ตอนที่ 6องครักษ์

2889 Words
บทที่6องครักษ์ เมื่อคืนหลังจากที่นางเดินลมปราณนั้น มีฮวาฮวาน้อยค่อยชี้แนะทำให้การเดินลมปราณประสบความสำเร็จเกินที่ตั้งไว้ การเปิดเส้นลมปราณค่อยเป็นค่อยไป ในที่สุดเสียงที่ดังเปรี้ยงปร้างติดต่อกันมานั้น เป็นอันว่านางอยู่ในขึ้นที่ 5 เรียกว่าหยวนอิน ซึ่งทั้งหมดของลมปราณฮวาฮวาบอกว่ามี 7 ขั้น แล้วนางได้รู้ว่าถ้าฝึกได้ถึงระดับ 5 นางจะมีอาวุธให้เลือก 2 อย่าง นั่นคือแส้กับพิณ ทั้งสองชนิดเมื่อนางต้องเลือกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นนางจะใส่ลมปราณแข็งแรงที่มีอยู่ในตัวเข้าไป มันจะกลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ยิ่งลมปราณแข็งแรง มันจะยิ่งจะทำให้อาวุธนั้นมีอนุภาพแข็งแกร่ง ฟังดูแล้วเหลือเชื่อ แต่นางก็เลือกที่ชื่อฮวาฮวาน้อย เพราะดอกบัวดอกบัวเดียว มันกลายร่างเป็นเด็กน้อยจ้ำม่ำ แค่นี้ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์แล้ว นางเลือกพิณมาเป็นอาวุธข้างกาย เพราะดูกะทัดรัดดี แล้วนางได้รู้ว่าตรงกลางของดอกบัวนั้น นางเอาของเข้าไปเก็บได้ทุกอย่าง หลังจากนั้นนางแค่สะบัดมือ ชุดที่ชุ่มเหงื่อกลับแห้งและเบาสบายตัว คืนนั้นนางหลับสนิททั้งคืน ตื่นเช้านางรู้สึกกระปรี้กระเปร่า หลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้ว ก่อนที่จะออกจากบ้าน นางคุยกับพี่จิงจิงว่าวันนี้มาจับนกสองหัวกัน เมื่อทำตามแผนแล้ว ก็เตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันที่นางจะออกจากบ้านพี่ชายพาบุรุษสองคนเข้ามาที่หน้าเรือน… คุณชายหลี่ฟานรู้จักท่านติงเล่อมา 4 ปีแล้ว ท่านติงเล่อเป็นคนดูแลสำนักชางยง เขาให้อาจงไปแจ้งท่านติงเล่อเมื่อวาน ว่าอยากได้องครักษ์ที่มีความสามารถมาติดตามคุ้มครองน้องสาว ส่วนติงเล่อพอทราบเรื่องที่คุณชายหลี่ฟานใช้คนสนิทงานมาแจ้งให้ท่านส่งองครักษ์ไปให้ เพื่อนำไปให้คุณหนูหลี่เฟยเฟย ท่านรีบส่งองครักษ์ 2 คนไปให้คุยชายหลี่แต่เช้า เรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องสาวคุณชายหลี่ฟานนั้น ทุกคนทราบเรื่อง แล้วสองคนที่ท่านส่งไปนั้น พวกเขามีฝีมือการต่อสู้ที่หายากยิ่ง นั่นเท่ากับว่าค่าตัวยิ่งสูงด้วย… “เฟยเอ๋อร์ เจ้ามิรอพี่ก่อนหรือ…นี่มู่ชงกับจางเว่ย พวกเขาจะเป็นองครักษ์ให้น้องพี่…ต่อไปพวกเจ้าสองคนเป็นคนของคุณหนูเล็กหลี่เฟยเฟย…ต้องปกป้องดูแลนางด้วยชีวิตของพวกเจ้า” หลี่ฟานพาพวกเขาสองคนมาแนะนำตัวกับน้องสาวแล้วหันไปบอกองครักษ์หน้าใหม่ หน่วยก้านใช้ได้ ถูกใจเขามิน้อย แต่มิรู้ว่าจะถูกใจน้องสาวหรือเปล่า “พวกเรายินดีและเต็มใจที่จะดูแลรับใช้คุณหนูเล็กด้วยชีวิตขอรับ” หลี่ฟานพยักหน้าให้เป็นการขอบคุณแล้วหันไปรอคำตอบน้องสาว “พี่ใหญ่…ความจริงมิต้องรีบร้อนก็ได้เจ้าค่ะ…ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะ…พวกท่านมิได้ฝืนใจมาติดตามข้าใช่หรือไม่” นางขอบคุณพี่ใหญ่แล้วหันไปกล่าวกับองครักษ์หน้าตาดีสองคน…ภายในใจก็คิดว่าบุรุษที่นี่หน้าตาดีทุกคนเลยหรือ…ตั้งแต่เข้ามานางยังมิเห็นผู้ใดหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่สักคน… หลี่ฟานมายืนข้างน้องสาว วันนี้นางแต่งกายด้วยชุดที่แตกต่างจากทุกวัน ไม่ใช่สีหวานแหววแต่เป็นชุดที่ใส่สีขาว ผมยาวสลวย ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม แม้นางจะใช้ผ้าลูกไม้บาง ๆ ปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง ที่สตรีนิยมใช้ยามที่ออกจากบ้านกัน แต่ความงดงามกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น คนหวงน้องเริ่มมิสบายใจ เหตุนางมิแต่งหน้าหนา ๆเหมือนเมื่อก่อนนะ… “พวกเราเต็มใจมาติดตามรับใช้คุณหนูขอรับ” “อื้ม…ขอบคุณ แล้วพวกท่านอายุเท่าไรเจ้าคะ…ช่วยแนะนำตัวให้ข้าอีกครั้งเจ้าค่ะ” “ข้าชื่อมู่ชง อายุ 19 ปีขอรับ เป็นเด็กกำพร้าสมัครใจมาอยู่ที่สำนักชางยง จนกระทั่งท่านติงเล่อส่งพวกเรามารับใช้ข้างกายคุหนูขอรับ” “ข้าชื่อจางเว่ย อายุ 20 ปีขอรับ เป็นคนพเนจร อยู่ที่สำนักชางยงตั้งแต่เด็กขอรับ” “เช่นนั้นข้าจะเรียกพวกท่านว่าองครักษ์มู่ กับองครักษ์จาง พวกทั้งสองคนรู้จักคนสนิทข้า นี่พี่จิงจิงเจ้าค่ะ พี่จิงจิง…ต่อไปนี้องครักษ์มู่กับองครักษ์จาง พวกเขาเป็นคนของข้าด้วย รู้จักกันไว้” “สวัสดีท่านมู่ ท่านจาง” หลังจากที่พวกเขาทักทายกันแล้ว ข้าให้พวกเขาสองคนตามพี่จิงจิงไปขนผ้าขึ้นรถม้า ส่วนข้ายืนคุยกับพี่ใหญ่ ที่วันนี้แต่งตัวหล่อเหลาเหมือนพระเอกในซีรีส์ที่ข้าเคยดู “พี่ใหญ่ พวกเขาสองคนเป็นคนของน้องแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” “แน่นอน หลังจากที่พี่พาเจ้าไปตัดชุดแล้ว พี่จะไปเอาใบสัญญาที่ท่านติงเล่อ” “ท่านติงเล่อคือผู้ใดเจ้าคะ” “พวกเรารู้จักกัน เพราะท่านติงเล่อมักจะมาอุดหนุนร้านของพวกเราบ่อย ๆ พี่ได้เข้าไปส่งสินค้าในสำนักชางยง กลายเป็นคนรู้จักท่านโดยปริยาย” ”พี่ใหญ่สำนักชางยงมีหน้าที่อะไรเจ้าคะ” ”เป็นการฝึกวรยุทธให้เหล่าชายฉกรรจ์และเด็กผู้ชายที่อยากได้ความรู้ เมื่อฝึกสำเร็จพวกเขาจะมีค่าตัวสูงขึ้น ถ้าพวกเขามีฝีมือตามที่สำนักชางยงกำหนดไว้ จะมีคนมาซื้อตัวไป…กฎของทุกคนที่เข้ามาในนั้น ต้องขายตัวให้สำนักงานชางยงก่อน ถึงจะรับเข้ามาฝึกสอน” “เช่นนั้นค่าตัวพวกเขาสูงมากใช่ไหมเจ้าคะ” “แน่นอน…แต่เจ้าอย่าลืมว่าพี่ทำได้ทุกอย่าง เพื่อน้องสาวคนเดียวของพี่” “ข้าทราบแล้วว่าพี่ใหญ่รักข้า ขอบคุณอีกครั้งนะเจ้าคะ…จริงด้วยในเมื่อน้องมีพวกเขาสองคนแล้ว พี่ใหญ่ไปหาท่านติงเล่อเถอะเจ้าค่ะ” “หืมมม…ได้องครักษ์แล้วจะทิ้งพี่เลยหรือเฟยเอ๋อร์” “ข้ามิอยากให้พี่ใหญ่เสียงานการต่างหากเล่า” “พี่ให้อาจงไปร้านแต่เช้าแล้ว ไปกันเถอะ พวกเขามากันแล้ว” หลังจากที่เสื้อผ้าถูกขนขึ้นมาบนรถม้า นางกับพี่จิงจิงขึ้นรถม้าอีกเล่ม บ่าวชายที่จวนขับคับม้าไป พี่ใหญ่นำหน้า ตามด้วยองครักษ์สองคนที่ขขี่ม้าประกบรถม้าที่นางนั่งกับพี่จิงจิง เมื่อประตูจวนปิดตัวลง พ่อบ้านกำลังเตรียมตัวจะออกไปตลาด แม่นางสุ่ยปิงเดินรีบมาหาท่าน “ท่านพ่อบ้าน…วันนี้จะไปจ่ายตลาดใช่ไหมเจ้าคะ” “อืม…เจ้าอยู่จวนกันท่านป้าเจ้าเถอะ” “เอ่อ…พอดีท่านป้าให้ข้าออกไปกับท่านพ่อบ้านเจ้าค่ะ…” “วันนี้ข้าไปซื้อเนื้อย่างเดียว” “ท่านป้าบ่นบอกว่าอยากได้ผ้ามาตัดเย็บชุดให้ข้า แต่ท่านให้ข้าไปเลือกผ้าเองเจ้าค่ะ” นางต้องออกไปให้ได้ “เห้ออ……เจ้านี่นา ไปก็ไป” พ่อบ้านโจวเอ็นดูแม่นางสุ่ยปิงเหมือนลูกเหมือนหลาน เพราะนางเป็นคนกระฉับกระเฉง ยามที่ท่านพานางมาตลาดด้วย นางหายไปไม่นานก็ได้ของที่ต้องการแล้ว ยามอยู่ในจวน นางเดินไปทั่ว เหมือนท่านทำอะไร นางมักจะโผล่มาขอช่วยงาน ชวนคุยเรื่องคนนั้นทีคนนี้ที เพราะแบบนี้กระมังท่านมักจะพานางออกมาข้างนอกเกือบทุกครา “ท่านพ่อบ้าน เมื่อเช้าคุณหนูเล็กขนของไปที่ใดเจ้าค่ะ” พ่อบ้านนึกถึงคำพูดของแม่นางจิงจิง ว่าถ้ามีคนมาถาม ให้บอกว่าคุณหนูนำชุดทั้งเก่าและใหม่ไปขายที่ตลาด แล้วเช้านี้แม่นางสุ่ยปิงมาถามท่านพอดี เหมือนแม่นางจิงจิงจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีคนมาถามท่าน “เห็นแม่นางจิงจิงบอกว่าคุณหนูนำชุดทั้งเก่าและใหม่ไปขายที่ตลาด” “จริงหรือเจ้าคะ…แล้วจิงจิงได้บอกไหมเจ้าคะ ว่าทำไมถึงต้องเอาชุดไปขาย” “ไม่…คุณหนูคงเบื่อแล้วกระมัง อีกอย่างคุณหนูเล็กจะทำอย่างไรก็ได้ เพราะคุณชายใหญ่มีเงินทองให้นางใช้ตลอดชีวิต” “หึ…เอาแต่ใจที่หนึ่ง…ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมิมีใครเกิน” นางพึมพำเบา ๆ “เมื่อกี้เจ้าว่าอันใดนะแม่นางสุ่ยปิง” พ่อบ้านโจวนั่งเกวียนชมวิวข้างทาง แต่ท่านฟังไม่ทัน ว่าแม่นางสุ่ยปิงพูดกว่ากระไร จึงหันไปถามนาง “ข้าหมายถึงคุณหนูเล็กช่างมีบุญวาสนาสูงส่งยิ่งเจ้าค่ะ” ที่ตลาดก่อนจะเข้าไปในตลาด มีแผงตั้งอยู่ ปกติแผงอื่นมีผักผลไม้ แต่แผงลอยใหม่นี้เพิ่งมาเห็นวันนี้ มีสตรีสองคน ยืนเรียกลูกค้า ส่วนคุณชายหลี่ฟานกับองครักษ์มู่ชงและองครักษ์จางเว่ยอยู่ในร้านน้ำชา ซึ่งอยู่ข้างหลังสองนายบ่าว ที่ยามนี้กำลังสนุกสนาน เหมือนหลี่ฟานได้มาดูเด็ก ๆ ขายของเล่น “สวัสดีท่านป้า ท่านน้า นี่ชุดสวย ๆ ผ้าเนื้อดี นำมาขายแบบลดราคาที่ทุกท่านจับต้องได้ เร่เข้ามาเจ้าค่ะ ท่านใดมีภรรยา ซื้อไปฝากภรรยา ท่านใดมีลูก ก็ซื้อไปให้ลูก มีหลานซื้อให้หลาน ไม่ซื้อไม่ว่า แวะมาดูก่อนได้นะเจ้าคะ” มิมีผู้ใดทราบว่าสตรีที่ยืนตะโกนเรียกลูกค้าคือคุณหนูหลี่เฟยเฟยหรือนางร้ายหลี่เฟยเฟยที่ผู้คนในตลาดเล่าขวัญกันอย่างสนุกปาก ปกติทุกคนจะเห็นคุณหนูหลี่เฟยเฟยแต่งหน้าขาวจั๊วะ ทาปากแดงแป๊ด เดินอยู่ตรงที่มีชุดสวย ๆ เครื่องประดับสวย ๆ มากกว่าที่จะมายืนทางเข้าตลาด จิงจิงเองวันนี้ถูกคุณหนูให้ใส่หน้ากาก ความจริงเป็นผ้าสามเหลี่ยมที่เอาไว้ปิดโฉมหน้ายามออกไปข้างนอก ซึ่งจะเหลือไว้แค่ดวงตาและหน้าผาก แต่คุณหนูเรียกผ้าแบบนี้ว่าหน้ากาก “พี่จิงจิงต้องใส่กากด้วย มันช่วยกันแดดที่สำคัญกันฝุ่นด้วย ถึงแม้จะกันได้มิเท่าแมส” “แมสคือสิ่งใดเจ้าคะคุณหนู” “อ้อ…คือคล้าย ๆ ผ้าสามเหลี่ยมที่ข้ากำลังจะใส่ แต่กันค่าฝุ่น PM2.5 ได้ดีกว่า” “คุณหนู พี่มิเข้าใจเจ้าค่ะ” เช้านี้คุณหนูพูดแปลก ๆ จนนางยืนพิจารณาคุณหนู ว่าสตรีที่งดงามไร้ที่ติ ใช่คุณหนูนางหรือเปล่านะ “ข้าขอโทษที่ทำให้พี่จิงจิงงง…พอดีเมื่อคืนนี้ข้าฝันประหลาด ไปเจอผู้คนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาใช้คำพูดคำจากแปลกยิ่ง แล้วข้าคุยกับพวกเขารู้เรื่องด้วย …คำพูดที่พี่ได้ยินมาจากความฝันเมื่อคืนนี้ มิมีอันใดเจ้าค่ะ” “มิต้องขอโทษพี่หรอกเจ้าค่ะ แต่คุณหนูอยากไปพูดที่ไหนนะเจ้าคะ ข้ามิอยากให้ผู้ใดว่าคุณหนูพี่” นางพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับบอกตัวเองจะพยายามไม่หลุดคำพูดเหล่านั้นออกมาอีก ยามนี้สองนายบ่าวแทบมิมีเวลาหายใจ เพราะชุดที่นำมาขายแบบลดราคาขายดิบขายดี มีท่านป้า ท่านน้าต่างแวะมาดูและแย่งกันซื้อ สุดท้ายนางให้ทุกคนเข้าแถว แล้วซื้อได้คนละ 2 ชุดเท่านั้น มิเช่นนั้นคนที่ต่อแถวท้าย ๆ จะไม่ได้ หลังจากที่ขายผ้าหมดแล้ว สองสาวขอเดินตลาดเช็ดข่าวคาวของตัวเองก่อน คนนอกย่อมมิรู้ว่าเป็นนาง แต่ข่าวออกมาว่าคุณหนูหลี่เฟยเฟยนำชุดออกมาขาย นางต้องกลับไปถามท่านพ่อบ้าน ว่าได้บอกใครไว้หรือเปล่า เพราะข่าวหลุดไวกว่าที่คิดไว้ ทางด้านสุ่ยปิง หลังจากที่นางมาถึง ก็ขอตัวไปที่ร้านผ้า แต่มิได้ซื้อผ้าอย่างที่นางอ้างไว้ ความจริงนางไปหาคนที่นัดนางออกมา “คุณหนูมี่…ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” ลี่มี่ออกมาจากจวน นางแต่งกายด้วยชุดบุรุษ ใส่หมวกจึงมิผู้ใดรู้จักนาง “เจ้ามาช้านักเล่าสุ่ยปิง” “ก็คุณหนูหลี่เฟยเฟยนั่นสิเจ้าค่ะ กว่าจะออกมาจากจวนได้” “ช่างเถอะ…นางฟื้นแล้วหรือ วันนี้เจ้ามีข่าวอันใดอีก” “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ…ข้ามีข่าวใหม่…แต่คุณหนูเอาค่าขนมให้ข้าก่อนสิเจ้าค่ะ” “เอาไป…ปิ่นนี้เจ้าเอาไปขายเอง” ลี่มี่หยิบเอาสมบัติของมารดามาจ้างสุ่ยปิง เพื่อทำลายชื่อเสียงหลี่เฟยเฟย แล้วนางก็ทำสำเร็จด้วย 2 ปีมานี้ หลี่เฟยเฟยมีแต่เรื่องฉาวโฉ่ ยิ่งเห็นผู้คนเล่าขวัญในทางเสีย ๆ หาย ๆ ลี่มี่ยิ่งมีความสุข “วันนี้คุณหนูหลี่เฟยเฟยนำชุดใหม่และชุดเก่าออกมาแร่ขายเจ้าค่ะ…แล้วนางจะไปตัดชุดใหม่ใส่ คงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคุณชายเหว่ยกระมังเจ้าค่ะ…” “เช่นนั้นหรือ… เจ้าไปทำหน้าที่อย่างทุกครั้งเถอะ แล้วอีกสามวันมาเจอกันที่เดิม” “คุณหนูแล้วข้าได้แค่ปิ่นหรือเจ้าคะ” “ใช่ ข้าขอดูผลงานเจ้าก่อนอีกสามวันข้าจะเอาเงินมาให้” หลังจากที่แยกจากกันแล้ว สุ่ยปิงใส่ผ้าคลุมให้เห็นเฉพาะดวงตา ไปยืนข้าง ๆ แม่ค้าคนเดิม ๆ ที่ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่นและนางเจอใครก็เล่าเรื่องที่ได้ยินมา “นี่ท่านป้ารู้ไหม หลังจากที่คุณหนูหลี่เฟยเฟยฟื้นไข้ นางต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเอาชนะใจคุณชายเหว่ย นางได้นำชุดทั้งหมดมาขายในราคาถูก แล้วไปสั่งตัดชุดใหม่ เห้ออ…สงสารก็แต่คุณชายหลี่ฟาน ที่ทำงานงก ๆ แต่น้องสาวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มิรู้จะสงสารหรือสมเพชนางดีนะเจ้าคะ” สุ่ยปิงพูดจบ ทำเป็นว่าต้องรีบไปซื้อของต่อ นางรู้จะมีคนอื่นพูดต่อจากนาง เหมือนมาปาระเบิดไว้ แล้วก็ได้ผล “มีน้องสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน สงสารคุณชายหลี่ฟานที่ต้องมีน้องสาวที่เอาแต่ใจเช่นนาง” นางกิงลั้งพูดขึ้นมา ชีวิตนางนอกจากขายของแล้ว การสอดรู้สอดเห็นเรื่องผู้อื่นนางถนัดและมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องของคนนั้นคนโน้น “อ้าว…เมื่อเช้าที่หน้าตลาดนั้นคุณหนูหลี่เฟยเฟยหรือ…นางขายชุดมิแพงด้วยนะ ผ้าเนื้อดี การตัดเย็บละเอียด ถ้านางมิได้นำมาขาย ชาตินี้ข้าคงมิมีเงินซื้อให้ลูกสาว” นางหยูฮั่วคนที่เดินผ่านมาได้ยินสุ่ยปิงเล่าเรื่องคุณหนูหลี่เฟยเฟยมาขายชุด นางถึงรู้ว่าชุดที่ซื้อเมื่อสักครู่ มาจากคุณหนูหลี่เฟยเฟยอย่างนั้นหรือ นางมิได้ก้าวร้าวหรือเป็นคนมิดีนี่ เมื่อสักครู่คุณหนูเฟยเฟยพูดสุภาพด้วย “คุณหนูหลี่เฟยเฟยจะเปลี่ยนชุดเพื่อเอาใจคุณชายเหว่ย หึ เหตุใดนางมิเปลี่ยนนิสัยก่อนเล่า…มิอยากจะคิดเลย ถ้าคุณชายเหว่ยมิตอบรับรักนาง…มิใช่ว่านางจะขู่กินยาตายกระมัง” ร้านข้าง ๆ ที่เป็นคู่หูนางกิงลั้งพูดขึ้นมา “นั่นสิ ข้ายิ่งเป็นห่วงคุณชายเหว่ย…เห้อ…คงมีแต่คนตามใจนางกระมัง ชุดราคาสูงทั้งนั้น บางชุดยังมิได้ใส่เลย นางคงคิดว่าเงินซื้อทุกอย่างได้กระมัง”นางฉวี๋พูดเสียงดัง คนที่เดินไปเดินมาได้ยินทุกคำ… “ชิ ชิ ชิ…นี่พวกเจ้าเอาตัวให้รอดก่อนไหม คนที่พวกเจ้าพูดถึงเขามิได้ทำอันใดให้ แล้วจะเป็นทุกข์เป็นร้อนแทนคุณชายหลี่ฟานทำไม ในเมื่อเขาทำเพื่อน้องสาวเขา…ข้ามิซื้อของที่ร้านพวกเจ้าแล้ว” นางหยูฮั่วพูดขึ้นมา “นางหยูฮั่วมันเป็นบ้าอันใดของนาง…ข้าก็เป็นของข้าเช่นนี้อยู่ร่ำไป” นางกิงลั้งพูดขึ้นมา “อย่าไปสนใจนางเลย จริงสิกิงลั้ง เจ้าว่าคุณชายเหลียงเหว่ยจะลงเอ่ยกับคุณหนูหลี่เฟยเฟยหรือคุณหนูลี่มี่ บุตรสาวท่านเจ้ากรมที่ดินเล่า” “คุณหนูลี่มี่เท่านั้น นางจิตใจดี มีเมตตา นำมาช่วยซื้อของที่ร้านข้าบ่อยครั้ง แล้วนางเป็นกุลสตรีพูดเพราะยิ่ง” “มิน่าล่ะ วันที่คุณหนูหลี่เฟยเฟยจมน้ำ คุณชายเหลียงเหว่ยถึงมิได้สนใจลงไปช่วยหรืออยู่รอคุณหนูหลี่เฟยเฟย ทุก ๆ คำพูดข้ากับพี่จิงจิงที่ยืนอยู่มิไกลได้ยินทั้งหมด แต่มิทันคนปล่อยข่าว เห็นทีต้องกลับไปถามท่านพ่อบ้าน………ว่าใช่คนที่นางสงสัยไหม…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD