จวนอ๋องแปดกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หลังจากเรื่องราววุ่นวายต่างๆได้ผ่านพ้นไป ลมหนาวเริ่มพัดโชยมา เป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้เข้าสู่ฤดูกาลเหมันต์ขึ้นทุกที
เสวี่ยอี้ยืนจ้องมองใบไม้ที่เริ่มร่วงโรยลงสู่พื้นดินด้วยแววตาเศร้าหมองคล้ายกับว่ากำลังคิดสิ่งใดบางอย่างอยู่
“ เหตุใดเจ้าถึงมายืนเหม่อลอยอยู่เช่นนี้” อ๋องแปดส่งเสียงเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ตนแอบมองเสวี่ยอี้จากทางด้านหลังอยู่สักพัก พลางค่อยๆใช้มือเสียบดอกเหมยที่ข้างหูของนาง
“ หม่อมฉันเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลแล้วรู้สึกเศร้าใจเพคะ”
“ เหตุใดเจ้าถึงเศร้าใจหรือ”
“ หม่อมฉันกลัวอนาคตข้างหน้าเพคะ”
“ เกรงกลัวอนาคตที่ยังมิเกิดขึ้น...เจ้ากลัวข้าจะมิรักเจ้าหรืออย่างไร” อ๋องแปดเอ่ยหยอกเย้า
“ มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ...หากท่านอ๋องจะเปลี่ยนแปลงไป หม่อมฉันจะทำอย่างไรได้เพคะ”
“ ดูสิ ! เจ้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเสียแล้ว ข้าแค่หยอกล้อเจ้าเล่น ในใจข้ามีแต่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว และเราจะครองคู่กันยันแก่เฒ่า...ข้าสัญญา!” อ๋องแปดจ้องมองเสวี่ยอี้ด้วยแววตาที่ส่อแสดงถึงความจริงใจพลางกุมมือนางอย่างอ่อนโยน
เสวี่ยอี้ยิ้มรับด้วยความรู้สึกพึงพอใจ พลางคิดได้ว่า...ยังมิได้ให้ของแทนใจแก่ท่านอ๋องเลย เวลานี้คงเป็นเวลาที่ดีที่สุด นางจึงใช้มือคว้าตลับยาสมุนไพรออกมายื่นให้อ๋องแปดด้วยท่วงท่ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
อ๋องแปดจ้องมองเสวี่ยอี้ด้วยความสงสัย พลางรับของจากเสวี่ยอี้ยกขึ้นมาสำรวจดูใกล้ๆ อย่างช้าๆ
“ เจ้าให้สิ่งใดแก่ข้าหรือ” อ๋องแปดเอ่ยถามขึ้น
“ ยาสมุนไพรสำหรับทาแก้ปวดเมื่อยเพคะ”
“ ยาสมุนไพรหรือ...เหตุใดเจ้าถึงให้สิ่งนี้ข้า”
“ หม่อมฉันทำสิ่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นของแทนใจแก่ท่านอ๋องเพคะ พื้นเพเดิมของตระกูลหม่อมฉันเป็นหมอยา ตั้งแต่ยังเล็กยันโต หม่อมฉันก็หมกหมุ่นขลุกอยู่แต่ในป่าและห้องปรุงยาในโรงหมอ มิได้ทำการใดเยี่ยงสตรีนางอื่น หม่อมฉันจึงมิอาจทำของแทนใจที่งดงามให้ท่านอ๋องได้เพคะ” เสวี่ยอี้เอ่ยพลางก้มหลบสายตาอ๋องแปด “สิ่งนี้อาจจะไม่ทำให้ท่านอ๋องประทับใจได้ แต่มันจะช่วยให้ท่านผ่อนคลายอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เป็นอย่างดีเลยนะเพคะ”
เมื่อกล่าวถึงสรรพคุณของยาสมุนไพรแล้วนั้น ทำให้เสวี่ยอี้เริ่มมั่นใจกับของแทนใจของตนมากขึ้น
“ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว… ข้าชอบสิ่งนี้มาก ไม่ว่าเจ้าจะให้สิ่งใดกับข้า ข้าก็ดีใจยิ่ง” อ๋องแปดใช้มือจับใบหน้าของเสวี่ยอี้ยกขึ้นมองอย่างทะนุถนอมด้วยความเอ็นดู “เจ้าคือชายาที่ดีที่สุดของข้า...เจ้ารู้หรือไม่”
เสวี่ยอี้เผยยิ้มออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ สายตาของทั้งคู่สอดประสานกันหวานฉ่ำปานจะกลืนกินเสียอย่างไรอย่างนั้น
“ ท่านอ๋อง...ขอรับ!!” เสียงเรียกของซือมิ่งดังขึ้น
อ๋องแปดเรียกสติกลับจากภวังค์ หันมองซื่อมิ่งด้วยสายตาเบื่อหน่ายที่เข้ามาขัดจังหวะตน “เจ้ามีอะไรก็ว่ามา”
“ มีสตรีนางหนึ่งขอพบท่านขอรับ”
เมื่อได้ยินที่ซือมิ่งกล่าวรายงานเช่นนั้น ทำให้เสวี่ยอี้หันมองหน้าอ๋องแปดโดยพลัน จะมีนางไหนต้องการพบท่านอีกหรือ
“ ท่านอ๋องคงมิได้มีสตรีนางอื่นนอกจากหม่อมฉันนะเพคะ” เสวี่ยอี้ตัดสินใจกล่าวออกไปอย่างซื่อตรง พลางใช้สายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยจ้องมองอ๋องแปดอย่างมิลดละ
“ เวลานี้ข้ามีแต่เพียงเจ้า...เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้น ข้าก็มิรู้ว่านางคือผู้ใดกัน”
“ แน่ใจนะเพคะ” เสวี่ยอี้พยายามเอ่ยถามคาดคั้น
“ เจ้าจะให้ข้าสาบานก็ย่อมได้”
“ ไม่เอาเพคะ...อย่าเอาเรื่องสาบานมาล้อเล่นกัน เช่นนั้น...ท่านออกไปหานางเถิด ข้าจะรอท่านที่เรือน”
เสวี่ยอี้มีความไว้เนื้อเชื่อใจอ๋องแปด แต่ก็ยังมิอาจวางใจได้ จึงให้ซือมิ่งแอบติดตามอ๋องแปดออกไปแล้วให้นำมารายงานให้นางทราบอีกครั้งเมื่อการเจรจาเสร็จสิ้น
ณ ด้านหน้าจวนอ๋องแปด
สตรีนางหนึ่งรูปร่างอรชร ผมสีดำยาวสลวย ห่มอาภรณ์สีชมพูกลีบบัวอ่อน ประดับผมด้วยปิ่นปักผมสีเงินลวดลายดอกเหมย กำลังหันหลังยืนรออ๋องแปดอย่างใจจดใจจ่อ
ครั้นเมื่ออ๋องแปดมองเห็นนางจากทางด้านหลัง ก็รู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก ทั้งรูปลักษณ์และท่วงท่านั้น เสมือนดั่งสตรีนางหนึ่งที่อ๋องแปดเคยรู้จักเป็นอย่างดี จึงหยุดชะงักและคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
.
.
หลี่ถิง… เจ้านั่นเอง !!!!
.
.
สตรีนางนั้นก็หันมามองอ๋องแปดด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา
เมื่อทั้งสองหันมามองซึ่งหน้ากัน ทำให้อ๋องแปดยืนค้างตะลึงงันอยู่ชั่วครู่
.
.
นางกลับมาหาข้าอย่างงั้นหรือ?
.
.
นางคือ หลี่ถิง บุตรีตระกูลหยาง ผู้ซึ่งเคยเป็นคนรักเก่าก่อนของอ๋องแปด ตั้งแต่เล็กยันโต ทั้งสองมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งแน่นแฟ้น และมีพันธะสัญญาผูกพันธ์กันว่าจะแต่งงานกันเมื่อถึงเวลาเหมาะสม จึงทำให้อ๋องแปดคิดไม่ตกกับการปรากฏตัวของหลี่ถิงครั้งนี้
“ หลี่ถิง…คารวะอ๋องแปด” หลี่ถิงย่อตัวคำนับอ๋องแปดช้าๆ
“ ลุกขึ้นเถิด...เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือ” อ๋องแปดเอ่ยถามขึ้น
“ ท่านอ๋อง...ลืมหม่อมฉันไปแล้วหรือเพคะ” หลี่ถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเชิงน้อยใจ
“ ข้าจะลืมเจ้าได้เยี่ยงไร เจ้ารู้จักกับข้ามาตั้งแต่ยังเล็ก”
“ คำพูดของท่านดูห่างเหินขึ้นนะเพคะ… ท่านคงรักสตรีนางอื่นไปแล้ว” หลี่ถิงเอ่ยพลางหันตัวหนีไปด้านข้าง “ ภายในใจของหม่อมฉันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก”
“ ข้า....ขอโทษ” อ๋องแปดเอ่ยออกมาด้วยรู้สึกผิดพลางนึกถึงเรื่องที่เคยกระทำกับหลี่ถิง นางคงมิอาจยกโทษได้ข้าได้
“ ถ้าท่านอ๋องรู้สึกผิดงั้นหรือ...เหตุใดท่านถึงไม่แต่งข้าเป็นชายารองเสียล่ะเพคะ” หลี่ถิงกล่าวเสนอด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าอ๋องแปดจะยังคงรักนางอยู่
สิ่งที่อ๋องแปดกลัวว่าจะเกิดขึ้นก็เป็นดั่งที่คิดไว้ ความอึดอัดเกิดขึ้นภายในใจของอ๋องแปดทวีคูณมากยิ่งขึ้น
“ เจ้าจำวันก่อนงานแต่งงานของข้าได้หรือไม่… ครานั้นเจ้ามาหาข้าและบอกว่าจะเก็บเรื่องของเราไว้ในความทรงจำแต่เพียงเท่านั้น”
“ แต่ท่าน...บอกว่ารักหม่อมฉันและจะไม่มีสตรีนางไหนมาแทนที่ได้ หม่อมฉันพูดถูกหรือไม่”
“ หลี่ถิง... ข้ามิอยากทำร้ายความรู้สึกของเจ้า ครานี้ในใจข้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ข้ามีพระชายาเสวี่ยอี้ในใจเพียงเท่านั้น” อ๋องแปดเอ่ยน้ำเสียงอ่อนนุ่มหวังปลอบประโลมความรู้สึกหลี่ถิงแต่แฝงด้วยคำพูดที่เด็ดขาด
คำพูดของอ๋องแปดมิอาจทำให้หลี่ถิงรู้สึกดีขึ้นมาได้ มีแต่จะทำให้นางเสียใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
หลี่ถิงยืนนิ่งจ้องมองอ๋องแปดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ผู้ใดกันแน่ที่ผิดคำพูด ผู้ใดกันที่คอยบอกรักข้าทุกวี่วันจนข้าใจอ่อนครั้งเมื่อยังวัยเยาว์
“ เช่นนั้น… หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน”
“ เจ้าว่ามาเถิด!! ” อ๋องแปดเอ่ยตอบรับ
“ ตระกูลหยางกำลังตกที่นั่งลำบาก ท่านพ่อโดนปลดประจำการ ครอบครัวข้าโดนยึดทรัพย์สินเสียจนหมดสิ้น ข้ามิมีทางเลือกใดนอกจากมาหาท่าน” หลี่ถิงเอ่ยด้วยแววตาโศกเศร้าและท่าทางอิดโรย
“ ข้าจะให้ซือมิ่งนำทรัพย์สินแบ่งปันไปให้ตระกูลเจ้า ส่วนท่านอา ข้าจะนำเรื่องไปแจ้งกับฝ่าบาทให้ทรงช่วยให้ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ดีหรือไม่”
“ หลี่ถิงขอบพระทัยท่านอ๋อง…หากแต่หม่อมฉันมิมีที่พักพิงครานี้ ท่านพ่อและท่านแม่ออกจากเรือนไปที่วัดฉางเชิงร่วมเดือนแล้ว ข้ามิมีผู้ใดนอกจากท่าน”
เมื่อเห็นว่านางเป็นคนรักเก่าผนวกกับความรู้สึกผิดของตนที่เคยทำแก่นางไว้นั้น ทำให้อ๋องแปดตกปากรับคำช่วยเหลือหลี่ถิงในทันที
“ เอาล่ะ...ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าพักอยู่ที่จวนข้าก่อนก็ได้ เมื่อข้ากราบทูลเรื่องนี้แก่ฝ่าบาทเรียบร้อยแล้วเจ้าค่อยกลับไป” อ๋องแปดเอ่ยพลางหันไปสั่งการซือมิ่งให้จัดเตรียมห้องให้หลี่ถิงทันที
“ ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” หลี่ถิงโค้งคำนับด้วยท้วงท่าอ่อนน้อม
นางแสยะยิ้มออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกายมันวาวเปี่ยมด้วยความหวังหลังจากที่อ๋องแปดเดินกลับไปยังเรือน
ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปอีกแล้ว….