ตึกสูงตั้งตระหง่านกลางเมืองที่แสนพลุกพล่าน แม้เมื่อก่อนจะเป็นเพียงแค่ตึกพาณิชย์เล็ก ๆ แค่ได้ค้าขายให้พออยู่พอกินในแต่ละวันเท่านั้น ใครจะคิดเล่า วันหนึ่งดันไปต้องตานายทุนใหญ่ ขยับขยายกิจการกลายเป็นตึกใหญ่โตสูงกว่า 50 ชั้น
ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของประเทศแห่งนี้ไม่มีวันตาย หากคนต้องกินข้าวทุกวัน บริษัท SS โภคภัณฑ์ กลายเป็นอีกชื่อที่ได้ยินไปทั่วโซเชียลมีเดีย หรือจะไปที่ไหนก็มักจะเห็นโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งใหม่และยอดฮิตตลอดเวลา
การค้าที่เปิดกว้างอย่างครบวงจร ทั้งอาหารแปรรูป แช่แข็ง รวมไปถึง อาหารปรุงสุกพร้อมทาน บริษัท SS โภคภัณฑ์ จำกัด มหาชน ก็ถือได้ว่าตอบโจทย์ภูบริโภคได้ทุกเพศทุกวัย อีกทั้งวัตถุดิบส่วนใหญ่ยังรับมาจากผู้ผลิตตัวเล็กตัวน้อยโดยตรง แน่นอนว่าต้องผ่านมาตรฐานที่ถูกบัญญัติไว้ พยายามไม่ผ่านคนกลางที่คอยจะแทะเล็มคนทำงานอีกด้วย
กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความรักและความไว้ใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งสูตรอาหารที่ใส่ใจผู้บริโภค รวมไปถึงรสชาติที่ติดปาก ทำให้บริษัท SS โภคภัณฑ์ จำกัด มหาชน เป็นสินค้าที่ลูกค้าหลายคนเชื่อมันจะซื้อติดตู้เย็นที่บ้านเสมอ
แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ก็คือประธานบริษัทอย่างคุณ สายชล อัศวโภคิน เขามักจะมองไปข้างหน้าเสมอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองรอบข้าง ปีกที่กางกว้างเกินไป แม้จะให้ร่มเงากับหลายคนก็จริง แต่ก็มีคนที่โดนขวางทางอยู่บ้าง จึงมีบางครั้งที่บริษัทมักจะถูกดิสเครดิตอยู่เสมอ แต่ก็จะมีฮีโร่ขี่ม้าขาวราวกับว่าเตรียมแผนรับมือเอาไว้ทุกรูปแบบ
เลขาฯ มาดดี เรียกสายตาทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ หันไปมองเวลาเขาเดินผ่านเสมอ หลายคนพยายามเข้าหาเพราะความโสดมันก็จะเนื้อหอมลอยแตะจมูกของสาว ๆ หลายคน แต่คนอย่าง พิพัฒน์ อัศวโภคิน ก็ไม่เคยจะจริงจังหรือคบหากับใคร แม้กระทั่งจะให้นอนซ้ำสองกับหญิงคนไหน เขาก็ไม่ต้องการ
เพราะตำแหน่งนางข้างกาย เขาจองเอาไว้ให้ใครบางคนแล้ว...
“พี่สาว ผมหาพบคุณพิพัฒน์ครับผม”ฅ
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาหลุดลุ่ยมีเรือนผมปกคลุมด้วยสีทองกระจ่างหน้าตาไม่น่าไว้วางใจเรียกทักให้พนักงานต้อนรับหน้าฟร้อน และเป็นด่านแรกที่ไม่ว่าใครที่เข้ามาเยี่ยมเยียนตึกแห่งนี้จะต้องเจอก่อนจะเข้าไปด้านใน
เรื่องความปลอดภัยแน่นอนว่าต้องแน่นหนา เพราะนอกจากจะมีคนรักแล้ว มันก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดาของการทำธุรกิจ ยิ่งเป็นบริษัทที่มาแรงแซงหน้าเจ้าเก่าไปหลายเจ้าแบบนี้แล้วด้วย มันก็ไม่แปลกที่จะมีสปายสักคนสองคนแอบเข้ามาหาข้อมูลไปให้บริษัท หรือไม่ก็นำไปขายให้ใครสักคนที่ต้องการ มันเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ
“ขอโทษนะคะ พอดีคุณพิพัฒน์ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่น่าไว้ใจเข้าพบค่ะ”
พนักงานสาวตอบตรง ๆ เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วดูอย่างไรก็คงจะเป็นเด็กที่เอาเรื่องหน้าปวดหัวมาให้ท่านเลขา ฯ ผู้นี้มากกว่า อีกอย่างหากเธอปล่อยเด็กคนนี้เข้าไปพบ เธออาจจะโดนตำหนิเอาได้
“อย่างน้อยก็ช่วยบอกเขาหน่อยว่าผม ‘อรรถ’ หลายชายสุดรักของอา ‘ออส’ มาหา”
อรรถไม่พูดเปล่า ยังเอามือเสยผมสีทองอร่าม ยิ่งเวลาต้องแสงอาทิตย์เข้า มันช่างเจิดจ้าจนคนเห็นตาแทบบอด พร้อมส่งยิ้มให้พี่สาวตรงหน้า เรื่องสั่นหน้าเขาก็ไม่แพ้ใครนักหรอก ขอร้องอย่าเพิ่งเทกันแบบนี้สิ
และการที่เด็กหนุ่มต้องทำขนาดนี้มันสืบมาจากอาของเขาถังแตก เลยไม่โอนเงินมาให้ใช้ตามปกติ แต่อย่างน้อยก็ยังบอกแหล่งทำเงินให้ ซึ่งก็คือที่นี่ แถมยังใช้ความถนัดของตัวเอง เท่ากับว่างานครั้งนี้ มันไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเด็กน้อยที่มีเงินในกระเป๋าแค่ไม่กี่ร้อยบาท
“นะครับ~... พี่สาว” เขาอ้อนจนเธอยอมใจอ่อน
พนักงานสาวยกสายต่อตรงไปยังห้องทำงานของพิพัฒน์ทันที แน่นอนว่าเขาก็รับอย่างกับว่าลงโปรแกรมเอาไว้ เพราะทุกครั้งที่โทรไป เขามักจะรับในเวลาที่เท่า ๆ กันเสมอ
“คุณพิพัฒน์คะ มีคนมาขอพบค่ะ...” เธอป้องปากเล็กน้อย ก่อนจะหมุนเก้าอี้ของตัวเองหนีจากเด็กหนุ่มที่ยังจ้องเธออย่างคาดหวัง “... เขาบอกว่าชื่ออรรถ เป็นหลานของคนชื่อออสอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ไม่ค่อย...”
[ให้เขาเข้ามา]
ปลายสายวางหูโทรศัพท์ลงทันที ไม่ใช่แค่นั้น ยังวางปากกาลงบนกองเอกสารที่หน้าปวดหัวนี่ด้วย ดวงตาเข้มหลับลงช้า ๆ ต้องการผ่อนคลายเพราะวันนี้งานที่ต้องตรวจสอบมันเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
พิพัฒน์ หรือ พี เลขาฯ ส่วนตัวของท่านสายชลหรือประธานใหญ่ของบริษัทแห่งนี้ นอกจากนั้นยังเป็นบุญธรรมของท่านอีกด้วย ถูกชุบเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 15 จนตอนนี้อายุปาเข้าไป 32 แล้ว มันก็นานขนาดนี้ แต่พีก็ไม่เคยลืมบุญคุณของท่าน และยังอยู่เคียงข้างไม่ยอมไปไหน
ท่านสายชลเองก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเช่นกัน เพราะพีเองก็มีศักดิ์เป็นหลานของเขาเอง เกิดจากน้องชายต่างมารดา เลยดูแลและอุ้มชูเขาไม่ต่างจากลูกชายแท้ ๆ อย่าง สิชล หรือ ซัน เลยสักครั้ง
“สวัสดีครับอาพี”
เจ้าหนุ่มผมทองถือวิสาสะเข้ามาให้ห้องอย่างรู้ดี เขาตรงเข้ามานั่งตรงข้ามกับเจ้าของห้องอย่างไม่ต้องเชิญ พีที่มองทุกอิริยาบถก็ถึงกับถอนหายใจ เจ้านี่คือหลานของออส เป็นเพื่อนเชิงผลประโยชน์ที่เขามีแค่ไม่กี่คน เพราะตลอดเวลาชายหนุ่มมักจะมุ่งแต่ทำงาน และดูแลทั้งท่านสายชล และซันที่เป็นทั้งเหมือนเจ้านาย และน้องชายด้วย เลยจะให้หาเพื่อนที่คุยได้สักคนแบบจริงจังนั้น... ยากมาก!
“ออสมันไม่ได้สอนแกเรื่องมารยาทเลยหรืออย่างไร อย่างน้อยเข้ามาก็ต้องเคาะประตูก่อน” ได้ทีก็สอนสักหน่อย
“อ่อ~ ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปเข้ามาใหม่มั้ยครับ?”
เจ้าอรรถทำท่าทางจะลุกกลับที่ยังทางเข้ามา ก็ถูกพีห้ามไว้เสียก่อน ไม่รู้ว่ามันซื่อจริง ๆ หรือกำลังอยากจะกวนประสาทเขากันแน่!
“มีอะไร?” พีถามคนมาใหม่ แต่กลับไปดูรายละเอียดเอกสารตรงหน้าต่อ เพราะไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้งานก็สำคัญกว่าคนตรงหน้ามากนัก
“อันนี้เป็นเวอร์ชันทดลองครับ”
เจ้าหนุ่มผมทองยื่นรูปถ่ายหนึ่งใบมาตรงหน้าของคนที่ไม่อยากจะสนใจเขา ก่อนจะค่อย ๆ พลิกรูปภาพขึ้นมาให้เห็นความสวยงามจนทำให้คนที่กำลังทำงานอยู่ตาค้างไปทันที
“อันนี้ผมให้ครับ”
อรรถวางรูปถ่ายเพื่อนร่วมคณะของตนลงตรงหน้าแบบเบามือ มันมีค่ากับเขามาก เพราะมันหมายถึงค่าอาหาร ค่าเทอม และค่าเที่ยวเล่นที่เมื่อก่อนเคยทำได้อย่างอิสระ แต่ดูเหมือนที่อาออสบอกกับเขามันจะได้ผลเกิดคาด
พีที่กำลังสนใจงานในตอนแรก ทุกอย่างโดนหยุดอย่างกับว่ามีเครื่องหยุดเวลามาหยุดเขาเอาไว้ เด็กสาวในภาพถ่ายที่เขาเองก็ไม่ได้เห็นเธอมานานเกือบ 4 ปี เพราะงานที่ทำอยู่มันไม่เอื้ออำนวยให้มีโอกาสไปเจอมากนัก บวกกับซันที่ไปเรียนต่างประเทศ เลยหมดข้ออ้างข้อสุดท้ายที่จะได้เจอใบหน้าใส ๆ ไปด้วย
ดวงตากลมโตกำลังจ้องมองมาทางเขา เห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเจ้าหัวทองขึ้นมานิดหน่อยเสียแล้ว เพราะเจ้านี่คงจะได้เจอเธอบ่อย บ่อยเสียจนได้ภาพชั้นยอดที่มาได้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสุกสกาวราวกับดวงดาวในยามเดือนมืด จ้องลึกเข้ามาพร้อมคิ้วสวยถูกแต่งเติมด้วยเรื่องสำอางบาง ๆ ขมวดมุ่น อย่างกับว่ากำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่าง
ให้ตายเถอะ ตอนนี้สมาธิกับงานมันเตลิดไปจนหมด เพียงเพราะรูปถ่ายใบเดียวเนี่ยนะ!
จมูกน้อย ๆ เชิดรั้นรับกับริมฝีปากเม้มแน่น ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูธรรมชาติ บวกกับพวงแก้มเนียนใสปัดแต่งด้วยบรัชออนสีเดียวกัน เธอโตขึ้นมาก และยังงดงามจนคนวัย 32 หัวใจเต้นรัวราวกับมีใครมาตีกองอยู่ข้างในอก
ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่เขาตามข่าวเจ้าหล่อนอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าเธอไม่ติดโชเชียลมีเดียหรือไม่มีเวลากันแน่ เลยแทบจะไม่มีข่าวสารจะเธอเสียเท่าไหร่ แต่ความอยากรู้ก็มีบ้างที่จะควักเงินจ้างคนไปสืบเสาะว่าเธอกำลังทำอะไร ที่ไหน หรือมีหนุ่มหน้าไหนมาพัวพันด้วยหรือเปล่า
โชคเข้าข้าง เพราะดูเหมือนว่าเด็กสาวจะไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ
เลยทำให้เขาสามารถเบาใจได้ในระดับหนึ่ง แต่จู่ ๆ อรรถก็โผล่มาพร้อมรูปถ่ายในนี้ เท่ากับว่าเจ้าออสคงบอกให้มาไม่ผิดแน่ แต่การที่เด็กหนุ่มสามารถถ่ายรูปเธอได้ใกล้ขนาดนี้ มันแสดงว่าอรรถสนิทกับเธอไม่เหรอ!?
“อาพีชอบไอ้ปริมมันจริงเหรอเนี่ย!?” อรรถตกใจเล็กน้อย เพราะปริมในสายตาของเขาไม่ต่างจากอริลลายักษ์ ยิ่งแพคคู่กับเพกาด้วยแล้ว อำนาจทำลายล้างสูงมาก ที่มีปัญหาจริง ๆ ก็คงเป็นตาลุงวัย 32 ตรงหน้าเขานี่แหละ ทำไมถึงชอบยัยบ้าพลังนี่ได้ลง
สายตาเข้มที่จ้องรูปภาพอยู่นาน ค่อย ๆ ช้อนมองคนตรงหน้าอย่างมาดหมาย ไม่ได้อยากจะคิดมากสักเท่าไหร่ แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าไอ้เด็กนี้กับปริมมันสนิทกันถึงขั้นไหนกันแน่!
พีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วกระชากคอเสื้อนักศึกษาของเจ้าหนุ่มผมทองมาใกล้ ๆ อย่างแรง จนร่างกายที่เล็กกว่าลอยวืดหลุดเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก่อน “แล้วแกจะทำไม?”
“มะ... ไม่ทำไมครับ แค่สงสัยเฉย ๆ”
อรรถตกใจกับปฏิกิริยาตอบกลับของชายหนุ่ม ที่มันรุนแรงกว่าที่ตนคิดเอาไว้เยอะ แค่พูดไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่เกือบจะหาเรื่องตายก่อนวัยอันควร
พีหรี่ตามองคนตรงหน้า พอเห็นว่าเจ้าตัวตอนนี้สั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด เลยนึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย จึงยอมปล่อยแต่โดยดี ส่วนผู้ที่ได้รับอิสระก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จัดแจงเสื้อนักศึกษาของตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อยแม้มันจะยังหลุดลุ่ยเหมือนเดิม พลางคิดไปถึงอาออสของตน ไม่รู้ว่าชี้ช่องทางหาเงิน หรือช่องทางกับโลกเดิมกันแน่
“บอกฉันมาว่าต้องการอะไร?” พีกลับไปนั่งที่เดิม พลางมองเด็กหนุ่มอย่างพยายามใจเย็น เพราะตอนนี้ สมองของเขาเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว
“มาทำข้อตกลงกันครับ” อรรถกลับลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ครั้งนี้เขาพยายามจริงจังให้มากขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับค่าเทอมที่สำคัญยิ่งของเขา! “ผมจะรายงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับปริมให้กับอาพี หรือถ้าอาพีอยากได้รูปผมก็จะถ่ายให้ หรือวิดีโอก็จะทำให้ ขอแค่...”
“แค่อะไร?” พีขมวดคิ้วฟังข้อตกลงของเด็กหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ แต่มันก็เป็นข้อตกลงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
อรรถยอมสละที่นั่งแสนสบาย ก่อนจะลงไปคุกเข่าชิดพื้น และก้มศีรษะแนบติดพื้นพรมสุดหรูราคาแพง ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ในห้องเย็นช่ำด้วยแอร์คอนดิชั่นตัวใหญ่ แต่เด็กหนุ่มกลับเหงื่อไหลเป็นทางราวกับวิ่งกลางแดดจ้า
“ช่วยจ่ายค่าเทอมให้ผมด้วยเถอะครับ!” อรรถขอร้อง
พีชะโงกหน้าขึ้นมองคนที่กำลังก้มหัวติดพื้นอย่างไม่เข้าใจ หมอนี่เป็นหลานชายของออส แถมออสเองก็ไม่ใช่สิ้นไร้ไม้ตอก มีเงินถุงเงินถังให้ถลุงเล่นมากกว่าเขาเสียอีก แต่ทำหมอนั่นถึงใจร้ายปล่อยให้หลานที่ตัวเองเลี้ยงดูมาเร่ร่อนของเงินจากเขาแบบนี้
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานของเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ และค่อย ๆ ย่อตัวลงมาใกล้เด็กหนุ่ม “ลุกขึ้น แล้วอย่าทำแบบนี้อีก”
“อาจะช่วยผมใช่มั้ยครับ!?” อรรถเงยหน้าถามพร้อมแววตาที่เปล่งความหวังออกมา
“แล้วทำไมออสมันไม่ส่งเงินให้แก” พีถาม
“ตอนนี้อาออสถังแตกครับ เลยให้ผมมาเกาะอาพีแทน” อรรถพูดแบบไม่อ้อมค้อม แถมยังไม่ตัดจากคำของอาตนบอกออกสักคำ
‘เรียกว่าผลักภาระสินะ’
“เฮ้อ~ เอาเถอะ เดี๋ยวจ่ายให้ แต่มีข้อแม้...” มือหนาเอื้อมรั้งต้นคอของเด็กหนุ่มให้เข้ามาใกล้ เขาจ้องในดวงตาเด็กน้อยที่สั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ไม่คิดเลยอาผู้แสนใจดีกับเขาเมื่อยังเด็ก พอโตขึ้นหน่อย อาผู้ใจดีคนนั้น กลายเป็นอาจอมโหดไปเสียแล้ว “... ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แกต้องมารายงานฉันทุกเรื่อง หรือหากมีใครเข้ามายุ่งกับคนของฉัน แกก็ต้องเป็นไม้กันหมาให้ฉัน เข้าใจไหม!?”
“ขะ... เข้าใจแล้วครับ” อรรถยิ้มแห้ง ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่อาออสของเขาพูดจะเป็นเรื่องจริง แถมยังเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก ตอนนี้นอกจากจะได้ค่าเทอมแล้ว อาจจะพอมีหวัง... “... ถ้าอย่างนั้นผมขอค่าเหนื่อย...”
พีหรี่ตามอง...
“นิดนึง...”
พีค่อย ๆ ออกแรงบีบที่ต้นคอเด็กหนุ่มมากขึ้น
“ไม่ได้สินะครับ”
พียอมปล่อยเด็กชาย จะเรียกว่าปล่อยก็ไม่ได้ ให้เรียกว่าผลักออกจะถูกกว่า เมื่อก่อนเขาเอ็นดูเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก ถึงในสายตาของพีจะมองว่าอรรถยังเป็นเด็กน้อยอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้รู้สึกไม่พอใจ ปนอิจฉาเล็กน้อย เพราะไอ้เจ้านี้ ดันใกล้ชิดกับเด็กสาวที่เป็นเป้าหมายของเขา มากกว่าพีผู้นี้นี่สิ!
“ทิ้งเลขบัญชีไว้ ส่วนค่าเหนื่อย ฉันจะให้ตามเนื้องาน” ชายหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่าแบรนด์ดัง ค่อย ๆ กลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตัวอีกครั้ง “แล้วก็อีกอย่าง”
“ครับ!” อรรถเงยหน้ามองจากกระดาษที่ตนกำลังจดเลขบัญชีตัวเองด้วยความเร็วแสง
“อย่าสนิทจนเกินงาม ฉันไม่ชอบ” พีเตือน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับอาพี ไอ้ปริมมันอย่างกับกอริลลา...!”
ปัง!!
พอสบายใจขึ้นหน่อย ความปากปีจอก็มาทันที แฟ้มเอกสารถูกฝากลงบนโต๊ะทำงานของพีอย่างเต็มแรง สายตาดุดันจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างต้องการขู่ให้เงียบปาก จะพูดอะไรก็ได้เขารับฟังหมด แต่หากมาว่าเด็กสาวที่เขาหมายปองต่อหน้าล่ะก็ ต่อให้เป็นหลานชายเพื่อน เขาก็ไม่ไว้หน้า
“อะ... โอเคครับ ผมจะทำหน้าที่หน้าที่ให้ดีที่สุด” อรรถวางกระดาษไว้บนโต๊ะ เพราะตอนนี้กำลังมีกอริลลาตัวผู้ถือกำเนิด และการรีบออกไปจากที่นี่ น่าจะปลอดภัยต่อชีวิตเขามากที่สุด “ยะ... อย่าลืมโอนค่าเทอมให้ผมภายในวันพรุ่งนี้นะครับ อาพี”
“รีบไปไหนก็ไปเลย ไอ้ตัวประกอบเอ๊ย!”
ตอนนี้ยอมรับเลยว่าพีกำลังหัวเสียสุด ๆ ไม่ใช่เรื่องที่อรรถมาไถเงินหรอก แต่เป็นเรื่องของปริมต่างหาก ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายที่ได้มาจากหลานของเพื่อนขึ้นมาดู และดูอยู่แบบนั้น พร้อมกับความร้อนรุ่มในใจมันเริ่มเพิ่มขึ้นมาจนคับแน่นไปทั้งอก
“สวยขนาดนี้ จะให้รอจนเรียนจบอย่างไรไหว”