EP.10 พี่เลี้ยงคนใหม่
“มาคราวนี้ทำขนมเป็นด้วย จะกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” ศรีนวลมองด้วยหางตา แบะปากอย่างดูถูกก่อนจะเดินสะบัดหน้ากลับออกไป
“อย่าไปสนใจป้านวลเลยนะคะ ป้าแกปากร้ายไปอย่างนั้นเองแต่ใจดีมาก”
“ฉันไม่เก็บมาคิดหรอกจ้ะ เพราะฉันรู้ว่าเมื่อก่อนฉันแย่มากแค่ไหน ไม่แปลกที่ทุกคนจะเกลียดฉัน แต่นับจากนี้ไปฉันขอแก้ตัวกับสิ่งที่แล้วมา ฉันจะพยายามทำให้พวกเขารักฉัน” แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เธอจะไม่หนีเพราะที่นี่คือบ้านของเธอ คือครอบครัวของเธอ อย่างน้อยฟ้าใสก็เป็นลูกในไส้ เธอจะไม่ทิ้งให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องมีแผลในใจอีกต่อไป
“แล้วยิหวาก็ไม่ต้องเรียกฉันว่านายหญิงหรอกนะจ๊ะ เพราะฉันไม่ใช่นายของที่นี่ ไม่ใช่ภรรยาของนายหัวอีกต่อไปแล้ว ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น”
“ไม่ได้หรอกค่ะนายหญิง ถึงอย่างไรนายหญิงก็เป็นแม่ของคุณหนูฟ้าใส” ดวงยิหวาปฏิเสธทันควัน ฐิตารีย์เห็นว่ายากที่จะเปลี่ยนความคิดของหญิงสาวได้ จำต้องปล่อยเลยตามเลย
หญิงสาวใช้มีดเล็กตัดหน้าเค้กออกเป็นวงกลมแล้วผ่าครึ่งส่วนที่ตัดออกมาเป็นสองชิ้น จากนั้นใส่แยมสตรอว์เบอร์รีลงไปจนเต็ม แล้วหยิบครีมขึ้นมาบีบลงไปบนหน้าเค้ก
‘คุณแม่คะ บีบครีมอย่างนี้ได้หรือเปล่าคะ’ หญิงสาวในวัยเด็กใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานถามมารดาด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
‘เยอะเกินไปแล้วยัยหนู’ เสียงอ่อนหวานของมารดาเอ่ยห้ามเมื่อเห็นบุตรสาวบีบครีมจนล้นหน้าเค้ก
‘ก็หนูชอบทานครีมเยอะๆ นี่คะ’ เด็กสาวเถียงออกไปก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาบีบครีมต่อโดยไม่สนใจคำทักท้วงของมารดา
ฐิตารีย์ผงะถอยหลังก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
“คุณแม่” เธอเอ่ยเรียกมารดาออกมา หลับตาแน่น ดวงยิหวารีบปราดเข้าประคองหญิงสาวทันที
“คุณแม่ตาภาปวดหัว” หญิงสาวดิ้นทุรนทุราย
“เป็นไงบ้างคะนายหญิง พักก่อนเถอะค่ะ” ดวงยิหวารีบพยุงหญิงสาวออกมานั่งบนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเธอซีดเผือดน้ำตาคลอเบ้า หอบหายใจแรง อาการปวดหัวเมื่อสักครู่ค่อยๆ ทุเลาลง
“นายหญิงคะ เมื่อกี้นายหญิงเรียกใครว่าภาหรือคะ” ดวงยิหวาถามซ้ำอีกครั้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูดเมื่อสักครู่ไม่ถนัดนัก
“ใครหรือจ๊ะ เมื่อกี้ฉันพูดว่าอะไร” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย เมื่อจำไม่ได้ว่าเธอพูดอะไรออกไปบ้าง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ สงสัยยิหวาจะหูฝาด” ดวงยิหวาไม่ได้ติดใจอะไร เธอรีบเดินไปชงยาหอมมาส่งให้หญิงสาว
“ดื่มซะหน่อยนะคะนายหญิงเผื่อจะดีขึ้น”
ฐิตารีย์รับแก้วมาถือไว้ ยกขึ้นจิบพลางคิดถึงภาพที่ฉายขึ้นในห้วงความคิดจนทำให้เธอปวดศีรษะเมื่อสักครู่
“นอนพักสักหน่อยมั้ยคะ” เจ้าของตาคมผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถามเมื่อเห็นฐิตารีย์หน้าซีดเผือดจนน่าเป็นห่วง ทว่าคนป่วยกลับส่ายหน้า
“ฉันจะเข้าไปทำเค้กต่ออีกสักหน่อยเดี๋ยวคุณหนูฟ้าใสก็คงจะกลับมาแล้ว ฉันอยากให้คุณหนูได้ทานเค้กอร่อยๆ” หญิงสาวไม่ได้พูดเปล่าแต่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
รถกระบะสีดำยกสูงแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน จิณณวัตรเปิดประตูลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูอุ้มยัยตัวน้อยออกมา ศรีนวลเดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มทันที
“นายหัวคะ ยัยตารีย์ทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ในครัว” ศรีนวลรีบฟ้องเจ้านาย จิณณวัตรขมวดคิ้วเข้าหากันกำลังจะเอ่ยปากถามต่อทว่าเมื่อเห็นสายตาใสซื่อด้วยความอยากรู้ของบุตรสาวเขาก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปในลำคอ
“ใครหรือคะคุณพ่อ” ฟ้าใสมองหน้าบิดาสลับกับหน้าหญิงรับใช้ที่เธอเรียกว่าป้านวล
“อะ...เอ่อ” นายหัวจิณณวัตรอึกอักพูดไม่ออก รู้อยู่แล้วว่าต้องเจอคำถามแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งตัวไม่ทันอยู่ดี
“พี่เลี้ยงคนใหม่น่ะ”
“อ้าวแล้วพี่ยิหวาล่ะคะคุณพ่อ” เด็กหญิงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ อดแปลกใจไม่ได้ในเมื่อพี่ยิหวาก็ยังอยู่แล้วจะมีพี่เลี้ยงเพิ่มอีกคนทำไม
“ก็เอามาเป็นผู้ช่วยยิหวา ดูแลเด็กดื้ออย่างหนูฟ้าใสน่ะสิครับ” นายหัวจิณณวัตรลูบผมดำสนิทของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู ฟ้าใสคว้ากระเป๋านักเรียนวิ่งแจ้นเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่อย่างไม่รอช้า นายหัวจึงหันมาถามแม่บ้าน
“ไหนลองเล่าอีกทีซิว่าเกิดอะไรขึ้น ยัยนั่นทำอะไร”
“ป้าว่าไม่ทันแล้วละค่ะ นายหัวรีบเข้าไปดูเองจะดีกว่า” ศรีนวลกลืนน้ำลายก่อนจะเดินแกมวิ่งตามหลังเจ้านายหนุ่มเข้าไปในตัวบ้าน
“คุณพ่อขา” ฟ้าใสร้องเรียกบิดาเสียงใส ในมือถือคัพเค้กสตรอว์เบอร์รี ครีมสีขาวเปื้อนที่มุมปาก เขาเดินเข้าไปหาบุตรสาวหมายจะเช็ดครีมที่มุมปากให้ ทว่ามือบางกลับหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดคราบครีมตัดหน้าเขาไปเสียก่อน
“ค่อยๆ ทานนะคุณหนูฟ้าใส พี่ยังมีอีกเยอะเลยค่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเอื้อนเอ่ยพลางยิ้มละไม
“เธอทำอะไรของเธอ” ชายหนุ่มบีบที่ต้นแขนก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟันถามออกไปพอให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน
“คุณไม่เห็นหรือไง ว่าฉันทำเค้กให้ลูกทาน”
“ฟ้าใสไม่ใช่ลูกของเธอ แล้วอย่ามาโกหก น้ำหน้าอย่างเธอหรือจะทำเค้ก ซื้อมาล่ะสิไม่ว่า” ชายหนุ่มปรามาส ฐิตารีย์น่ะเหรออย่าว่าแต่หุงข้าว ทอดไข่เลย จานชามเธอก็ไม่เคยหยิบจับ นอกจากแต่งหน้าทาปากเดินกรีดกรายไปทั่วบ้าน
“ฟ้าใสเป็นลูกของฉัน แล้วเค้กนี่ฉันก็ทำด้วยตัวเองไม่เชื่อถามยิหวาดูก็ได้” หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ยอมแพ้ พลางแกะมือชายหนุ่มออก กระถดตัวหนีเขาโดยขยับไปนั่งข้างบุตรสาว
จิณณวัตรหันไปมองหน้าดวงยิหวา เมื่อเธอพยักหน้าเขาก็หันไปมองคัพเค้กหน้าตาน่ารับประทานบนโต๊ะด้วยความแปลกใจ คัพเค้กขนาดพอดีแต่งหน้าด้วยครีมนมสีขาววางทับด้วยสตรอว์เบอร์รีผลใหญ่ไว้ตรงกลาง ด้านข้างสตรอว์เบอร์รีมีเนื้อเค้กชิ้นเล็กๆ ตกแต่งแลดูคล้ายปีกผีเสื้อ หรือว่าห้าปีที่เธอหายไป เธอจะไปเรียนรู้การทำเค้กพวกนี้มา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ทำใจให้เชื่อไม่ลงอยู่ดี