ตอนที่ 2 มีคนที่ชอบอยู่แล้ว -2-

2837 Words
มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อัดแน่นไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตา แต่ละคนมีทั้งความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะหาความรู้ และจบไปมีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีเงินมากพอที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้เป็นร่มเงาบังแสงแดดที่สามารถแผดเผาผิวสวย ๆ ของเหล่านักศึกษาทั้งชายและหญิงได้หากไร้การป้องกัน ลมผัดผ่านจากสระน้ำพุขนาดใหญ่ ทำให้ได้ทั้งกลิ่นอายความสดชื่น และยังมีลมเย็น ๆ คอยปลอบประโลมคนที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนอย่างสองสาวเพื่อนซี้ได้เป็นอย่างดี “เพ~ ฉันจะตายก่อนเรียนจบมั้ย?” “มีนะ... คนตายเพราะเรียนหนักน่ะ” “อย่าพูดสิ ฉันกลัวหลับไปแล้วใหลตายไปเลยทำไง” ภาพคุ้นตาของใครหลายคน ที่จะเห็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หรือ 4 มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ เพราะในช่วงเวลานี้ แค่เวลาจะนอนก็แทบไม่มี ไม่ต้องนึกถึงการจะเข็นร่างตัวเองให้ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมให้ดูสวยเลย เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งคือการนอนเท่านั้น เด็กสาววัย 21 ปี ฟุบหน้าลงบนกระเป๋าผ้าของตน ในกระเป๋าใบใหญ่สีเขียวขี้ม้านั้น เต็มไปด้วยชีตเรียน อีกทั้งยังมีแบบสอบถามการทำวิจัยที่เธอกำลังทำอยู่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาหมอนอันเล็ก ๆ ของตัวเองติดมาด้วย ไม่รู้จะได้ใช้หรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจ เอามาไว้ก่อน ปริม และ เพกา เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งสมัยมัธยม ด้วยเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อ ทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แน่นอนว่าเพกาไม่โสดแล้ว แถมแฟนหนุ่มของเธอมีดีกรีเป็นนักเรียนนอก พ่วงด้วยลูกชายคนเดียวของประธาน สายชล อัศวโภคิน ประธานและผู้บริหารของบริษัท SS โภคภัณฑ์ จำกัด มหาชน อีกต่างหาก แต่หากถามว่าทำไมเธอถึงไม่ตามแฟนหนุ่มไปเรียนที่ต่างประเทศล่ะ? เรื่องง่าย ๆ ก็คือพ่อของเธอไม่อนุญาต เกรงว่าจะได้อุ้มหลานก่อนเรียนจบ! ชีวิตรักของเพกาช่างน่าอิจฉา และก็น่าสงสารด้วยเช่นกัน ‘ซัน’ แฟนหนุ่มของเธอเรียนหนักเพราะใกล้เรียนจบแล้ว แถมเวลาของทั้งคู่ยังต่างกันหลายชั่วโมง หลัง ๆ มาก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่เมื่อหน้าเทศกาล หรือวันหยุดยาว เขาก็มักจะแอบบินกลับมาหาเธออยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นความหวานที่ไม่มาก แต่ก็ลงตัว ต่างจากปริม ที่ยังหวงแหนความโสดจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่ไม่มีใครมาจีบ แต่เพราะหัวใจของเธอไม่ว่างมากกว่า จะ 4 ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าของเขาเลย แม้แต่เสียงก็แทบไม่ได้ยิน จะเห็นก็ต่อเมื่อมีข่าวในแวววงสังคมที่ชายหนุ่มได้ติดสอยห้อยตามผู้เป็นเจ้านายอยู่บ้าง สงสัยเขาคงจะเกินเอื้อมเกินไปจริง ๆ สินะ “นี่ ๆ มาดูนี่สิ!” เพกาเขย่าตัวคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับให้ตื่นขึ้นมาดูข่าวดีของตน ตอนนี้ปริมแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว แถมคาบต่อไปก็ยังต้องเรียนยิงยาว 3 ชั่วโมงติดอีก ขอร้องให้เธอได้พักบ้าง “เพ~ ฉันอยากนอน” “เอาน่า ๆ รับรองแกเห็นรูปนี้แกตื่นแน่!” เพกาทำเสียตื่นเต้น ก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือให้เพื่อนสนิทดู เด็กชายตัวเล็กวัย 3 กำลังใกล้จะ 4 ขวบ ในชุดลำลอง กำลังสะพายกระเป๋าเป้ พร้อมใส่หมวก อย่างกับว่ากำลังเตรียมตัวไปทำอะไรสักอย่าง ใบหน้าน่ารักหันมายิ้มแป้นใส่กล้องอย่างอารมณ์ดี ภาพนี้มันมีพลังมากพอจะขุดให้คนที่ง่วงสุด ๆ ตาโตได้เลย “จะเข้าโรงเรียนแล้วนะ ลูกของแพรวาน่ะ” เพกายิ้มอย่างภูมิใจ อย่างกับว่าตัวเองเป็นคลอดเด็กคนนี้ออกมาเอง “ตอนแรกก็คิดนะว่าเด็กคนนี้จะโตมาอย่างไร ฉันคิดไปถึงว่าแพรวาอาจจะทิ้งเด็กคนนี้เลยก็ได้ แต่...” ปริมจ้องมองรูปภาพของเด็กชาย ที่ตอนนี้ทั้งเธอและเพกาเอง ก็เปรียบดั่งแม่ทูนหัว แม้จะไม่ได้ไปเยี่ยมตอนคลอด เพราะแพรวาย้ายไปยังแคนาดาก็ตาม “... โตมาอย่างดีเลยนะ” แพรวาเจอมรสุมชีวิตลูกใหญ่ ไม่ใช่ว่าใครจะผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปได้ง่าย ๆ ทุกวันนี้เธอก็ยังหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ แต่เด็กที่เกิดมาก็ไม่ได้ผิดอะไร เลยเลี้ยงเขาเอาไว้ แม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดจากตราบาปที่เธอไม่มีวันลืมก็ตาม “พี่ปริมคะ” เสียงเด็กสาวเรียกให้สองเพื่อนซี้หันไปมอง ก็เจอกับรุ่นน้องในคณะเดียวกันยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความเขินอายกับเพื่อน 3 คน จนในที่สุด คนที่เอ่ยทักก็เดินเข้ามา “คือ... พี่จำหนูได้มั้ยคะ?” “อะ... อ่อ~ น้อง...” ปริมหันไปหาเพื่อนสาวอย่างต้องการความช่วยเหลือเพราะคนตรงหน้าแค่คุ้นเฉย ๆ แต่ให้จำก็จำไม่ได้ แน่นอนว่าเพกาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะหน่วยความจำหน้าและชื่อของคนเธอก็บกพร่องเหมือนกัน “วินเทอร์ค่ะ” เด็กสาวรุ่นน้องเป็นคนตอบเอง “ใช่ ๆ น้องวินเทอร์นี่เอง” ปริมยิ้มกลับอย่างแห้ง ๆ แน่นอนว่าเพกาที่เห็นคนไหลตามน้ำเก่งแบบเพื่อนสาว ก็แอบหันไปหัวเราะเบา ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของปริมและดวงตากลมโตสวยที่กำลังจ้องสาวน้อยตรงหน้า มันทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วและแรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก แทบจะลืมคำที่กำลังจะเอ่ยออกไปหมด “คือว่า...” เด็กสาวยังอ้ำอึ้ง ยืนบิดไปมาเพราะไม่กล้าจะพูดสิ่งที่คิด “ไหวมั้ยเรา หืม~?” ปริมที่ไม่รู้เรื่องอะไร กำลังใช้ดวงตาคมที่วันนี้ตวัดอายไลน์เนอร์เบา ๆ แค่ต้องการให้ดวงตาของเธอเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเด็กสาว จนคนที่ถูกจ้องแข็งทื่อไปพักใหญ่ คิ้วสวยถูกจัดแต่งให้เข้ากับใบหน้ารูปไข่ของเธอกำลังขมวดมุ่นเพราะไม่เข้าใจกับกิริยาของรุ่นน้องคนนี้เลยสักนิด มือบางเอื้อมไปจับแขนของรุ่นน้องเบา ๆ กลายเป็นว่าใบหน้าของเด็กสาวค่อย ๆ มีเลือกสูบฉีดจนแดงเถือกไปถึงใบหนู “เป็นอะไรหรือเปล่า?” ปริมลุกขึ้นยืนมองเด็กสาวตรงหน้าที่ตัวเล็กกว่าเธอเล็กน้อย แต่มันยิ่งใกล้เข้าไปอีก จนเด็กสาวทนไม่ได้ คว้าร่างอรชรของรุ่นพี่เข้าไปกอด พร้อมซุกหน้าลงบนอกนิ่ม อย่างกับว่าต้องการมัดมือชกเธอซะ!! “เฮ้ย!” “หนูชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาก ๆ ด้วย คบกับหนูเถอะนะคะ!!” รอบข้างเงียบสนิท ปริมอึ้ง เพกาอึ้ง รวมถึงเจ้าคนที่คอยสังเกตการณ์ก็โคตรจะอึ้ง ไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร โดนสั่งไว้ให้เป็นไม้กันหมา แต่สถานการณ์แบบนี้จะเป็นไม้อย่างไรกันเล่า!? “อะ... อะไรวะเนี่ย!?” ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปริมมีประสบการณ์แบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดนจู่โจมแรงขนาดนี้ เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร เธอส่งสายตาไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งตกตะลึงอยู่ใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนเธอจะเครื่องค้างไปเสียแล้ว พลันสายตาไปบรรจบกับคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแทน ‘ช่วยด้วย’ ปริมวาดริมฝีปากให้คนที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์นี้ให้ช่วย อรรถที่ได้สติก็กระชับสายกระเป๋าสะพายแน่น แม้ความจริงไม่อยากจะยุ่งเท่าไหร่ แต่ท่องไว้ว่า ค่าเทอม ค่าเทอม เขาเลยต้องจำใจก้าวเท้าออกไปอย่างองอาจ เพื่อเป็นบุรุษม้าขาวช่วยหญิงสาว จากหญิงสาวอีกคน “โทษทีน้า~ แต่คนนี้แฟนพี่ คงจะให้น้องวินเทอร์ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ” เห่ยสุด ๆ! เด็กสาวยอมคลายกอดของเธอออก ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขิน สายตาอันหวานฉ่ำค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นการดูถูกเหยียดหยันแทน แขนเล็กยกขึ้นกอดอก เชิดหน้ามองต่ำใส่รุ่นพี่ผู้มาใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดมาเมื่อกี้ เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด! “จะให้ฉันเชื่อเหรอคะ? ว่าพี่อรรถกับพี่ปริมเป็นแฟนกัน” เด็กสาวเบ้ปากให้เห็นอย่างชัดเจน จนชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวรู้สึกฉุนจนมุมปากกระตุก “พี่ปริมไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอกค่ะ” ก็น่าเห็นใจคนมาช่วยนะ เพราะดูเหมือนจะโดนตอกกลับจนเจ็บจี๊ดที่กระดองใจ มิหนำซ้ำคนที่เพิ่งขอความช่วยเหลือจากเขา ยังแอบหันไปหัวเราะจนไหล่สั่น! “แหม~...” “โอเค ๆ พอก่อน ๆ” ปริมกางแขนห้ามทั้ง 2 ทัพก่อนเกิดสงคราม และหันไปหาเด็กสาวที่ยังจ้องมองอรรถด้วยการมองเหยียดไม่หยุด “น้องวินเทอร์ พอดีพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงค่ะ เข้าใจพี่หน่อยนะ” “ไม่ลองดูก่อนเหรอคะ?” รุ่นน้องจอมดื้อด้าน เปลี่ยนสายตาหันมาอ้อนวอนปริมทันที เธอชอบรุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยด้วยซ้ำขนาดทรงผม แม้จะแค่ดันลอนธรรมดาปล่อยยาวถึงกลางหลัง เธอก็ยังทำตามรุ่นพี่ที่ตนชื่นชอบ พยายามรวบรวมความกล้าเกือบ 2 ปีเพื่อมาบอกความในใจ แต่กลับถูกปฏิเสธทันที “ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ นะคะ” ปริมยิ้มให้รุ่นน้อง แววตาของเธอค่อย ๆ ฉายแววเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปริมปฏิเสธคนที่มาสารภาพความรู้สึกกับเธอ และมุขที่เธอใช้ก็มุกเดิม ๆ คือบอกไปเลยว่าตัวเองมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่แต่งแต่อย่างใด แต่มันเป็นความจริงที่เธอเก็บเอาไว้ในใจมาหลายปี เด็กสาวรุ่นน้องเดินคอตกกลับไปหาเพื่อนที่รอปลอบใจอยู่ห่าง ๆ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมฟุบหน้าลงบนกระเป๋าผ้าใบโปรด ส่วนคนมาใหม่ดูเหมือนจะยังติดใจกับเรื่องที่ได้ยิน เลยทิ้งตัวนั่งใกล้ ๆ คนขี้เซาอีกคน “ปริม... แกมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ?” อรรถถามเพราะอยากรู้ เพราะนี่จะเป็นข้อมูลสำคัญที่เขาจะเอาไปแลกค่าครองชีพของตัวเอง แต่ก็แอบนึกสนุกด้วย อยากเห็นคุณอาจอมโหดคนนั้นดิ้นพล่านเพราะตัวเองกำลังจะโดนเด็กที่เฝ้ามองมานานเท “อย่าบอกนะ ว่าแกชอบไอ้ปริมมัน” เพกาที่เฝ้าดูเหตุการณ์เท้าคางถาม ขนาดว่าตาจะปิดอยู่แล้ว เธอยังมีแรงมาต่อปากต่อคำกับชายหนุ่มอีก “ก็แค่อยากรู้ ว่าที่พูดมันเรื่องจริง หรือว่าแค่แกล้งบอกให้น้องเขาตัดใจ” “เรื่องจริง” ปริมที่ฟุบอยู่นานเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามที่คาใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองอรรถที่ถือวิสาสะมานั่งข้างหล่อน “ผิดเหรอ?” แววตาของปริมกำลังหงุดหงิด ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือการนอน แต่กลับมีคนคนหนึ่งกำลังทำลายบรรยากาศอันแสนสงบที่เพิ่งได้มา “ปะ... เปล่า ๆ” ชายหนุ่มเมื่อเห็นแววตาของกอริลลายักษ์ของปริม ก็กระถดตัวถอยห่างทันที ก่อนจะค่อย ๆ ลุกออกไปอย่างช้า ๆ หากยังกวนพวกเธอมากไปกว่านี้ รับรองได้โดนฝูงกอริลลาสองตัวรุมขย้ำแน่! อรรถที่เรียนคณะ และสาขาเดียวกับสองสาวได้แต่สงสัย คนที่ ปริมชอบนั้นคือใคร เพราะตั้งแต่รู้จักพวกหล่อนก็จะ 3 ปีแล้ว แต่ตนเองก็ไม่เคยเห็นปริมปลื้มผู้ชายหน้าไหน จะบอกว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ เพราะไอ้เหตุการณ์เมื่อกี้ก็บอกชัดเจนแล้วว่าเจ้าหล่อนยังชอบผู้ชายอยู่... หรือว่า “ไม่ใช่ฉันหรอกน่า~” ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นหน้ามั่นใจมาจากใครกัน ทันทีที่ออกจากจากระยะอันตราย มือถือของเขาก็ต่อสายตรงไปหาธนาคารของตนเองทันที [มีอะไร?] “รับสายเร็วจังเลยนะครับ” อรรถหัวเราะแฮะ ๆ จนปลายสายรู้สึกรำคาญ [วางล่ะ] “เดี๋ยวก่อนสิครับ โถ่อาก็...” เด็กหนุ่มส่ายหัวเบา ๆ รู้สึกได้เลยว่าสองคนนี้เหมือนกันชะมัด ทั้งเรื่องความอดทนต่ำ และชอบใช้ความรุนแรง “คุณอาโอนเงินให้ผมสัก 5,000 ได้หรือเปล่าครับ?” [ฉันจะวางจริง ๆ แล้วนะ] เงินเพียงเท่านี้ สำหรับพีไม่ได้เยอะอะไร แต่ดูเหมือนไอ้เจ้าเด็กนี่ จะไม่รู้กาลเทศะเกินไปหน่อยหรือเปล่า คิดว่าเขาเป็นอะไร... เป็นกระเป๋าเงินส่วนตัวของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!? “เดี๋ยวก่อนสิครับ! มันเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ นะ เกี่ยวกับปริมที่แทบไม่มีใครรู้เลย” พอได้ยินชื่อนี้ พีก็หยุดชะงักไปพักหนึ่ง เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอแล้วเขายังไม่รู้กัน แต่ที่น่าหงุดหงิดก็คือไอ้เด็กเวรนี่ดันมารู้ก่อนนี่สิ! [โอนให้ก่อนครึ่งหนึ่ง] “ดีล!” สักพักเสียงแจ้งเตือนของข้อความธนาคารก็เข้ามาทันที ในจำนวนเงินครึ่งหนึ่งจากที่เด็กหนุ่มขอไว้ อรรถเลยต่อสายตรงหน้าคุณอาจอมโหดอีกครั้ง [เรื่องอะไร?] “ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีคนมาจีบปริมครับ แน่นอนว่าผมทำหน้าที่ไม้กันหมาให้เรียบร้อย” [มันเป็นใคร?] สำหรับพีแล้ว แค่รู้ว่าเด็กสาวของตัวเองกำลังโดนหมายตาก็รู้สึกเดือดแทบหยุดไม่อยู่ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าตัวเขาจับจองเธอมานานแค่ไหน กล้าดีอย่างไรคิดจะชุบมือเปิบ! “ใจเย็น ๆ ครับคุณอา คราวนี้ถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นรุ่นน้องผู้หญิงคณะเดียวกันมาจีบ และปริมเองก็ปฏิเสธไปแล้ว” [ผู้หญิง?] พีฉุกคิดสักครู่ ก่อนจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยตอนนี้เจ้าหล่อนก็ยังไม่แปรเปลี่ยนความชอบสินะ แต่ไอ้เด็กคนนี้โทรมาเพราะเรื่องนี้เองอย่างนั้นเหรอ!? [ถ้าที่แกจะโทรมามีแค่นี้ รับรองฉันจะเอาแกออกจากมหาวิทยาลัยแน่!] “ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้วครับ เรื่องพีคมันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก!” อรรถสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเริ่มพูดประโยคที่มีมูลค่าถึง 5,000 บาท แต่ก็ต้องฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคุณอาเองก็เหลี่ยมจัดใช่เล่น “โอนที่เหลือมาก่อนครับ” [อย่าลีลา รีบพูดมา] “โอนมาก่อนครับ... แค่นี้นะครับ” เอาจริง ๆ อรรถก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรมาต่อรองกับพีมากนัก หากอาของตนไม่บอกจุดอ่อนจุดใหญ่ของชายคนนี้ให้เขารู้ เขาก็ไม่มีทางทำสิ่งที่ยั่วโมโหเขาได้ถึงขนาดนี้ สักพักเสียงแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าก็ดังขึ้น คนที่เก็บข้อมูลสำคัญถึงกับยิ้มแก้มปริ แถมยังไม่ต้องต่อสายหาให้เปลืองค่าโทรอีกต่างหา เพราะตอนนี้เจ้าคนที่อยากรู้จนตัวสั่น กำลังต่อสายหาเขาโดนตรงเลย! [ถ้าแกไม่พูดอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกถึงที่] “โอเค ๆ ปริมแค่พูดว่า” [ว่า...] “เธอมีคนที่แอบชอบอยู่แล้วครับ” เด็กหนุ่มพยายามฟังเสียงจากปลายสาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะเงียบไปราวกับว่าไม่มีใครอยู่ “คุณอาครับ มันยังมีต่อนะ” [อะ... อะไรอีก] “ผมลองถามเธอดูแล้วว่าที่พูดแค่แกล้งพูด หรือเป็นเรื่องจริง เธอก็ยืนยันออกมาเองเลยว่าเรื่องจริง” […!!] “คุณอาโอเคหรือเปล่าครับ? จะให้ผมตามต่อมั้ย? หรือว่า...” ปลายสายตัดไปแล้ว... ตอนนี้คนที่เป็นนกคาบข่าวไปแจ้งก็ทำได้แค่ยืนงง เพราะเพิ่งมาคิดได้ว่าไอ้การบอกคุณอาจอมโหดไปแบบนั้นมันจะเป็นผลดีกับตัวเองหรือเปล่า หรือการไม่บอกมันจะดีกว่า เพราะข่าวของปริมยังคงทำเงินให้เขาได้อีกนานจนกว่าจะเรียนจบ แล้วถ้าจู่ ๆ เขาเกิดตัดใจได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร ค่าเทอมปลิวหายวับไปทันทีเลยนะ! “ไอ้อรรถเอ๊ย! โง่ชะมัดเลย!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD