“ทีหลังจะเข้าไปในพื้นที่ของใคร รบกวนช่วยมีมารยาทด้วยนะคุณ”
“ห้องของว่าที่เมีย ผมจะเข้าออกตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรอ”
“ความคิดแบบนี้นี่เอง ชีวิตคุณถึงได้วุ่นวาย มีธุระอะไรก็พูดมาพูดจบแล้วก็ออกไปจากห้องของฉัน”
ดนย์มองคนที่นอนหันหลังให้เขาด้วยความไม่พอใจ ว่าแต่เขาไม่มีมารยาท ตัวเองก็ไม่มีมารยาทเหมือนกันแทนที่จะลุกมาคุยกันดีๆแต่วีร์ดากลับนอนมองทีวีเฉย แล้วยังหันหลังให้เขาด้วย
“เรื่องแต่งงานของเรา”
ดนย์เกริ่นขึ้นมาแล้วก็แทบรอไม่ไหวว่าหญิงสาวอย่างเธอจะหันหน้ากลับมามอง แต่แล้ววีร์ดาก็ทำแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อคิดได้ว่านี่มันดำเนินเรื่องไปตามนิยายที่เธอเคยอ่านเลยนี่นา คงจะมาพูดทำนองว่าขอให้การแต่งงานเป็นเรื่องสมมุติอะไรทำนองนั้นแน่ๆ
วีร์ดาส่งเสียงเกียจคร้านเร่งให้เขาพูดต่อ
“พูดมาสิ เรื่องแต่งงาน อะไร ทำไม”
“ผมคิดว่าการที่เราต้องแต่งงานกัน มันก็คือการที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะฉะนั้นเราควรต้องเคารพซึ่งกันและกัน คุณคิดว่าไง”
“ไม่ต้องแต่งงานก็ควรต้องเป็นแบบนั้น อย่างเช่นจะเข้ามาในห้องคนอื่นคุณต้องขออนุญาตก่อน ไม่ใช่เปิดประตูเข้าเลย แล้วยังไงอีก พูดมาสิ”
“หากเป็นเรื่องส่วนตัวของผม เป็นคนของผม คุณไม่ควรทำร้ายร่างกาย แบบที่ทำกับกอดอุ่นนั่นถือว่าป่าเถื่อนมาก ได้ยินว่าเรียบจบมาจากโรงเรียนมัธยมวัดๆ อะไรนั่นใช่มั้ย คงไม่ได้รับการสอนมารยาทเท่าไรเลยสินะ”
วีร์ดาอ้าปากจะพูดตอบโต้ออกไปว่าที่เธอทำกับกอดอุ่นนั่นไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย
“OK คุณอาจจะอยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมตามสิทธิ์ที่คุณกำลังจะได้ อันนั้นพอทำความเข้าใจได้นะ แต่ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกัน หรือหากว่าแต่งงานแล้ว คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผม”
ที่แท้ก็มาพูดเรื่องของนังเด็กนรกนั่น
วีร์ดาสรุปให้ตัวเอง ตอนนี้เธอไม่ค่อยโกรธแล้วเพราะเรื่องผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว และก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับดนย์อีกเลยยอมจบความต่อกันไป
“ได้ คราวนี้จบเรื่องรึยัง จบแล้วก็ออกไป”
ดนย์ไม่เคยรู้สึกว่าถูกฉีกหน้าแบบนี้มาก่อนผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยเลยสักนิดเดียวแต่กลับมาทำท่าทางเหมือนกับเขาต้องตามง้องอนเธอ
“คุณอย่าคิดนะ ว่าการแต่งงานระหว่างเราจะมีความหมาย และจะทำให้ผมรักคุณได้”
“ฉันไม่เคยคิด แล้วก็จะไม่คิดด้วย ฉันขอถามอีกครั้งนะ จบรึยัง ถ้าจบเรื่องของคุณแล้วก็ไปซะทีเถอะ”
นอกจากดนย์จะไม่เดินออกไปจากห้องชุดของเธอแล้วเขายังเดินเข้ามาหาเธออีก
“คุณกำลังเรียกร้องความสนใจผมอยู่”
วีร์ดาพ่นลมออกจากปาก เธอส่ายหน้าช้าๆอย่างเอือมระอานิดๆคิดไปว่าผู้ชายคนนี้หลงตัวเองขั้นสุด
“คุณอยากเข้าใจแบบไหนก็ตามสบายเลย หมดเรื่องของคุณแล้วเชิญเถอะ หรือต้องให้ไหว้แบบคนมือไม้อ่อนเหมือนที่เคยชมฉันคราวนั้น”
ตรงนี้ไม่มีผู้ใหญ่อยู่แล้ว ดนย์ไม่รักษามารยาทกับเธอ แล้วจะต้องสนใจ ต้องไปรักษามารยาทกับเขาทำไมกัน วีร์ดายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนทำมือประกบกันแบบไวๆพร้อมกับออกปากไล่
“หวัดดีคุณ เว้าแล้วกะไป๊”
นี่เป็นการไล่ครั้งที่สี่
ดนย์ไม่คิดเลยว่าเขาจะเจอผู้หญิงคนไหนกล้าไล่เขาแบบนี้ติดๆกัน เขาสูดหายใจเข้าปอดยาวๆ หมุนตัวแล้วทำท่าจะเดินออกไป แล้วกลับกลายเป็นว่า ดนย์เทิร์นตัวกลับมาดึงเอาร่างของว่าที่ภรรยาในอีกไม่ถึงเดือน พาลุกออกจากโซฟาหน้าทีวี แล้วยึดข้อมือที่เล็กกว่าเขาทั้งสอง ดันไปขึงไว้กับผนังห้อง
“คุณพยายามยั่วผม อยากให้ผมโกรธแล้วเข้าหาคุณแบบนี้ใช่มั้ยวีร์ดา”
วีร์ดามองด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
“คุณอยากเข้าใจแบบนั้นอยู่แล้วนี่ ตามสบายเลย”
ดนย์ยิ้มเยาะ เขาเข้าใจไม่ผิดจริงๆ มีผู้หญิงคนใดบ้างที่ไม่คลั่งเขา ดนย์กดมุมปากลึกเป็นรอยยิ้มหยัน เขาก้มหน้าลงหาพร้อมกับที่ประตูถูกผลักเข้ามาตามด้วยเสียงพูดคุยกัน
ทั้งหมดยืนนิ่งที่ตรงหน้าประตูเมื่อเห็นว่าคนในห้องกำลังใกล้ชิดแนบสนิทกันอยู่
หนึ่งในกลุ่มคนมาใหม่ตามองค้าง แต่มือกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดบันทึกภาพแต่ก็ถูกคนปัดออกได้ทัน
นั่นเองดนย์ค่อยหันไปมองยังกลุ่มคนมาใหม่ ที่มีพ่อแม่ และน้องสาวทั้งสองคนรวมไปถึงกลุ่มแก๊งเพื่อนของเธอยืนมองมาจากหน้าประตูห้อง
วีร์ดาได้แต่ร้องเหอะออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะพูดขำๆขึ้นกับว่าที่สามี “ฉันว่านะ คุณต่างหากที่อยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับฉัน ทีนี้จะปล่อยได้รึยังล่ะ คุณขึงฉันไว้แบบนี้มันเมื่อยนะคุณ”
“อะไรนะคะคุณน้อง เข้าไปนัวเนียกันที่คอนโดเลยหรอ”
เรวิตาถามแล้วอมยิ้ม ยกมือข้างที่ไม่ได้จับโทรศัพท์แนบหูขึ้นปิดปากตัวเองอย่างกับตัวเองเป็นฝ่ายโดนนัวเสียเอง
“คงอยากไปง้อน้องแหละพี่ว่า”
“โอ๊ยๆไม่ต้องคิดมาก ยังไงทางพี่ก็ต้องแต่งแน่นอนอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าตาดนย์จะใจร้อนแบบนี้ โอเคๆ ไว้ค่อยคุยกัน จ้ะ บายจ้ะ”
เรวิตาวางสายแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ปราบที่ทำเป็นดูทีวีแต่ใส่เครื่องช่วยฟังตั้งแต่เห็นภรรยารับสาย ตาทำเป็นมองจอภาพทีวีไปอย่างนั้นเอง พอเห็นว่าภรรยาขยับโทรศัพท์ออกจากหูปราบทำทีถามด้วยความอยากรู้ในทันที
“มีอะไรหรอคุณ”
“ตาดนย์สิคะคุณ ใจร้อน บุกไปที่ห้องของหนูวี แล้วก็...แอร้ย”
“แอร้ย อะไร ก็เล่ามาสิคุณ” ปราบที่มีความอยากรู้อยู่มากอยู่แล้วถามเซ้าซี้ภรรยา เรวิตายิ้มแล้วเล่นตัวไม่ยอมเล่า
“อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ”
“อือ อยากรู้”
เรวิตาทำท่าว่าตนเองเป็นต่อแล้วยกมือขึ้นแบออก “โอนมาก่อนแล้วจะเล่า”
“บัญชีก็ชื่อคุณนะ จะให้ผมเอาที่ไหนมาโอนอีก”
“อย่าให้รู้นะว่ามีซ่อนไว้ตรงไหนน่ะ”เรวิตาขู่เสร็จก็เล่าเรื่องที่รับรู้มาจากวิยดาอีกทอดหนึ่ง เล่าจบปราบก็หัวเราะขึ้นมา
“ลูกคนนี้เลือดมันแรงเหมือนพ่อมันเลย”
“แรงตรงไหนกัน เหี่ยวหมด ไม่สู้มาตั้งนานละสิไม่ว่า”
ปราบไม่พูดมาก ได้ยินภรรยาพูดมาแบบนี้เหมือนหยามกันชัดๆ ปราบเดินไปรวบภรรยาพาขึ้นบันไดจะไปห้องนอน เรวิตาฟาดมือใส่ทันทีด้วยความอายแต่ก็ยอมเดินตามไป
“บ้า คุณเนี่ย กลางวี่กลางวันอยู่นะคุณ”