“สายเหรอคะ นี่ยังไม่แปดโมงเลยนะ”
“อยู่ในเมืองละสิ คนบ้านนอก เจ็ดโมงก็สายแล้วนะ”
“อ้อค่ะ เออ คือมุกอยากได้รถไว้ใช้สักคัน มุกต้องซื้อที่ไหนคะ” มัดมุกลองเกริ่นถาม
“มีงบเท่าไหร่ละ ฉันจะได้หาให้ถูก”
“สักสองหมื่นพอได้ไหมคะพี่”
“เหลือเฟือ เอาแบบมีทะเบียน มีเล่มได้เลยนะนั่น”
มัดมุกเป่าปาก โล่งใจหนึ่งเปราะ
“ว่าแต่ ขับรถเป็นไหมล่ะ”
มัดมุกส่ายหน้า เธออยู่ในเมืองที่มีรถประจำทาง การขับรถเลยไม่มีความจำเป็น
ไม่อยาก เดี๋ยวนี้เกียร์อัตโนมัติ หัดได้ง่ายๆ ว่าแต่จะมาซื้ออะไรละ”
“อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านค่ะ จอบเสียมด้วย หญ้าสูงท่วมหัวแบบนั้นมุกกลัวมุกกับป้าจะถูกงูกัดตายเสียก่อน”
“ของแบบนั้นหยิบยืมกันก็ได้น่า”
“อย่าดีกว่าค่ะ มุกควรมี เพราะมุกตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานๆ”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันส่งตรงร้านขายเลย ซื้ออะไรก็ซื้อให้ครบ พอรับอีพาเสร็จจะแวะมารับ สายๆ จะพาไปดูรถ”
มัดมุกพยักหน้าหงึกหงัก พอรถมอเตอร์ไซค์จอมสนิท เธอก็กระโจนลง “ขอบคุณนะคะพี่”
“คนกันเองไม่ต้องเกรงใจ บ้านติดๆ กันต้องพึ่งพากันสิ” คล้าวพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
มัดมุกได้ของใช้หลายอย่าง รวมทั้งอุปกรณ์ปลูกผักด้วย เธอเคยฝันไว้ เธออยากใช้ชีวิตแบบนี้ ปลูกผักกินเอง ไม่ต้องเร่งรีบกับการเดินทาง และไม่ต้องสูดอากาศที่ผสมควันพิษเข้าปอดทุกวัน
มัดมุกยืนรอไม่นาน รถมอเตอร์ไซค์ของคล้าวก็วิ่งฉิวมาจอดด้านข้าง
“นี่น้องข้างบ้าน เพิ่งย้ายมาเมื่อคืน น้องๆ นี่อีพาเมียพี่นะ”
มัดมุกยิ้มให้ พร้อมทั้งรีบยกมือไหว้
“สวยซะด้วย อายุเท่าไหร่ เรียนอยู่ม. ไหนละ” พากวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ
“มุกจบม. 6แล้วค่ะ กำลังมาเรียนต่อที่นี่”
“เรียนวิทยาลัย’ เหรอ”
“ค่ะ มุกอยากเป็นครู”
“ครูมีดีแค่เปลือกเงินเดือนก็น้อย” พาบ่นพึมพำ
“สมัยนี้ครูเงินเดือนไม่น้อยนะคะ แค่ความรับผิดชอบเยอะ คนที่เป็นครูเลยท้อ เพราะมันไม่คุ้มกับค่าแรงที่ได้ หากเทียบกับการทำงานบริษัทเอกชน”
“ความชอบของแต่ละคนมันไม่เท่ากันน่ะ มึงขี้เกียจเรียนน่ะสิ เลยพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเขาคล้อยตามความคิดมึง” คล้าวพูดดักคอภรรยา
“กูเกลียดมึงก็ตรงนี้แหละไอ้คล้าว” พาพึมพำ
“เดี๋ยวกูไปช่วยตัดหญ้าให้บ้านน้องมุกน่ะ มึงจะนอนก็นอนเลย ตัดหญ้าเสร็จกูจะเลยไปหาไอ้เจิดด้วย น้องมุกเขาอยากได้รถไว้ใช้สักคันน่ะ”
“มึงมีเอี่ยวกับไอ้เจิดใช้ไหมไอ้คล้าว”
“แหม กูต้องหารายได้ช่วยมึงสิวะ”
มัดมุกนั่งฟังตาปริบๆ แม้คำพูดของคนทั้งสองจะค่อนข้างระคายหู แต่ไม่ใช่การทะเลาะกัน เป็นเพียงบทสนทนาที่เปี่ยมไปด้วยความสนิทสนมแค่นั้นเอง
“มาอยู่คนเดียวเรอะ” พาขี้เกียจพูดกับสามี เลยหันมาสนใจมัดมุก
“ป้ามุกมาด้วยค่ะ”
“สองคน”
มัดมุกพยักหน้า “พ่อ แม่ละ” พายังไม่วายสงสัย
“พ่อแม่มุกเสียนานแล้วค่ะ”
คล้าวจิปาก “มึงทำงานเป็นเสมียนที่อำเภอเรอะ จะถามน้องเขาทำไม นั่นมันเรื่องส่วนตัวของน้องเขาหรือเปล่าวะ”
“ฉันแค่สงสัยเองนะพี่คล้าว ผู้หญิงสองคนอยู่กันตามลำพัง”
“นั่นมันเรื่องในบ้านเขา อยู่ๆ ไปมึงก็รู้เองแหละ”
“ฉันไม่ถามแล้วก็ได้ ง่วงฉิบหาย” พาหุบปากนั่งตาปรือมาตลอดทาง
คล้าวจอดรถหน้ารั้ว มัดมุกลงจากรถยกอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ซื้อมาวางไว้บนพื้น แล้วก็หันไปขอบคุณ “ขอบคุณนะพี่ ว่างๆ มุกจะทำขนมให้ชิม”
คล้าวไม่ได้พูดอะไร เขาสตาร์ทรถ รีบพาภรรยาไปส่ง ก่อนที่พาจะหลับไปเสียก่อน
พะยอมเดินฝ่าต้นหญ้าที่ถูกย่ำเป็นทางออกมา
“ไปตลาดมาเรอะ ป้านึกว่าหายไปไหน”
“เดี๋ยวสายๆ มุกจะไปดูรถกับพี่คล้าวนะคะป้า”
“รถอะไร?”
“แถวนี้ไม่มีรถรับจ้าง คนส่วนใหญ่มีรถใช้เองค่ะ” มัดมุกอธิบาย
“อืม...แล้วตลาดไกลไหม”
“ไม่ไกลหรอกค่ะ”
“ทำไงดีละ ป้าขับรถไม่เป็น จะไปหาอะไรกินน่าจะลำบากแย่”
“มุกก็ขับไม่เป็น แต่เดี๋ยวพี่คล้าวจะหัดให้”
“คล้าว”
“พี่ชายข้างบ้านค่ะ ท่าทางใจดี อีกเดี๋ยวก็มาค่ะ พี่คล้าวจะช่วยตัดหญ้าให้”
“เกรงใจจัง”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมคนว่างงาน อยากใช้ให้ทำอะไรก็เรียกได้ตลอดครับป้า” คล้าวไปไวมาไว เขาแบกที่ตัดหญ้ามาด้วย ท่าทางทะมัดทะแมงใช้ได้
“น่าจะได้เรียกใช้หลายอย่างเลย ไฟฟ้า ประปาทำได้ไหมล่ะ เดี๋ยวฉันจ่ายค่าแรงให้”
“ได้หมดครับ ช่างไม้ ช่างปูนก็พอทำได้ครับ”
“ดีเลย ป้าจะได้ไม่ต้องไปหาช่างไกล ป้าว่าจะทำเพิงตรงนี้ ทำซิ้งค์ล้างจานด้วย แล้วก็ต่อโต๊ะเก้าอี้ง่ายๆ ป้าเห็นมีไม้เก่าๆ กองไว้หลังบ้านเยอะเลย”
“งานถนัดผมเลยครับป้า”
“ดีๆ” พะยอมกับคล้าวคุยถูกคอ มัดมุกชะเง้อมองเป็นระยะ
เธอเทแกงถุงใส่จาน พะยอมหุงข้าวไว้แล้ว แค่นี้ก็มีอาหารกินกันตายไปได้อีกหนึ่งมื้อ
“มุก ป้าเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง เย็นๆ ก็ทำแกงถุงขาย น่าจะดีเนอะ” พะยอมลดระดับความขุ่นเคืองกับมัดมุกลง ป่วยการเก็บความไม่พอใจเก็บไว้ ยังไงมัดมุกก็เป็นหลานสาว ญาติคนสุดท้ายที่นางมี และตัวการหลักไม่ใช่มัดมุก แต่เป็นบุตรชายหัวดื้อของนายจ้าง ที่ดันมาถูกใจหลานสาวของนาง
“จริงหรือป้า ดีเลย ฉันละเบื่อฝีมืออีพามันจะแย่ พูดมากก็ไม่ได้เดี๋ยวมันด่า” คล้าวผสมโรงคุยด้วย
ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะมีฝีมือเรื่องการทำอาหาร
“พี่คล้าว มุกไม่ได้คุยนะ ฝีมือป้าของมุก เซฟระดับห้าดาวยังต้องยกนิ้วให้”
มัดมุกพูดผสมเสียงหัวเราะ
พะยอมส่ายหน้า อดยิ้มตามไม่ได้
“จะขายได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“ขายได้ครับป้า เลยออกไปตรงนั้นมีหอพัก นักศึกษาอยู่กันเยอะด้วย”
“มุกว่า ทำที่ซักผ้าหยอดเหรียญก็น่าจะดีนะคะป้า เอาตู้กดน้ำมาลงด้วยที่กว้างๆ แบบนี้ทำได้หลายอย่างเลยค่ะ”
ในหัวของมัดมุกมีแต่เรื่องที่จะหาสตางค์เข้าบ้าน แววตาหมองๆ ที่เห็นเป็นประจำสดใสขึ้น พะยอมแอบผ่อนลมหายใจ นางได้แต่หวัง สักวันมัดมุกจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อให้คนรอบตัวสบายใจ
“แหมะ ดีจังฉันจะได้ไม่ต้องซักผ้าเอง มาหยอดเหรียญเอา” คล้าวอ้อมแอ้มพูด งานบ้านเขาเป็นคนรับผิดชอบเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับภรรยา คล้าวไม่เคยอายหามีเพื่อนคนไหนแซว งานบ้านไม่ใช่งานของผู้หญิงเท่านั้น การอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว การช่วยเหลือกันในบ้านถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบร่วมกัน
“แถวนี้มีบ้านกี่หลังคาเรือนคะพี่คล้าว” มัดมุกชวนคุย
“หลายอยู่นะ ส่วนใหญ่มีแต่คนแก่ หนุ่มๆ สาวๆ เขาไปทำงานในเมืองหมด นานๆ จะกลับมาที”
“ไม่มีนิคมอุตสาหกรรมด้วยนี่เนอะ” มัดมุกพึมพำ
“อือ...ความเจริญมีแค่ในเมือง บ้านที่อยู่ไกลเมืองก็ลำบากนิดหน่อย แต่ชินแล้วละ”
คนชนบทอยู่กันแบบเรียบง่าย การทำมาหากินอัตคัด แถมค่าครองชีพก็ไม่ได้ต่างอะไรกับในเมืองเลย แต่เรื่องสาธารณูปโภคกลับแตกต่างกันลิบลับ ชนบทไม่มีรถไฟฟ้า ไม่มีรถประจำทาง และค่าน้ำมันกับค่าไฟฟ้า ก็จ่ายเท่ากับคนในเมืองที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน
เรื่องภาษีก็เช่นกัน
คนชนบทก็ต้องจ่ายภาษี แต่ภาษีที่เขาจ่ายไปกลับไม่ได้นำมาใช้พัฒนาความเป็นอยู่ของพวกเขาเลย
ตอนที่6.เวลาเดินไปข้างหน้า แต่ไม่สามารถลบเลือนอดีตได้
เผลอแปบเดียว มัดมุกก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว เธอหาที่ฝึกสอน และตั้งใจเต็มที่กับอาชีพที่ตั้งใจไว้ เด็กๆ คือผ้าขาว ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่จะป้ายสีอะไรลงไป
ดังนั้นอาชีพครูคือผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ แต่งเติมสีลงไปบนผืนผ้าสีขาวสะอาด จนกลายเป็นผ้าที่เปล่งประกาย และเฉิดฉายอวดสายตาคนรอบข้างได้ในอนาคต
“พิม ทำไมวันนี้มาสายจัง” มัดมุกถาม ทันทีที่เพื่อนสนิทโผล่หน้ามา
“รถยางแตกน่ะสิ นึกว่าจะสายกว่านี้เสียอีก”
มัดมุกหัวเราะ “ดวงซวยแต่เช้าเลย วันนี้ก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างหรือไงนะ” พิมนาราบ่นพึมพำ