ตอนที่ 5 กฎในบ้าน

1735 Words
“กฎเหรอคะ?” มุกดาทวนคำด้วยความแปลกใจปนสงสัย ดูเหมือนที่นี่จะมีเรื่องลับลมคมในมากกว่าบ้านคนรวยทั่วไป แถมห้องนอนที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ ทั้งกว้างและการตกแต่งเรียกได้ว่าหรูหราเลยก็ว่าได้ มันดูหรูเกินจะเป็นห้องพักแม่บ้านทั่วไป “ค่ะ ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก จากนี้คุณอยู่ในการปกครองของคุณปริณ จะต้องเชื่อฟังคุณปริณทุกอย่าง” อ่า...คุณป้าแม่บ้านคนนี้ดูเหมือนจะสนิทกับคุณชายอะไรนั่นสินะ ถึงไม่ได้เรียกเขาว่าคุณชายเหมือนคนอื่น ๆ “ค่ะ แล้วนี่หนูต้องทำอะไรบ้างคะ ต้องเช็ด กวาด ปัดถูตรงไหนก่อนคะ” เพราะไม่อยากโดนต่อว่า มุกดาเลยเอ่ยถามถึงงานที่ตัวเองจะต้องทำ แต่สายตาของป้าสายทิพย์ที่มองมานั้น เหมือนกับกำลังแปลกใจกับคำถามของเธอ “เรื่องพวกนั้นคุณไม่ต้องทำค่ะ ที่นี่มีแม่บ้านทำให้อยู่แล้ว ถ้าขาดเหลืออะไรให้แจ้งได้ตลอดค่ะ” ป้าสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อ้าว แล้วหนูไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแม่บ้านเหรอคะ” “แล้วคุณคิดว่า แม่บ้านจะได้นอนห้องแบบนี้หรือเปล่าล่ะคะ” พอหญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบกลับมาจึงทำให้มุกดาฉุกคิด นั่นสินะ จะมีแม่บ้านที่ไหนได้นอนห้องหรู ๆ แบบนี้กัน ถ้าอย่าง เธอต้องอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรกันแน่ หรือว่า... “ส่วนหน้าที่ของคุณ เอาไว้ให้คุณปริณมาเป็นคนบอกเองว่าต้องทำอะไรบ้าง” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงเหมือนจะบอกว่าเธอเข้าใจ แต่ความรู้สึกของมุกดาตอนนี้เธอกำลังกลัว กลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นความจริง นั่นก็คือพ่อขายเธอมาให้เป็น ‘นางบำเรอ’ “เสื้อผ้าของคุณอยู่ในตู้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งชุดธรรมดา ชุดนักศึกษาและชุดชั้นใน ทุกอย่างเป็นของใหม่ทั้งหมด คุณปริณให้แม่บ้านซักรีดเรียบร้อยแล้วค่ะ” ชุดใหม่? แล้วเสื้อผ้าเธอที่อยู่บ้านเก่าล่ะ หมายความว่าจะไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกอย่างนั้นเหรอ “เอ่อ...คือหนูยังมีหลายอย่างที่ไม่ได้เอามาจากบ้านเก่าค่ะ ถ้าเกิดจะขอตัวกลับไปเอาได้ไหมคะ” มุกดาถามขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่ยังมีเอกสารและหนังสือเกี่ยวกับการเรียน ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ที่บ้านเช่า “เรื่องเสื้อผ้าของคุณ คุณปริณจะซื้อใหม่ให้ทั้งหมดค่ะ หากยังขาดเหลืออะไรให้แจ้งได้ตลอดค่ะ ส่วนหนังสือแล้วก็เอกสารต่าง ๆ คุณปริณสั่งคนไปเก็บมาให้แล้วค่ะ และทั้งหมดแม่บ้านก็วางไว้บนชั้นนั้นค่ะ” ป้าสายทิพย์ชี้นิ้วไปยังชั้นวางหนังสือที่อยู่ติดผนัง มุกดาเดินเข้าไปดู แล้วมันก็จริง หนังสือและเอกสารทุกอย่างของเธออยู่ที่นี่หมดแล้ว “นี่หมายความว่า หนูจะไม่ได้กลับบ้านอีกแล้วเหรอคะ” “ใช่ค่ะ จากนี้ ยกเว้นไปเรียน หากอยากจะไปไหนต้องขออนุญาตคุณปริณก่อนค่ะ” อะไร ๆ ก็คุณปริณ นี่ชีวิตของเธอจะต้องถูกควบคุมโดยผู้ชายที่ยังไม่เคยเห็นหน้าอย่างเต็มรูปแบบเลยหรือไง ก็พอเข้าใจได้ว่าถูกพ่อขายมาใช้หนี้ แต่นี่มันแทบจะกลายเป็นการกักขังแล้วหรือเปล่า “อีกอย่าง เวลาจะไปเรียน หรือไปที่ไหน จะต้องให้คนขับรถของที่นี่ไปส่งเท่านั้นค่ะ” ป้าสายทิพย์ยังคงอธิบายต่อเรื่อย ๆ มุกดาถอนหายใจออกมายาว ๆ ไม่รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด แล้วคุณชายปริณที่ว่า เป็นคนแบบไหนก็ไม่รู้ “คือสรุปว่า หนูอยู่ที่นี่เฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ไปไหนก็ไม่ได้ อย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอ่ยถามออกมา คนเรามันจะอยู่เฉย ๆ แบบนั้นได้ยังไง มีหวังเป็นง่อย หรือไม่ก็เฉาตายพอดี “คุณมุกลงไปเดินเล่นในสวน อยากจะว่ายน้ำ หรือทำขนม ทำกับข้าว ทำได้ทุกอย่างค่ะ” “แล้วนอกจากนั้นล่ะคะ คือหนูหมายถึง บางทีก็ต้องมีการออกไปเจอเพื่อนบ้าง เพราะยังไงหนูก็ยังเรียนอยู่ ยังมีรายงาน มีงานกลุ่มที่ต้องทำด้วยกัน” ใช่ไหมล่ะ คนเรามันต้องมีสังคมบ้างสิ จะมากักขังกันไว้แต่ในบ้านหลังใหญ่ ๆ อย่างนี้ได้อย่างไร “ถ้าเรื่องนั้นก็ตามที่ป้าบอกไปตั้งแต่ทีแรกค่ะ จะไปไหนให้ขออนุญาตคุณปริณก่อน ถึงจะไปได้ค่ะ” เฮ้อ...สุดท้ายก็วกมาแบบนี้อีกจนได้ “แล้วอีกเรื่องที่คุณมุกต้องทำตามก็คือ ทุกคืน จะต้องสวมชุดนอนสีขาวที่เตรียมไว้ให้ในตู้นะคะ เพราะคุณปริณชอบสีขาวค่ะ” กำลังจะทำใจได้ที่ต้องอยู่ที่นี่ ก็ต้องมาหยุดชะงักกับคำพูดของป้าสายทิพย์อีกครั้ง แล้วหลังจากพูดจบ ป้าสายก็เดินออกจากห้องโดยที่ไม่รอให้ถามอะไรอีกเลย ร่างเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่บิ้วอินติดกับผนังห้อง สองมือเปิดตู้ออกอย่างช้า ๆ แล้วก็อย่างที่ป้าสายบอกเธอเอาไว้ ที่นี่มีเสื้อผ้าที่จำเป็นครบถ้วนหมดแล้ว ทั้งชุดนักศึกษา เสื้อ กางเกง หรือแม้แต่ชุดชั้นใน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขารู้ขนาดตัวเธออย่างไร แต่ขนาดของเสื้อผ้าทุกชุดนั้น มันพอดีกับไซส์ของเธอ แล้วดวงตาคู่สวยก็เหลือบมองยังประตูอีกบานของตู้เสื้อผ้า ถ้าให้เดา ข้างในก็คงเป็นชุดนอนสีขาวที่ป้าสายบอกเอาไว้ มุกดาเอื้อมมือไปเปิดดู แล้วหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบ ทั้งหมดที่อยู่ข้างในเป็นชุดนอนสีขาวลูกไม้แบบบาง ชนิดที่ว่าถ้าใส่ก็คงเห็นทะลุไปถึงทุกส่วนในร่างกาย น้ำใสค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้ม เมื่อรู้ตัวแล้วว่าจากนี้ไปต้องเจอกับอะไรบ้าง และเธอก็มาอยู่ที่นี่ในฐานะ ‘นางบำเรอ’ จริง ๆ Rrrrrr ระหว่างที่ในหัวสมองกำลังคิดอะไรมากมาย เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น มุกดารีบเดินไปหยิบออกมาดู ก็เห็นเป็นน้ำใสที่วิดีโอคอลมาหา แต่เธอเลือกที่จะตัดสายทิ้งไป แล้วก็เลือกที่จะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนแทน ‘โทษทีน้ำ เราอยู่ในห้องน้ำน่ะ เลยรับสายไม่ได้’ น้ำใส : ฉันแค่จะบอกว่า วันจันทร์อย่าลืมเอารายงานมา ส่งด้วยนะ ‘โอเค ไม่ลืม’ มุกดาพิมพ์ข้อความตอบกลับไป แล้วก็ไม่ได้ส่งอะไรไปหาเพื่อนอีก ที่ไม่รับสาย ก็เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนเห็นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เธอยังไม่พร้อมจะเล่าให้ใครฟังถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น มันทั้งน่าอายและน่าสมเพช ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม ๆ มันทั้งนุ่มและสบายกว่าที่นอนเก่า ๆ ของเธออย่างเทียบกันไม่ติด แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะนิสัยเป็นยังไง ใจร้ายหรือเปล่า จะกดขี่ข่มเหงเธอมากแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ทำไมพ่อถึงได้ทำแบบนี้ ทั้งที่หนี้ก้อนนั้นเธอไม่ได้กิน ไม่ได้ใช้ด้วยเลยสักบาท เปลือกตาคู่สวยปิดลง ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น คงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ไม่นานก็คงจะทำใจได้ ก๊อก ก๊อก... เสียงดังมากจากทางประตูห้อง มุกดารีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปเปิดประตู แล้วก็เห็นว่าเป็นแม่บ้านที่ชื่อพี่แก้วยืนอยู่ข้างหน้า “พี่แก้วมีอะไรจะให้หนูทำหรือเปล่าคะ” “เปล่าหรอกค่ะคุณมุก พอดีพี่แค่จะมาบอกคุณมุกว่าอาหารเย็นจะตั้งโต๊ะตอนหกโมงตรงนะคะ” ใบหน้าน้อย ๆ พยักขึ้นลงเมื่อได้ยินในสิ่งที่คนตรงหน้าบอก “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ว่าแต่ คุณมุกอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า พี่จะได้บอกแม่ครัวทำให้ค่ะ” พี่แก้วยังคงถามต่อ เธอดูเป็นมิตร และน่าจะอายุห่างกันไม่มากเท่าไหร่ “ไม่ค่ะ หนูกินอะไรก็ได้ค่ะ ไม่เรื่องมาก” มาถึงตอนนี้จะให้เรื่องมากได้อย่างไร มีอะไรก็กินได้ทั้งนั้นแหละ เรื่องอาหารมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด ถ้าเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอวันนี้ “ถ้าอย่างนั้น หกโมงอย่าลืมลงไปที่ห้องอาหารนะคะ ถ้าไปไม่ถูกก็ถามแม่บ้านได้ค่ะ” “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องทำใจดีสู้เสือ มุกดาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง เลือกชุดที่ใส่สบายและดูไม่โป๊ จากนั้นก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ ที่นี่ เตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอพร้อม ไม่ขาดเหลืออะไรสักอย่างเดียว 18.00 น. ร่างเล็กเดินมายังห้องอาหารตามที่แม่บ้านชี้บอก พอมาถึงมุกดาก็เห็นโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ ที่น่าจะนั่งได้เกือบยี่สิบคน บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่หลายอย่าง แต่มีจานสำหรับใส่ข้าววางอยู่แค่ใบเดียว “หนูต้องกินข้าวที่นี่คนเดียวเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก “วันนี้คุณมุกต้องทานคนเดียวค่ะ เพราะว่าคุณชายติดธุระ กว่าจะกลับก็คงดึก แต่ถ้าวันไหนคุณชายว่าง ก็จะทานที่นี่ด้วยกันค่ะ” เอาเถอะ อย่างน้อยผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้เธออดตาย มีอาหารดี ๆ ให้กิน มีคนคอยดูแล ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ลองพยายามใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้ดีก็แล้วกัน ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD