจากท่านติงเล่อ นานวันกลายเป็นคนคุ้นเคย เขาถึงรู้ว่าท่านติงเล่อทำงานให้นายใหญ่อีกที…
“ทั้งสองคนกลายเป็นคนของคุณหนูเฟยเฟยเรียบร้อยแล้วขอรับนายท่าน” ติงเล่อหันหลังไปบอกบุรุษใส่หน้ากากเงิน ที่นั่งหลังม่านฟังทั้งคู่สนทนากัน………