มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อัดแน่นไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตา แต่ละคนมีทั้งความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะหาความรู้ และจบไปมีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีเงินมากพอที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเองได้
ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้เป็นร่มเงาบังแสงแดดที่สามารถแผดเผาผิวสวย ๆ ของเหล่านักศึกษาทั้งชายและหญิงได้หากไร้การป้องกัน ลมผัดผ่านจากสระน้ำพุขนาดใหญ่ ทำให้ได้ทั้งกลิ่นอายความสดชื่น และยังมีลมเย็น ๆ คอยปลอบประโลมคนที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนอย่างสองสาวเพื่อนซี้ได้เป็นอย่างดี
“เพ~ ฉันจะตายก่อนเรียนจบมั้ย?”
“มีนะ... คนตายเพราะเรียนหนักน่ะ”
“อย่าพูดสิ ฉันกลัวหลับไปแล้วใหลตายไปเลยทำไง”
ภาพคุ้นตาของใครหลายคน ที่จะเห็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หรือ 4 มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ เพราะในช่วงเวลานี้ แค่เวลาจะนอนก็แทบไม่มี ไม่ต้องนึกถึงการจะเข็นร่างตัวเองให้ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมให้ดูสวยเลย เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งคือการนอนเท่านั้น
เด็กสาววัย 21 ปี ฟุบหน้าลงบนกระเป๋าผ้าของตน ในกระเป๋าใบใหญ่สีเขียวขี้ม้านั้น เต็มไปด้วยชีตเรียน อีกทั้งยังมีแบบสอบถามการทำวิจัยที่เธอกำลังทำอยู่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาหมอนอันเล็ก ๆ ของตัวเองติดมาด้วย ไม่รู้จะได้ใช้หรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจ เอามาไว้ก่อน
ปริม และ เพกา เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งสมัยมัธยม ด้วยเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อ ทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แน่นอนว่าเพกาไม่โสดแล้ว แถมแฟนหนุ่มของเธอมีดีกรีเป็นนักเรียนนอก พ่วงด้วยลูกชายคนเดียวของประธาน สายชล อัศวโภคิน ประธานและผู้บริหารของบริษัท SS โภคภัณฑ์ จำกัด มหาชน อีกต่างหาก
แต่หากถามว่าทำไมเธอถึงไม่ตามแฟนหนุ่มไปเรียนที่ต่างประเทศล่ะ? เรื่องง่าย ๆ ก็คือพ่อของเธอไม่อนุญาต เกรงว่าจะได้อุ้มหลานก่อนเรียนจบ!
ชีวิตรักของเพกาช่างน่าอิจฉา และก็น่าสงสารด้วยเช่นกัน ‘ซัน’ แฟนหนุ่มของเธอเรียนหนักเพราะใกล้เรียนจบแล้ว แถมเวลาของทั้งคู่ยังต่างกันหลายชั่วโมง หลัง ๆ มาก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่เมื่อหน้าเทศกาล หรือวันหยุดยาว เขาก็มักจะแอบบินกลับมาหาเธออยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นความหวานที่ไม่มาก แต่ก็ลงตัว
ต่างจากปริม ที่ยังหวงแหนความโสดจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่ไม่มีใครมาจีบ แต่เพราะหัวใจของเธอไม่ว่างมากกว่า จะ 4 ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าของเขาเลย แม้แต่เสียงก็แทบไม่ได้ยิน จะเห็นก็ต่อเมื่อมีข่าวในแวววงสังคมที่ชายหนุ่มได้ติดสอยห้อยตามผู้เป็นเจ้านายอยู่บ้าง
สงสัยเขาคงจะเกินเอื้อมเกินไปจริง ๆ สินะ
“นี่ ๆ มาดูนี่สิ!” เพกาเขย่าตัวคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับให้ตื่นขึ้นมาดูข่าวดีของตน ตอนนี้ปริมแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว แถมคาบต่อไปก็ยังต้องเรียนยิงยาว 3 ชั่วโมงติดอีก ขอร้องให้เธอได้พักบ้าง
“เพ~ ฉันอยากนอน”
“เอาน่า ๆ รับรองแกเห็นรูปนี้แกตื่นแน่!” เพกาทำเสียตื่นเต้น ก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือให้เพื่อนสนิทดู
เด็กชายตัวเล็กวัย 3 กำลังใกล้จะ 4 ขวบ ในชุดลำลอง กำลังสะพายกระเป๋าเป้ พร้อมใส่หมวก อย่างกับว่ากำลังเตรียมตัวไปทำอะไรสักอย่าง ใบหน้าน่ารักหันมายิ้มแป้นใส่กล้องอย่างอารมณ์ดี ภาพนี้มันมีพลังมากพอจะขุดให้คนที่ง่วงสุด ๆ ตาโตได้เลย
“จะเข้าโรงเรียนแล้วนะ ลูกของแพรวาน่ะ” เพกายิ้มอย่างภูมิใจ อย่างกับว่าตัวเองเป็นคลอดเด็กคนนี้ออกมาเอง
“ตอนแรกก็คิดนะว่าเด็กคนนี้จะโตมาอย่างไร ฉันคิดไปถึงว่าแพรวาอาจจะทิ้งเด็กคนนี้เลยก็ได้ แต่...” ปริมจ้องมองรูปภาพของเด็กชาย ที่ตอนนี้ทั้งเธอและเพกาเอง ก็เปรียบดั่งแม่ทูนหัว แม้จะไม่ได้ไปเยี่ยมตอนคลอด เพราะแพรวาย้ายไปยังแคนาดาก็ตาม “... โตมาอย่างดีเลยนะ”
แพรวาเจอมรสุมชีวิตลูกใหญ่ ไม่ใช่ว่าใครจะผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปได้ง่าย ๆ ทุกวันนี้เธอก็ยังหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ แต่เด็กที่เกิดมาก็ไม่ได้ผิดอะไร เลยเลี้ยงเขาเอาไว้ แม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดจากตราบาปที่เธอไม่มีวันลืมก็ตาม
“พี่ปริมคะ” เสียงเด็กสาวเรียกให้สองเพื่อนซี้หันไปมอง ก็เจอกับรุ่นน้องในคณะเดียวกันยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความเขินอายกับเพื่อน 3 คน จนในที่สุด คนที่เอ่ยทักก็เดินเข้ามา “คือ... พี่จำหนูได้มั้ยคะ?”
“อะ... อ่อ~ น้อง...” ปริมหันไปหาเพื่อนสาวอย่างต้องการความช่วยเหลือเพราะคนตรงหน้าแค่คุ้นเฉย ๆ แต่ให้จำก็จำไม่ได้ แน่นอนว่าเพกาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะหน่วยความจำหน้าและชื่อของคนเธอก็บกพร่องเหมือนกัน
“วินเทอร์ค่ะ” เด็กสาวรุ่นน้องเป็นคนตอบเอง
“ใช่ ๆ น้องวินเทอร์นี่เอง” ปริมยิ้มกลับอย่างแห้ง ๆ แน่นอนว่าเพกาที่เห็นคนไหลตามน้ำเก่งแบบเพื่อนสาว ก็แอบหันไปหัวเราะเบา ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เสียงของปริมและดวงตากลมโตสวยที่กำลังจ้องสาวน้อยตรงหน้า มันทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วและแรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก แทบจะลืมคำที่กำลังจะเอ่ยออกไปหมด
“คือว่า...” เด็กสาวยังอ้ำอึ้ง ยืนบิดไปมาเพราะไม่กล้าจะพูดสิ่งที่คิด
“ไหวมั้ยเรา หืม~?”
ปริมที่ไม่รู้เรื่องอะไร กำลังใช้ดวงตาคมที่วันนี้ตวัดอายไลน์เนอร์เบา ๆ แค่ต้องการให้ดวงตาของเธอเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเด็กสาว จนคนที่ถูกจ้องแข็งทื่อไปพักใหญ่ คิ้วสวยถูกจัดแต่งให้เข้ากับใบหน้ารูปไข่ของเธอกำลังขมวดมุ่นเพราะไม่เข้าใจกับกิริยาของรุ่นน้องคนนี้เลยสักนิด มือบางเอื้อมไปจับแขนของรุ่นน้องเบา ๆ กลายเป็นว่าใบหน้าของเด็กสาวค่อย ๆ มีเลือกสูบฉีดจนแดงเถือกไปถึงใบหนู
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ปริมลุกขึ้นยืนมองเด็กสาวตรงหน้าที่ตัวเล็กกว่าเธอเล็กน้อย แต่มันยิ่งใกล้เข้าไปอีก จนเด็กสาวทนไม่ได้ คว้าร่างอรชรของรุ่นพี่เข้าไปกอด พร้อมซุกหน้าลงบนอกนิ่ม อย่างกับว่าต้องการมัดมือชกเธอซะ!! “เฮ้ย!”
“หนูชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาก ๆ ด้วย คบกับหนูเถอะนะคะ!!”
รอบข้างเงียบสนิท ปริมอึ้ง เพกาอึ้ง รวมถึงเจ้าคนที่คอยสังเกตการณ์ก็โคตรจะอึ้ง ไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร โดนสั่งไว้ให้เป็นไม้กันหมา แต่สถานการณ์แบบนี้จะเป็นไม้อย่างไรกันเล่า!?
“อะ... อะไรวะเนี่ย!?”
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปริมมีประสบการณ์แบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดนจู่โจมแรงขนาดนี้ เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร เธอส่งสายตาไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งตกตะลึงอยู่ใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนเธอจะเครื่องค้างไปเสียแล้ว พลันสายตาไปบรรจบกับคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแทน
‘ช่วยด้วย’ ปริมวาดริมฝีปากให้คนที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์นี้ให้ช่วย
อรรถที่ได้สติก็กระชับสายกระเป๋าสะพายแน่น แม้ความจริงไม่อยากจะยุ่งเท่าไหร่ แต่ท่องไว้ว่า ค่าเทอม ค่าเทอม เขาเลยต้องจำใจก้าวเท้าออกไปอย่างองอาจ เพื่อเป็นบุรุษม้าขาวช่วยหญิงสาว จากหญิงสาวอีกคน
“โทษทีน้า~ แต่คนนี้แฟนพี่ คงจะให้น้องวินเทอร์ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”
เห่ยสุด ๆ!
เด็กสาวยอมคลายกอดของเธอออก ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขิน สายตาอันหวานฉ่ำค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นการดูถูกเหยียดหยันแทน แขนเล็กยกขึ้นกอดอก เชิดหน้ามองต่ำใส่รุ่นพี่ผู้มาใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดมาเมื่อกี้ เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!
“จะให้ฉันเชื่อเหรอคะ? ว่าพี่อรรถกับพี่ปริมเป็นแฟนกัน” เด็กสาวเบ้ปากให้เห็นอย่างชัดเจน จนชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวรู้สึกฉุนจนมุมปากกระตุก “พี่ปริมไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ก็น่าเห็นใจคนมาช่วยนะ เพราะดูเหมือนจะโดนตอกกลับจนเจ็บจี๊ดที่กระดองใจ มิหนำซ้ำคนที่เพิ่งขอความช่วยเหลือจากเขา ยังแอบหันไปหัวเราะจนไหล่สั่น!
“แหม~...”
“โอเค ๆ พอก่อน ๆ” ปริมกางแขนห้ามทั้ง 2 ทัพก่อนเกิดสงคราม และหันไปหาเด็กสาวที่ยังจ้องมองอรรถด้วยการมองเหยียดไม่หยุด “น้องวินเทอร์ พอดีพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงค่ะ เข้าใจพี่หน่อยนะ”
“ไม่ลองดูก่อนเหรอคะ?” รุ่นน้องจอมดื้อด้าน เปลี่ยนสายตาหันมาอ้อนวอนปริมทันที เธอชอบรุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยด้วยซ้ำขนาดทรงผม แม้จะแค่ดันลอนธรรมดาปล่อยยาวถึงกลางหลัง เธอก็ยังทำตามรุ่นพี่ที่ตนชื่นชอบ พยายามรวบรวมความกล้าเกือบ 2 ปีเพื่อมาบอกความในใจ แต่กลับถูกปฏิเสธทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ นะคะ” ปริมยิ้มให้รุ่นน้อง แววตาของเธอค่อย ๆ ฉายแววเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปริมปฏิเสธคนที่มาสารภาพความรู้สึกกับเธอ และมุขที่เธอใช้ก็มุกเดิม ๆ คือบอกไปเลยว่าตัวเองมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่แต่งแต่อย่างใด แต่มันเป็นความจริงที่เธอเก็บเอาไว้ในใจมาหลายปี
เด็กสาวรุ่นน้องเดินคอตกกลับไปหาเพื่อนที่รอปลอบใจอยู่ห่าง ๆ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมฟุบหน้าลงบนกระเป๋าผ้าใบโปรด ส่วนคนมาใหม่ดูเหมือนจะยังติดใจกับเรื่องที่ได้ยิน เลยทิ้งตัวนั่งใกล้ ๆ คนขี้เซาอีกคน
“ปริม... แกมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริง ๆ เหรอ?”
อรรถถามเพราะอยากรู้ เพราะนี่จะเป็นข้อมูลสำคัญที่เขาจะเอาไปแลกค่าครองชีพของตัวเอง แต่ก็แอบนึกสนุกด้วย อยากเห็นคุณอาจอมโหดคนนั้นดิ้นพล่านเพราะตัวเองกำลังจะโดนเด็กที่เฝ้ามองมานานเท
“อย่าบอกนะ ว่าแกชอบไอ้ปริมมัน” เพกาที่เฝ้าดูเหตุการณ์เท้าคางถาม ขนาดว่าตาจะปิดอยู่แล้ว เธอยังมีแรงมาต่อปากต่อคำกับชายหนุ่มอีก
“ก็แค่อยากรู้ ว่าที่พูดมันเรื่องจริง หรือว่าแค่แกล้งบอกให้น้องเขาตัดใจ”
“เรื่องจริง” ปริมที่ฟุบอยู่นานเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามที่คาใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองอรรถที่ถือวิสาสะมานั่งข้างหล่อน “ผิดเหรอ?”
แววตาของปริมกำลังหงุดหงิด ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือการนอน แต่กลับมีคนคนหนึ่งกำลังทำลายบรรยากาศอันแสนสงบที่เพิ่งได้มา
“ปะ... เปล่า ๆ”
ชายหนุ่มเมื่อเห็นแววตาของกอริลลายักษ์ของปริม ก็กระถดตัวถอยห่างทันที ก่อนจะค่อย ๆ ลุกออกไปอย่างช้า ๆ หากยังกวนพวกเธอมากไปกว่านี้ รับรองได้โดนฝูงกอริลลาสองตัวรุมขย้ำแน่!
อรรถที่เรียนคณะ และสาขาเดียวกับสองสาวได้แต่สงสัย คนที่ ปริมชอบนั้นคือใคร เพราะตั้งแต่รู้จักพวกหล่อนก็จะ 3 ปีแล้ว แต่ตนเองก็ไม่เคยเห็นปริมปลื้มผู้ชายหน้าไหน จะบอกว่าเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ เพราะไอ้เหตุการณ์เมื่อกี้ก็บอกชัดเจนแล้วว่าเจ้าหล่อนยังชอบผู้ชายอยู่... หรือว่า
“ไม่ใช่ฉันหรอกน่า~”
ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นหน้ามั่นใจมาจากใครกัน ทันทีที่ออกจากจากระยะอันตราย มือถือของเขาก็ต่อสายตรงไปหาธนาคารของตนเองทันที
[มีอะไร?]
“รับสายเร็วจังเลยนะครับ” อรรถหัวเราะแฮะ ๆ จนปลายสายรู้สึกรำคาญ
[วางล่ะ]
“เดี๋ยวก่อนสิครับ โถ่อาก็...” เด็กหนุ่มส่ายหัวเบา ๆ รู้สึกได้เลยว่าสองคนนี้เหมือนกันชะมัด ทั้งเรื่องความอดทนต่ำ และชอบใช้ความรุนแรง “คุณอาโอนเงินให้ผมสัก 5,000 ได้หรือเปล่าครับ?”
[ฉันจะวางจริง ๆ แล้วนะ]
เงินเพียงเท่านี้ สำหรับพีไม่ได้เยอะอะไร แต่ดูเหมือนไอ้เจ้าเด็กนี่ จะไม่รู้กาลเทศะเกินไปหน่อยหรือเปล่า คิดว่าเขาเป็นอะไร... เป็นกระเป๋าเงินส่วนตัวของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!?
“เดี๋ยวก่อนสิครับ! มันเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ นะ เกี่ยวกับปริมที่แทบไม่มีใครรู้เลย”
พอได้ยินชื่อนี้ พีก็หยุดชะงักไปพักหนึ่ง เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอแล้วเขายังไม่รู้กัน แต่ที่น่าหงุดหงิดก็คือไอ้เด็กเวรนี่ดันมารู้ก่อนนี่สิ! [โอนให้ก่อนครึ่งหนึ่ง]
“ดีล!”
สักพักเสียงแจ้งเตือนของข้อความธนาคารก็เข้ามาทันที ในจำนวนเงินครึ่งหนึ่งจากที่เด็กหนุ่มขอไว้ อรรถเลยต่อสายตรงหน้าคุณอาจอมโหดอีกครั้ง
[เรื่องอะไร?]
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีคนมาจีบปริมครับ แน่นอนว่าผมทำหน้าที่ไม้กันหมาให้เรียบร้อย”
[มันเป็นใคร?]
สำหรับพีแล้ว แค่รู้ว่าเด็กสาวของตัวเองกำลังโดนหมายตาก็รู้สึกเดือดแทบหยุดไม่อยู่ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าตัวเขาจับจองเธอมานานแค่ไหน กล้าดีอย่างไรคิดจะชุบมือเปิบ!
“ใจเย็น ๆ ครับคุณอา คราวนี้ถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นรุ่นน้องผู้หญิงคณะเดียวกันมาจีบ และปริมเองก็ปฏิเสธไปแล้ว”
[ผู้หญิง?] พีฉุกคิดสักครู่ ก่อนจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยตอนนี้เจ้าหล่อนก็ยังไม่แปรเปลี่ยนความชอบสินะ แต่ไอ้เด็กคนนี้โทรมาเพราะเรื่องนี้เองอย่างนั้นเหรอ!? [ถ้าที่แกจะโทรมามีแค่นี้ รับรองฉันจะเอาแกออกจากมหาวิทยาลัยแน่!]
“ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้วครับ เรื่องพีคมันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก!” อรรถสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเริ่มพูดประโยคที่มีมูลค่าถึง 5,000 บาท แต่ก็ต้องฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคุณอาเองก็เหลี่ยมจัดใช่เล่น “โอนที่เหลือมาก่อนครับ”
[อย่าลีลา รีบพูดมา]
“โอนมาก่อนครับ... แค่นี้นะครับ”
เอาจริง ๆ อรรถก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรมาต่อรองกับพีมากนัก หากอาของตนไม่บอกจุดอ่อนจุดใหญ่ของชายคนนี้ให้เขารู้ เขาก็ไม่มีทางทำสิ่งที่ยั่วโมโหเขาได้ถึงขนาดนี้
สักพักเสียงแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าก็ดังขึ้น คนที่เก็บข้อมูลสำคัญถึงกับยิ้มแก้มปริ แถมยังไม่ต้องต่อสายหาให้เปลืองค่าโทรอีกต่างหา เพราะตอนนี้เจ้าคนที่อยากรู้จนตัวสั่น กำลังต่อสายหาเขาโดนตรงเลย!
[ถ้าแกไม่พูดอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกถึงที่]
“โอเค ๆ ปริมแค่พูดว่า”
[ว่า...]
“เธอมีคนที่แอบชอบอยู่แล้วครับ” เด็กหนุ่มพยายามฟังเสียงจากปลายสาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะเงียบไปราวกับว่าไม่มีใครอยู่ “คุณอาครับ มันยังมีต่อนะ”
[อะ... อะไรอีก]
“ผมลองถามเธอดูแล้วว่าที่พูดแค่แกล้งพูด หรือเป็นเรื่องจริง เธอก็ยืนยันออกมาเองเลยว่าเรื่องจริง”
[…!!]
“คุณอาโอเคหรือเปล่าครับ? จะให้ผมตามต่อมั้ย? หรือว่า...”
ปลายสายตัดไปแล้ว...
ตอนนี้คนที่เป็นนกคาบข่าวไปแจ้งก็ทำได้แค่ยืนงง เพราะเพิ่งมาคิดได้ว่าไอ้การบอกคุณอาจอมโหดไปแบบนั้นมันจะเป็นผลดีกับตัวเองหรือเปล่า หรือการไม่บอกมันจะดีกว่า เพราะข่าวของปริมยังคงทำเงินให้เขาได้อีกนานจนกว่าจะเรียนจบ
แล้วถ้าจู่ ๆ เขาเกิดตัดใจได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร ค่าเทอมปลิวหายวับไปทันทีเลยนะ!
“ไอ้อรรถเอ๊ย! โง่ชะมัดเลย!!”