ตอนที่ 17 ค่ำคืนปริศนา

1320 Words
“เหตุใดในหัวของข้าตอนนี้ ถึงมีแต่หน้าของท่านนะ” ค่ำคืนแห่งความเหว่ว้า เสวี่ยอี้ในชุดนอนสีขาวบาง นอนเกลือกกลิ้งบนเตียงนอน พลิกตัวไปมา จิตใจกระสับกระส่าย พลางคะนึงหาแต่ใบหน้าของอ๋องแปดมิได้จบสิ้น ท่านจะเป็นเช่นไรยามนี้ จะมีอาการเช่นเดียวกับข้าหรือไม่นะ “ถ้าหากอีก 7 วันท่านยังมิกลับมา ข้าควรจะโกรธท่านดีหรือไม่” เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล เมื่อยิ่งโหยหาก็ยิ่งเกิดความทุกข์ในใจมากขึ้น เมื่อตอนเด็กๆ เวลาที่ข้านอนไม่หลับ ก็มักจะสะกิดอี้ฉางผู้เป็นน้อง แอบท่านพ่อ ท่านแม่เดินย่องเข้าไปหาอาหารกินในโรงครัว เมื่อเสร็จสิ้น ข้าก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างสนิทอีกครั้ง หรือว่า...ที่ข้าเป็นเช่นนี้ คงเป็นเพราะหิวกระมัง เมื่อคิดดังนั้น เสวี่ยอี้จึงลุกขึ้นจากเตียง คว้าตะเกียงไฟและมุ่งหน้าตรงไปยังโรงครัวของจวนโดยพลัน แสงสว่างจากตะเกียงนำพาเสวี่ยอี้มาถึงด้านหน้าของประตู ณ โรงครัว นางค่อยๆ ใช้มือผลักประตูเปิดออกอย่างช้าๆ มิให้เกิดเสียงใดใด หากถานเอ้อร์และคนรับใช้คนอื่นๆ ได้ยินเข้า คงจะตื่นตะหนกตกใจหรืออาจคิดว่าข้าเป็นโจรแอบเข้ามาในจวนก็เป็นได้ “ท่านอ๋องนะท่านอ๋อง...ตัวท่านก็มิอยู่ แต่ท่านทำให้ข้าต้องว้าวุ่นได้เช่นนี้เชียวหรือ” เสวี่ยอี้บ่นพึมพำเบาๆ เมื่อประตูถูกผลักออก เสวี่ยอี้ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในครัวอย่างระมัดระวัง ในระหว่างทางเดินเข้าไปในครัวด้านในนั้น จะต้องเดินผ่านห้อง ห้องหนึ่งที่ถูกปิดตายเอาไว้และสลักด้วยกลอนอย่างแน่นหนา ทำให้นางเกิดความสงสัยทุกครั้ง ว่าห้องนั้นมีไว้เก็บของจริงหรือไม่ แต่ก็ช่างเถิด จุดหมายของข้าตอนนี้คือ อาหารอันโอชะ ที่จะช่วยให้ข้านอนหลับสบายได้ เสวี่ยอี้มิรั้งรอก้าวเท้าเดินต่อไปด้วยปราถนาอันแรงกล้า พลางกวาดสายตามองหาอาหาร จนในที่สุดสายตาก็ไปสะดุดกับขนมอิ่วก้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ นี่มันสวรรค์ชัดๆ เสวี่ยอี้ฉีกยิ้มกว้าง พลันใช้มือหยิบขนมอิ่วก้วยใส่จาน สามสี่หยิบมือ แล้วใช้ผ้าสีขาวบางๆ ปิดไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวด้วยความสุขใจ เมื่อบรรลุสิ่งที่ต้องการแล้วนั้น เสวี่ยอี้จึงเดินออกมาทางประตูด้านหน้าของโรงครัวในระหว่างนั้น นางก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ประหลาดดังขึ้น “กึกๆๆ ….กึกๆ /////” นางก็พยายามละความสนใจ คงเป็นเสียงลมพัดหรือไม่ก็เสียงร้องของแมวกระมัง “กึกๆๆ ….กึกๆ /////” เสียงดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เสวี่ยอี้หยุดชะงักพลางใช้หูเงี่ยฟังอย่างตั้งใจว่าต้นเสียงมาจากทางไหนกันแน่ แต่ก็มิสามารถตามหาต้นเสียงนั้นได้ เหตุเพราะเสียงนั้นขาดๆ หายๆ ระดับเสียงขึ้นลงดังเบามิต่อเนื่อง เสวี่ยอี้เริ่มเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ แรงเต้นของหัวใจสั่นระรัวและถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิมีท่าทีว่าจะหยุด นางพยายามก้าวเท้าออกไปยังประตูด้านหน้า หากแต่ขาทั้งสองข้างของนางดันแข็งไปหมดเสียแล้วเนี่ยสิ ข้าจะไม่ยอมสติแตกอยู่ที่นี่แน่ๆ เสวี่ยอี้รวบรวมสติอีกครั้ง พยายามยกเท้าขึ้น ค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ จนใกล้ถึงประตูในที่สุด นางใช้มือคว้าที่ประตูเปิดออก แต่กลับพบว่า ในระหว่างนั้นมีมือปริศนาจากทางด้านหลังแตะบนไหล่ทางด้านขวาของนาง เสวี่ยอี้ค่อยๆ ชำเลืองตามองที่ไหล่ของตน พบว่า เป็นมือจริงๆ!!!!! "กรี๊ดดดดดดด!!!!!” เสวี่ยอี้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ พลางหลับตาใช้มือคว้าไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นยกขึ้นตีไปยังด้านหลังอย่างมิยั้งมือ “โอ๊ยๆๆ นี่ข้าเอง… ข้าเจ็บไปหมดแล้ว โอ๊ยย” เสวี่ยอี้ชะงักกับเสียงร้องขอนั้น เหตุใดข้าถึงคุ้นกับเสียงนี้นัก นางค่อยๆ ลืมตาเงยหน้าขึ้นมาดู ว่าใครกัน...ที่ทำเรื่องเช่นนี้ “ท่านอ๋อง….!!!!” เสวี่ยอี้เบิกตากว้าง เอ่ยเรียกเสียงหลงด้วยใบหน้าที่ปรากฏซึ่งความสงสัยอย่างชัดเจน มิรู้ว่าข้าควรดีใจที่เห็นท่านอยู่ในสถานแห่งนี้ยามค่ำคืนหรือไม่นะ ทั้งๆ ที่ข้าก็เฝ้ารอท่านกลับมาเนิ่นนาน “ใช่ ข้าเอง… เจ้าตีข้าเสียจนข้าเจ็บระบมไปทั้งตัว เจ้าไม่รักข้าหรือ” อ๋องแปดส่งเสียงออดอ้อนถามเสวี่ยอี้ “ท่านอ๋องตอบข้ามาเสียก่อน...ว่าเหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลาดึกดื่นเพียงนี้” เสวี่ยอี้แสดงใบหน้านิ่วกิ่ว คิ้วขมวดพันกัน “ข้าเพิ่งกลับมาจากสู้รบ เข้ามาในครัวก็เจอโจรผู้หนึ่ง กำลังขโมยเอาขนมอิ่วก้วยไปกิน เจ้าเห็นหรือไม่” อ๋องแปดแกล้งใช้สายตามองหาไปมารอบๆ “ท่านอ๋องกำลังล้อหม่อมฉันหรือเพคะ” “ข้าเห็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้ารู้จักโจรผู้นั้นหรือไม่” อ๋องแปดยังคงหยอกล้อมิเลิก “ท่านอ๋อง!!!! ที่นี่ก็มีแค่หม่อมฉันที่กำลังถือขนมอิ่วก้วย หม่อมฉันแค่หิวเพคะ!!!!” “อย่างงั้นหรือ….” อ๋องแปดเอ่ย ก่อนที่จะหัวเราะร่าออกมา “หม่อมฉันมิอาจเชื่อได้ ท่านมิเคยมายังโรงครัวด้วยตนเองสักครั้ง เหตุใดถึงมาที่นี่ตอนนี้ได้เพคะ” “ข้า… ก็หิวเหมือนเจ้า” “หากท่านโกหก...หม่อมฉันจะไปอยู่วัดเฉิงเซียน 1 เดือนเพคะ” เสวี่ยอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขึมจริงจัง “เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าต่อรองกับข้าแล้วหรือ” “เพคะ” เสวี่ยอี้จ้องมองอ๋องแปดด้วยสายตามุ่งมั่น แสดงถึงความเด็ดขาดในคำพูด อ๋องแปดยิ้มแย้มขึ้นมาโดยพลัน พลางใช้มือจูงเสวี่ยอี้ไปยังห้องปิดตายด้านในของโรงครัว “ข้ามีสิ่งหนึ่งจะให้เจ้าดู…” อ๋องแปดส่งสายตาเปล่งประกาย อ๋องแปดใช้กุญแจหลายขนาดเปิดไขห้องนั้นอย่างขมักขเม้น จนในที่สุด.... ประตูก็เปิดออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสวี่ยอี้คือกระสอบสมุนไพรนับพันชนิดปรากฏอยู่ สิ่งนั้นสร้างความประหลาดใจแก่นางยิ่งนัก ใบหน้าที่เผยออกมาว่ามีความสุขจนมิอาจปกปิดได้ ท่านอ๋องแอบทำสิ่งนี้เพื่อข้าอย่างนั้นหรือ “ท่านให้ข้า...ทั้งหมดนี้หรือเพคะ แล้วเสียงที่ดังจากในห้องนี้เป็นเสียงของท่านซึ่งกำลังจัดสมุนไพรอยู่ จริงหรือไม่” “ใช่ ...จริงๆ แล้ว ข้ากลับมาตั้งแต่รุ่งเช้าของวันนี้ แอบเดินเข้ามาในห้องนี้โดยมิให้เจ้าได้รู้ตัว ข้าอยากทำสิ่งนี้เพื่อเจ้า เจ้าชอบหรือไม่" “ชอบมากเลยเพคะ....ขอบพระทัยท่านอ๋อง" เสวี่ยวิ่งเข้าไปในห้องด้วยแววตาที่เปล่งประกายสุกสว่าง พลางใช้มือหยิบสมุนไพรขึ้นมาชื่นชมทีละชิ้น "ท่านอ๋องเพคะ...เหตุใดถึงท่านไม่ยอมเขียนจดหมายมาบอกกล่าวสิ่งใดเลยเพคะ" เสวี่ยอี้เอ่ยถามด้วยความคับข้องในใจ " ข้ามิอยากให้เจ้าต้องเป็นกังวล ตอนไปที่ค่าย...ข้าคิดถึงเจ้าจนแทบจะขาดใจ" เมื่อเสวี่ยอี้ได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดความพึงพอใจยิ่งนัก วิ่งเข้าโอบกอดอ๋องแปดแน่นแสดงถึงความรู้สึกคิดถึงที่เอ่อล้น "จริงหรือเพคะ" อ๋องแปดเผยยิ้มอันอบอุ่น ก่อนที่จะโน้มตัวบรรจงจูบที่ริมฝีปากของเสวี่ยอี้แทนคำตอบของทุกสิ่งภายในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD