“ช่วยเมียด้วยค่ะดนย์ขา”
เรวิตาร้องซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง วันนี้ครบแปดวันพอดีที่ร้องเสียงแหลม โดยจะร้องก็เฉพาะที่ดนย์อยู่เท่านั้น โชคดีที่ ‘ปราบ’ ผู้เป็นสามีถอดเครื่องช่วยฟังออกแล้ว เลยไม่รู้สึกรำคาญเท่าลูกชายทั้งสามคน
ดนย์ที่เป็นตัวปัญหาของเรื่อง แสดงท่าทีลอยตัวด้วยการทำเฉยๆเอาไว้ แต่ยิ่งทำเฉย คนเป็นแม่ก็ยิ่งโกรธ หากเป็นเรื่องทนภาวะกดดันได้นั้น ดนย์ทำได้ดีที่สุดในบรรดาเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเบญญาเลยทีเดียว
กลับกลายเป็นรติพัฒน์เสียเองที่เดินเฉียดห้องรับแขกในบ้านตลอดเช้าวันหยุดนี้แล้วต้องร้องออกมาอย่างอ้อนวอน
“พอเถอะฮะคุณแม่ ผมฟังแล้วขนลุก”
“แล้วคิดว่าแม่พูด แม่ไม่ขนลุกรึไง” เรวิตาร้องถามเสียงแหลมสูง “ลูกหนอลูก แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้ผู้หญิงหยำฉ่าแบบนั้นมาแสดงตัว มาเสนอหน้าในงานต่อหน้าคนนอก ต่อหน้าลูกน้องน่ะ พูดแล้ว เตือนแล้ว ฟังคำพูดของแม่กันบ้างมั้ย”
“ไหนว่าพี่ดนย์จะแต่งงานกับบ้านนั้นแล้วยังไงละฮะ แบบนั้นจะเป็นคนนอกได้ยังไง” รติพัฒน์ถามไปขำไป พอเห็นสายตาที่แม่มองก็ขำแห้งๆ จนขำต่อไม่ออก
“แล้วคนในโรงแรม ลูกน้องตั้งกี่ชีวิต มันไม่เห็นกันหรอ” เรวิตาพูดแล้วยกมือตีอกตัวเอง “อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ไม่ใช่แค่ดนย์ แม้แต่ปุริม หรือเราเอง รติพัฒน์ ก็อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก”
เรวิตาเรียกชื่อจริงของลูกด้วยเสียงแข็งๆ ตาก็แข็งอย่างต้องการให้ลูกๆ กลัว
“ถ้าเกิดอีก...” รติพัฒน์กลับไม่ยอมทำท่ากลัว เขายังไม่หยุดแหย่แม่ เรวิตาตวัดดวงตาคมกริบไปยังลูกชายคนสุดท้องก่อนจะลุกไปจัดการให้หายหมั่นไส้สักที แต่ลูกชายตัวดีวิ่งหนีไปทางสวนหน้าบ้านแล้ว
“อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะดนย์”
เสียงพูดเรียบๆแบบนี้ต่างหากที่ทำให้ดนย์รู้สึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง ดนย์ไม่ได้ตอบรับอะไร ทำเพียงเมินหน้าไปยังทางอื่น เรื่องแต่งงานนี่เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย หากไม่เพราะว่าซวยจับสลากได้ เจ้าบ่าวงานนี้ไม่ใช่เขาแน่นอน แต่ถึงแต่งงานไปแล้วผู้หญิงแบบนั้นก็ไม่มีทางทำให้ดนย์ละทิ้งชีวิตชายโสด ที่เต็มไปด้วยอิสรภาพได้หรอก
“แต่งแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตแบบอยู่ใครอยู่มัน แกต้องทำอะไรก็ได้เพื่อเชื่อสัมพันธ์กับแม่หนูคนนั้น ทำลูกได้ก็ทำ เพราะงานที่รออยู่ข้างหน้ามันจะได้ง่ายเข้า”
ดนย์ไม่ได้ถามว่า ‘งานข้างหน้า’ นั่นคืองานอะไร เรื่องนี้พ่อเคยบอกแผนการกับเขามาแล้ว เรื่องการแต่งงานเพื่อควบรวมกิจการไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายของพวกเขา เครือเบญญ์ ได้ประโยชน์เพียงกิจการเดียวที่ควบรวม แต่มันหมายถึงกิจการลูกทั้งหมดของบ้านนั้นที่พ่อของเขาวางหมากเอาไว้แล้ว
ดนย์ส่ายหัวเบาๆ เขาใช้ง่ายหน่อย พ่อก็จะใช้เขาอยู่คนเดียวเลย คิดได้เช่นนั้นดนย์ก็ค่อยลุกออกไปยืนมองน้องชายที่กำลังโดนแม่ดีดหูอยู่ที่ตรงสวนของบ้าน ก่อนเลี่ยงไปยังพื้นที่อื่นในนาทีต่อมา
วีร์ดาไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ได้ยินเสียงทุบประตูสลับกับเสียงออดเรียกที่ด้านหน้าของห้อง จึงค่อยดันตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินออกไปส่องดูที่ตาแมวถึงได้เห็นน้องสองทั้งสาวคนของเธอยืนทำหน้าเครียดกันอยู่ ดีหน่อยที่ได้นอนพักสมองไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่านานขนาดว่าข้ามวันข้ามคืนจนคนในบ้านพากันเป็นห่วงเพราะโทรศัพท์ตามตัวไม่เจอ
วีร์ดาประตูให้น้องทั้งสองคนของเธอเข้ามาในห้อง
“รู้มั้ยว่าพวกเราตกใจกันขนาดไหน”
“พี่วีหายแบบนี้ไม่ได้นะ พ่อจะความดันขึ้นแล้ว stroke ก็เพราะพี่วีนั่นแหละ”
“พี่แค่เบื่อเสียงพ่อกับแม่บ่นเนี่ย พี่เลยหาที่นอนเงียบๆ แล้วเราอ่ะมีอะไรกัน”
“จะมีอะไรล่ะ นี่พี่วีรู้มั้ยว่าหายไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเลยน่ะ”
“ไม่รู้ พี่หลับเป็นตายเลย แล้วตกลงว่ามีอะไรอีก แค่มาตามหาพี่แค่นี้ใช่มั้ย”
“ก็ใช่นะสิ พวกเราเป็นห่วงก็เลยออกตามหาพี่วีกัน”
“พี่จะไปไหนได้ ชีวิตนี้มีแค่ที่ร้านกับที่บ้านเท่านั้นแหละ”
“พวกเราก็คิดไม่ถึงว่าพี่วีจะมานอนหลบอยู่นี่”
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าห้องนี้พี่วีก็หลบมาได้ด้วย คราวหลังถ้าหาไม่เจออีกอย่าลืมมาดูที่นี่ล่ะ” ไอริณหันไปบอกกับจิดาภา
“เพิ่งรู้สึกว่าโชคดีก็ตอนนี้แหละที่ยังขายห้องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปพักหูพักหัวได้ที่ไหน”
“อยากได้อะไรกินหน่อยมั้ย เดี๋ยวพวกเราจะออกไปซื้อมาให้”
“ได้หมดแหละ อยากกินอะไร อยากดื่มอะไรก็ซื้อมาแล้วกัน นี่พี่ก็เริ่มหิวแล้วด้วย” วีร์ดายกมือขยี้ผมที่ฟูไม่เป็นทรง พอได้ยินว่าน้องสาวจะออกไปหาอะไรมาให้กิน ท้องไส้ของเธอก็ร้องโครกครากทันที
“งั้นพี่วีรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไอซ์กับเจนี่ออกไปซื้ออะไรกินง่ายๆแถวนี้มาให้”
น้องสาวทั้งสองคนของเธอมาพร้อมกัน บทจะออกไปหาซื้ออะไรก็พากันออกไปด้วยกันทั้งคู่ วีร์ดาที่คิดจะนอนหลับอีกสักงีบเห็นคีย์การ์ดวางอยู่เลยไม่ได้ล็อกประตูเธอเดินโซเซกลับไปนอนดูทีวี
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงก็แว่วเสียงประตูเปิดออก
“กลับมาไวจัง ได้อะไรมากินมั่ง”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงเอี้ยวคอไปมองพบว่าไม่ใช่น้องสาวของเธอ แต่กลายเป็นว่าที่สามีของเธอยืนจังก้าขวางอยู่ตรงประตูห้อง
เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ไม่ได้เชิญให้มา แล้วยังเป็นคนที่อยากเจอหน้าเป็นคนสุดท้ายบนโลกก็ส่งเสียงทักทายด้วยการตำหนิไปว่า “ทีหลังจะเข้าไปในพื้นที่ของใคร รบกวนช่วยมีมารยาทด้วยนะคุณ”