“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอครับคุณปริณ”
“ลุงก็รู้ว่าถ้าไม่ทำขนาดนี้ คุณย่าก็คงไม่หยุดจับคู่ให้ผมกับบรรดาลูกหลานเพื่อนคุณย่าหรอกครับ”
ลุงเถกิงเอ่ยถาม พร้อมกับแสดงสีหน้าเป็นกังวล สายตาจ้องมองคุณชายน้อยของตัวเองสลับกับกระดาษสองแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องทำงานของปริณ
ข้างกัน ก็มีสุดเขตยืนอยู่ด้วย เพื่อรอรับเอกสารไปจัดการเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
“แล้วนี่ มีใครไปตามเธอมาพบผมหรือยังครับ” ปริณเอ่ยถามอีกครั้ง เขานั่งรออยู่ในห้องทำงานมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่โดนเรียกจะเข้ามาหา
“สายไปตามแล้วครับ แต่เมื่อกี้มาบอกว่าคุณมุกอาบน้ำอยู่ เสร็จแล้วจะรีบพามาที่นี่ครับ” ลุงเถกิงตอบคำถาม แต่สายตาของชายวัยเกือบหกสิบห้าปีเหมือนยังมีคำถามอยู่
“คุณปริณครับ ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเห็นว่าเธอหน้าตาเหมือนคุณโซเฟียเหรอครับ”
ร่างสูงชะงักเมื่อได้ยินคำถามนั้น ปริณเงยหน้ามองลุงเถกิงเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มเล็ก ๆ ออกมา
“ทำไมลุงถึงคิดว่าผมทำแบบนี้เพราะว่าหน้าเธอเหมือนโซเฟียล่ะครับ ขนาดโซเฟียอยู่ที่นี่ตั้งสองปีผมยังไม่เคยคิดจะทำแบบนี้เลย”
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิงที่ชื่อโซเฟีย มีเพียงปริณกับเธอเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นแบบไหน แต่ก็ไม่แปลกที่ใครต่อใครจะคิดว่าทั้งคู่เป็นคนรักกัน เพราะโซเฟียมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งสองปี และเป็นสองปีที่เขาและเธอมีความสัมพันธ์ทางกายกันมาตลอด
“ลุงคิดว่า บางทีคุณปริณอาจจะรู้สึกผิดที่ไม่เคยคิดจะทำแบบนี้กับคุณโซเฟียน่ะครับ เลยอยากจะแก้ไขเมื่อเห็นหน้าคุณมุก”
“หึ...คิดมากไปแล้วครับลุง ผมไม่เคยคิดแบบนั้นครับ”
ปริณหัวเราะออกมาเพียงเบา ๆ ให้กับความคิดของคนตรงหน้า จริงอยู่ที่ใครอาจจะมองว่ามุกดาเหมือนกับโซเฟียราวกับฝาแฝด แต่ในความรู้สึกของเขา เธอทั้งสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานก็ดังขึ้น พร้อมกับป้าสายทิพย์ที่เดินเข้ามาก่อน และตามหลังด้วยหญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโต จมูกโด่งรับพอดีกับใบหน้า ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู
เธอไม่เหมือนโซเฟียสักนิด
ปริณมองใบหน้าของเธอตาค้าง พอ ๆ กับมุกดาที่มองใบหน้าอีกฝ่ายแน่นิ่งราวกับกำลังถูกมนต์สะกดอยู่
ใบหน้าคมเข้มรับกับดวงตาที่ดูทรงพลัง ริมฝีปากสีเรื่อ จมูกโด่งเป็นสันได้รูป รูปร่างสูงใหญ่กำยำ เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาเลยก็ว่าได้
นี่เป็นครั้งแรกที่มุกดาได้เห็นหน้าคนที่รับตัวเธอมาเพื่อแลกกับหนี้สินจำนวนห้าล้านบาท
“มานั่งตรงนี้สิ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกทำให้สติของเธอกลับมา ขาเรียวเดินไปข้างหน้าแล้วก็หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ลุงเถกิงกับป้าสายไปทำงานตัวเองเถอะครับ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
ได้ยินคำสั่งแบบนั้น ทั้งสองคนก็รีบเดินออกจากห้องไป ทำให้ตอนนี้ภายในห้องทำงานมีเพียงปริณ มุกดา และสุดเขตเท่านั้น
“สวัสดีค่ะ คุณปริณใช่ไหมคะ เอ่อ หรือหนูจะต้องเรียกว่าคุณชายปริณ” ริมฝีปากเล็กขยับพูด ยิ่งทำให้สายตาคมละจากเธอไม่ได้
“จะเรียกอะไรก็แล้วแต่เธอ เอาที่ถนัด”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูเรียกคุณปริณก็แล้วกันนะคะ”
เขาไม่ได้ตอบเป็นคำพูดกลับมา ปริณทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ เพื่อเป็นคำตอบให้เธอเพียงเท่านั้น
“ฉันเข้าเรื่องเลยละกัน ไหน ๆ เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไรถึงได้มาอยู่ในบ้านหลังนี้” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าคมไร้ความรู้สึกจนไม่อาจเดาได้ว่าตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
“ค่ะ หนูทราบดีค่ะ” มุกดาตอบกลับ ตอนนี้เธอรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับท่าทางของเขาแล้วยิ่งพาให้ร่างกายเครียดเกร็ง
“ถ้าอย่างนั้นก็อ่านเอกสารนี้ก่อน”
พูดเสร็จ นิ้วยาวก็ดันเอกสารที่อยู่ตรงหน้าเขามาให้เธออ่าน มุกดาหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแล้วไล่สายตาอ่านช้า ๆ ทุกตัวอักษรอย่างละเอียด
“นี่หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตรงหน้า แล้วถามออกมาด้วยความสงสัย
“ก็หมายความตามในเอกสาร ไม่มีอะไรตุกติก เธอจะต้องจดทะเบียนสมรสกับฉัน เพื่อเป็นไม้กันหมาไม่ให้คุณย่าจับคู่ให้ฉันอีก” ปริณตอบคำถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์
“แต่...เธอจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติ หรือสิ่งของทุกอย่างที่เป็นของฉัน รวมถึงไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันด้วย หน้าที่ของเธอคือเป็นเมียทางนิตินัย และทำให้คุณย่าเชื่อว่าเป็นเมียฉันก็พอ”
พอเขาอธิบายจบ ริมฝีปากสีชมพูก็เม้มเข้าหากันแน่น เธอมีทางเลือกอื่นหรือเปล่าหากไม่อยากจะตกลง ถึงไม่ถามออกไปก็รู้ดีว่าไม่มีทางอื่น
“แต่หนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ”
“เธออายุเกิน 20 ปีแล้วไม่ใช่หรือไง”
ที่เขาพูดมาก็ถูก ตัวเธออายุ 21 ปีแล้ว สามารถจดทะเบียนสมรสได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้ปกครอง
“หน้าที่หนูคือต้องเซ็นเอกสารทั้งหมด แล้วก็ทำหน้าที่ภรรยาทางกฎหมายเท่านั้นใช่หรือเปล่าคะ อย่างอื่นไม่ต้องทำใช่หรือเปล่า”
ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำไม่กล้าสบสายตาคมคู่นั้นเมื่อเอ่ยถามออกไป พูดตามตรงก็คือ ตั้งแต่วันที่ป้าสายบอกว่าเขาชอบชุดนอนสีขาว บวกกับไอ้พวกชุดนอนไม่ได้นอนที่มีอยู่เต็มตู้นั้น ทำเอาเธอนอนไม่หลับมาหลายคืน
และแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่เดียวที่มุกดาไม่ได้ทำตาม เธอไม่เคยใส่ชุดพวกนั้นนอนเลยสักวัน
“ถ้าเธอหมายถึงเรื่องบนเตียง ก็แล้วแต่อารมณ์ของฉัน เตรียมตัวให้พร้อมทุกวันก็พอ ป้าสายคงจะบอกรายละเอียดสิ่งที่เธอต้องทำแล้ว” พูดเสร็จเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “นี่คงไม่ได้คิดว่าฉันแลกเงินห้าล้าน เพื่อให้เธอมาอยู่ฟรีกินฟรีหรอกใช่ไหม”
ร่างเล็กได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ก้อนน้ำตาตีตื้นจุกขึ้นมาในลำคอ อยากจะร้อง แต่ก็ทำได้เพียงกลั้นมันเอาไว้
นั่นสินะ...มันจะมีใครยอมเสียเงินมากมายอย่างนั้นฟรี ๆ อย่างไรเขาก็คงต้องเอาคืนให้คุ้มทุกบาททุกสตางค์อยู่แล้ว
“ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ” มุกดาตอบกลับไป ใบหน้าสวยก้มมองมือตัวเองที่กำเข้าหากันแน่นอยู่บนหน้าตัก
“เรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเรียน ของกินของใช้ อยากได้อะไรก็ให้บอก ฉันจะจ่ายให้ทุกอย่างไม่มีข้อแม้ เธอจะมีเงินเดือนส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวต่างหาก”
“คะ?”
พอปริณพูดจบ มุกดาก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ บางทีเขาก็ดูใจดี แต่บางทีก็เหมือนจะไม่ใช่
“รีบเซ็นเอกสารแล้วก็กลับไปห้องของเธอได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ” เสียงดุ ๆ ของเขาทำให้คนตัวเล็กต้องรีบหยิบปากกามาเซ็นชื่อลงในช่องว่าง ส่วนข้างกันนั้นมีลายเซ็นของเขาเรียบร้อยแล้ว
ร่างเล็กเดินออกจากห้องไป ปริณก็หันมามองสุดเขตที่ยืนรอเอกสารอยู่
“คุณเขตเอาไปจัดการให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ส่วนทะเบียนสมรส หากเรียบร้อยแล้วก็เอามาให้ผมได้เลย”
“ได้ครับคุณปริณ ผมจะรีบจัดการทุกอย่างครับ”
“คุณเขตกลับไปทำงานเถอะครับ วันนี้ผมคงไม่เข้าบริษัทแล้วล่ะ”
ได้ยินแบบนั้น สุดเขตก้มหัวเล็กน้อย แล้วก็เดินออกจากห้องไป
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งพิงกับพนักของเก้าอี้ทำงาน สายตาคมยังจ้องอยู่ที่ประตูหน้าห้องที่คนตัวเล็กเพิ่งเดินออกไป แล้วรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
เป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน แม้แต่กับโซเฟียเองก็ตาม
///////////////////////////////////////////////////////