วันศุกร์
ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังด้านหน้าคลาสเรียนที่มีอาจารย์กำลังยืนสอนอยู่อย่างตั้งใจ มือเล็กจับปากกาแล้วรีบจดทุกอย่างที่เห็นบนกระดานไวท์บอร์ดลงในสมุดของตัวเอง เพื่อที่จะได้เอากลับไปอ่านทบทวน
มุกดาเลือกเรียนคณะบริหารสาขาวิชาการตลาด เธอชอบทางด้านนี้ และคิดว่าคงเป็นสิ่งที่จะทำให้ต่อยอดการทำงานในอนาคตได้ดี
คลาสบ่ายเรียนเพียงสองชั่วโมงก็เสร็จ ร่างเล็กลุกจากเก้าอี้แล้วรีบเก็บของเพื่อจะกลับบ้าน
“มุก ไปกินไอติมด้วยกันก่อนปะ เนี่ย รุณก็ไป” น้ำใสที่เป็นเพื่อนสนิทเอ่ยถาม แล้วพยักพเยิดหน้าไปหาการุณเพื่อนสนิทอีกคน
“เอาไว้คราวหลังนะน้ำ วันนี้เราเหนื่อย ๆ น่ะ อยากจะกลับบ้านไปนอนพัก” เพราะทุก ๆ คืน ได้ยินแต่เสียงพ่อกับแม่เลี้ยงทะเลาะกันเรื่องที่จะเอาเธอไปแลกกับหนี้ก้อนโต ทำให้นอนแทบไม่หลับมาหลายวันแล้ว
“ไปแป๊บเดียวเองมุก หน้ามหา’ลัยนี่เอง” การุณยังคงพยายามชวนต่อ สายตาของเขามองดูมุกดาด้วยแววตาขอร้อง
“ขอโทษนะรุณ เอาไว้คราวหลังนะ พวกแกสองคนไปกินกันเถอะ” แต่มุกดาก็ยังยืนยันคำตอบเช่นเดิม
เมื่อพยายามชวนแล้วแต่เธอไม่ไป เพื่อนทั้งสองคนก็ขอตัวออกไปก่อน ส่วนมุกดาเก็บของเสร็จพอดีก็รีบเดินไปหน้ามหา’ลัยเพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน
แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล ก็มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งมาจอดเทียบฟุตบาท จากนั้นก็มีผู้ชายสองคนเดินลงมาจากรถ แล้วมายืนดักหน้าเธอเอาไว้
“คุณมุกดาหรือเปล่าครับ” หนึ่งในสองของผู้ชายที่มายืนอยู่ตรงหน้าเธอเอ่ยถาม
“อยากรู้ไปทำไมคะ” มุกดาตอบออกไปแบบแบ่งรับแบ่งสู้ สองคนนี้หน้าตาก็ดูไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่คนเราก็ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละ
“คุณชายปริณส่งพวกผมให้มารับตัวคุณไปที่บ้านครับ” พวกเขาตอบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันทำให้คิ้วมนขมวดเข้าหากันเป็นปม เธอไม่เห็นจะรู้จักคุณชายอะไรนั่นที่พวกเขาเอ่ยออกมาเลยสักนิด
“ฉันว่าคงมีเรื่องเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้รู้จักกับพวกคุณ แล้วคุณชายอะไรที่พวกคุณพูดถึงฉันก็ไม่รู้จัก” ระหว่างที่ตอบ ขาเรียวก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังเพื่อแน่ใจว่าตัวเองจะยังปลอดภัยดี สายตาเริ่มมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เกี่ยวครับ เพราะนายมารุตพ่อของคุณได้ยกคุณให้กับคุณชายปริณแล้วครับ เพื่อแลกกับหนี้”
พอได้ยินคำตอบร่างเล็กแทบจะทรุดลงกับพื้น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย บางทีพวกนี้อาจจะเป็นเจ้าหนี้ก็จริง แต่กำลังแอบอ้างว่าพ่อเธอยกให้ แล้วถือวิสาสะมาเอาตัวไป
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปถามพ่อก่อน” มุกดาตอบออกมาแล้วกำลังหันหลังจะเดินไปทางอื่น
“ไม่ต้องถามหรอกครับ คุณมุกดาสามารถดูเอกสารที่พวกผมเอามาได้ครับ เพราะนายมารุตถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับคุณอีกนับจากนี้”
พูดเสร็จ ทั้งสองคนก็ยื่นเอกสารที่ตัวเองเตรียมมาให้เธอดู มือเล็กยื่นออกไปรับช้า ๆ ด้วยความวิตกกังวล พอได้เห็นและอ่านเอกสารในมือก็ทำให้น้ำตาร่วงเผาะลงบนแผ่นกระดาษ
มันเป็นสัญญาที่พ่อเธอลงชื่อและประทับลายมือว่าได้ยอมยกเธอให้กับผู้ชายที่ชื่อว่าปริณ เพื่อแลกกับหนี้ทั้งหมดที่ติดค้างอยู่ ไม่เพียงแค่นั้น มันยังมีใบสูติบัตร และเอกสารส่วนตัวของเธออีกหลายอย่าง ที่ถ้าไม่ใช่พ่อ คนอื่นก็คงเอามาไม่ได้
“ขึ้นรถเถอะครับคุณมุกดา คุณชายปริณบอกว่ามีอะไรก็ให้ไปถามท่านตอนเจอหน้ากันครับ แล้วท่านยังฝากมาบอกว่า อย่าได้คิดหนี หรือขัดขืน ถ้าไม่อย่างนั้น จะกลับไปทวงหนี้กับคุณพ่อของคุณครับ”
มันเหมือนเป็นประโยคบอกเล่า แต่ก็ฟังดูเหมือนเป็นคำขู่อยู่ในที ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวอย่างเธอคงไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ จะตะโกนให้คนช่วย ก็เกรงว่ามันอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม
มุกดายอมขึ้นมาบนรถที่จอดรออยู่บ้างฟุตบาท เธอเข้ามานั่งตรงเบาะหลังซึ่งมีผู้ชายหนึ่งคนขึ้นมานั่งคู่กัน ส่วนเบาะหน้า ก็มีคนขับและผู้ชายอีกคนที่ลงไปพูดกับเธอเมื่อกี้นั่งอยู่
รถเก๋งสีดำแล่นมาตามทางที่เธอไม่คุ้นเคย นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ในเมืองหลวงผู้คนสัญจรพลุกพล่าน พลันน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มเนียน
‘ในที่สุดพ่อก็ทำแบบนี้จริง ๆ’ ศีรษะทุยเอนพิงหน้าต่างรถ ในแต่นึกน้อยอกน้อยใจที่ตัวเองเป็นลูกแท้ ๆ แต่กลับถูกพ่อเอามาขายใช้หนี้
“คุณมุกดาอย่าร้องไปเลยครับ ไปอยู่กับคุณชายไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ท่านไม่ได้จะเอาคุณไปขายต่อที่ไหน แค่ให้ทำงานในบ้านแค่นั้นครับ”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังด้วยกันพูดขึ้น แล้วหันมามองหน้าเธอเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองตรงเช่นเดิม
“คุณก็พูดได้สิคะ เพราะคุณชายอะไรนั่นเป็นเจ้านายของพวกคุณ ถึงจะบอกว่าไม่เลวร้าย แต่ฉันโดนขายมาใช้หนี้นะ ถ้าคุณมีลูกสาว จะทำแบบนี้หรือเปล่าล่ะคะ”
คำถามในประโยคสุดท้ายทำเอาพวกเขานิ่งอึ้งไม่กล้าพูดอะไรต่อ แล้วภายในรถก็ตกอยู่ใต้ความเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ จากร่างเล็กที่ยังพิงหน้าต่างรถอยู่เช่นเดิม
ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ รถก็เลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ มุกดาใช้สายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อสำรวจบริเวณบ้าน ที่นี่ทั้งกว้าง บ้านก็หลังใหญ่ จะเรียกว่าบ้านคงไม่พอ มันต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก และเมื่อรถจอดสนิท ผู้ชายทั้งสามคนก็เปิดประตูลงจากรถ
“ถึงแล้วครับคุณมุกดา ลงมาเถอะครับ” หนึ่งในสามเดินมาเปิดประตูรถด้านที่เธอนั่งแล้วเอ่ยบอก
ขาเรียวก้าวลงจากรถด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็ยังใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ผู้หญิงที่น่าจะอายุมากกว่าเธอหลายปียืนอยู่ ซึ่งพวกเธอทุกคนสวมชุดเหมือนกัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นแม่บ้านของที่นี่
สองมือเล็กรีบยกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่จนแห้งสนิท แล้วก็หันไปมองผู้ชายที่เพิ่งพาเธอมา สายตาเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย
“ทั้งหมดเป็นแม่บ้านของที่นี่ครับ จะคอยดูแลคุณและคอยบอกรายละเอียดต่าง ๆ ที่คุณอยากรู้ครับ”
ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงเบา ๆ แล้วก็หันกลับมามองผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า
“สวัสดีค่ะ” มุกดายกมือขึ้นสวัสดี อย่างน้อย ๆ ทำตัวอ่อนน้อมไว้จะได้ไม่โดนหมั่นไส้ตั้งแต่วันแรก เพื่อให้ตลอดเวลาที่ต้องอยู่ที่นี่ราบรื่น
“ตามแก้วมาทางนี้ได้เลยค่ะ” หนึ่งในสี่ของแม่บ้านที่ยืนอยู่พูดขึ้น จากนั้นก็เดินนำหน้าเธอเข้าไปข้างใน
“เอ่อ พี่ชื่อแก้วเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ ถ้าคุณต้องการอะไรเรียกได้ตลอดเวลานะคะ”
ยิ่งได้ฟังมุกดาก็ยิ่งสงสัย เธอมาที่นี่เพื่อทำงานชดใช้เงินที่พ่อเป็นหนี้ แต่ทำไมคนพวกนี้ปฏิบัติกับเธอแปลก ๆ เหมือนเกรงใจอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เธอก็จะมาเป็นคนใช้เหมือนกัน
“พี่แก้ว อย่าเรียกคุณเลยค่ะ เรียกมุกเฉย ๆ ก็ได้” มุกดารีบเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณชายสั่งเอาไว้ค่ะ”
เอาอีกแล้ว คุณชายอะไรนั่นอีกแล้ว นี่ตกลงเธอต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรกันแน่
มุกดาได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ เพราะดูท่าทางถามไปคงไม่ได้คำตอบอะไรมากไปกว่านี้เล้ว นอกเสียจากคำว่า ‘คุณชายสั่ง’
สองเท้าก้าวเดินตามแก้วขึ้นมาบนชั้นสอง จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง
“ห้องนี้เป็นห้องนอนของคุณมุกนะคะ เข้าไปข้างในได้เลยค่ะ ป้าสายรออยู่ข้างในแล้ว"
“ป้าสาย?”
มุกดาทวนชื่อที่เพิ่งเคยได้ยินอย่างสงสัย มันต้องมีอีกกี่คนที่เธอต้องทำความรู้จัก และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ประตูห้องเปิดออก ก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ด้านในหนึ่งคน คงจะเป็น ‘ป้าสาย’ ตามที่แม่บ้านคนเมื่อกี้บอกเอาไว้
เธอก้าวเข้าไปข้างในห้องด้วยท่าทีระมัดระวัง แล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่อยู่ด้านใน จากนั้นมุกดาก็ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณมุก ป้าชื่อสายทิพย์นะคะ เรียกว่าป้าสายก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ยุ่งยาก”
ระหว่างที่ป้าสายแนะนำตัวให้เธอรู้จัก สายตาของหญิงวัยกลางคนราวกับกำลังแปลกใจที่ได้เห็นใบหน้าของเธอ
“ยังไงก็เข้าเรื่องเลยนะคะ” ป้าสายพูดขึ้น “ที่นี่เป็นห้องนอนของคุณมุกก็จริง สามารถใช้สอยทุกอย่างได้ตามใจ แต่มันก็จะมีกฎที่คุณมุกต้องทำตามด้วยค่ะ”
“กฎเหรอคะ?” อีกครั้งที่มุกดาต้องแปลกใจ เมื่อได้ยินคำบอกของคนตรงหน้า
สรุปแล้วไอ้คฤหาสน์หลังนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วคุณชายอะไรนั่นเป็นคนยังไง แค่จะมาเป็นแม่บ้านทำไมถึงได้มีแต่เรื่องแปลก ๆ เยอะแยะมากมาย
///////////////////////////////////////////////////////