บทที่ 2 : หัวใจเต้นผิดจังหวะ 1

2451 Words
“นี่เราดูเวลาถูกแล้วใช่ไหมแป๋ว” ญาณิศาหันมาเอ่ยถามเพื่อนสาวรุ่นน้องด้วยสีหน้าหงุดหงิดระหว่างรอคนที่นัดจะมารับที่หน้าโรงพยาบาลตอนเก้าโมง ซึ่งตอนนี้ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมาสักที “คุณหมอใจเย็นๆก่อนนะคะ แป๋วว่าเช้าๆแบบนี้รถอาจจะติดเลยทำให้หัวหน้าภูมาถึงช้ากว่าที่นัดไว้นิดหน่อย”คนที่มายืนรอส่งขึ้นรถบอกกับคุณหมอคนสวยด้วยน้ำเสียงใส “มาช้าเป็นชั่วโมงแบบนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้วมั่ง!” ญาณิศาขัดขึ้นด้วยประโยคประชดประชันเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวรุ่นน้องเข้าข้างอีกฝ่ายมากจนเกินไป แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบเล็กก็ดังขึ้น หญิงสาวเลยเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเป็นเบอร์ของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นคนโทรมา เธอเลยต้องรีบกดรับสายแล้วกรอกเสียงหวานลงไป “สวัสดีค่ะผอ. ณิศาพูดค่ะ” ถึงแม้ว่าในใจจะขุ่นเคืองหนักที่เพื่อนของอีกฝ่ายยังไม่มาตามนัด แต่เธอก็ต้องควบคุมเสียงให้อยู่ในโทนปกติ เนื่องจากเธอเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงหรือแสดงความไม่พอใจต่อเจ้านาย “คุณหมอณิศา ถ้าตอนนี้คุณรอเดินทางไปผาตะวันกับไอ้ภูอยู่ไม่ต้องรอแล้วนะ ให้คุณไปที่สนามบินเลย เดี๋ยวผมจะส่งตั๋วเครื่องบินที่จองไว้ไปให้ก็แล้วกัน” สรรพนามที่ผู้อำนวยการหนุ่มเลือกใช้อย่างสนิทสนมกับอีกฝ่ายไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข่าวลือที่ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันนั้นเป็นเรื่องจริง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะผอ.” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางอย่างกะทันหัน “พอดีไอ้ภูติดงานด่วนเลยรีบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ยังไงคุณก็ตามไปทีหลังแล้วกัน แต่ช่วงนี้หมอกควันที่ตัวจังหวัดแน่นหนามากทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ คุณต้องลงเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่แล้วไอ้ภูจะส่งเจ้าหน้าที่มารับคุณที่สนามบินไปผาตะวันอีกที” “ค่ะผอ.”หญิงสาวรับคำอย่างคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ก่อนที่คนปลายสายจะตัดสายไป “ผอ.ว่ายังไงบ้างคะคุณหมอ” แป๋วแหววที่ยืนฟังอยู่เงียบๆต้องเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ จะว่าไปแล้วเมื่อก่อนผู้อำนวยการเจษฎาก็เป็นที่หมายปองของหมอและพยาบาลสาวอยู่ไม่น้อย แต่พออีกฝ่ายประกาศจะแต่งงานกับนางเอกสาวสวยระดับแถวหน้าของวงการบันเทิงไทยทุกคนเลยอกหักกันเป็นแถว จากนั้นก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ภูมินทร์เพื่อนสนิทของผู้อำนวยการที่ยังโสดอยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียว “ผอ.บอกว่าไอ้หัวหน้าภูอะไรนั่นเดินทางไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ให้ฉันบินตามไปทีหลัง แล้วเขาจะส่งเจ้าหน้าที่มารับที่สนามบิน” ญาณิศาสรุปประเด็นที่ได้คุยกับคนในสายคร่าวๆให้เข้าใจง่ายๆ ส่งผลให้สายตาใสแป๋วของคนฟังต้องหม่นหมองลงอย่างคนสิ้นหวัง “แบบนี้ก็หมายความว่าวันนี้แป๋วจะไม่ได้เจอหน้าหัวหน้าภูแล้วนะสิ” แป๋วแหววว่าพลางทำหน้ามุ้ยเมื่อความหวังที่ตนจะได้พบหน้าชายหนุ่มรูปงานปานเทพบุตรพังทลายลงในพริบตา ทว่าคนฟังกลับต้องขวมดคิ้วยุ่งเพราะดูเหมือนเพิ่งจะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของสาวรุ่นน้องที่อีกอาสามาส่งเธอขึ้นรถ แต่พอเห็นความผิดหวังของอีกฝ่ายที่ฉายชัดบนใบหน้าก็โกรธเธอไม่ลง ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเห็นใจและเอ็นดูเธอด้วยซ้ำ “นี่ยังไม่ตัดใจอีกเหรอแป๋ว ฉันบอกแล้วไงว่าอีตานั่นเป็นเกย์ ยังจะอยากเห็นหน้าเขาทำไม ยังไงเขาก็ไม่มีทางชอบชะนีอย่างเราๆอยู่แล้ว” “ก็แป๋วเสียดายความหล่อนี่คะ ถึงหัวหน้าภูจะเป็นเกย์แต่แค่ได้เห็นหน้าหัวใจก็กระชุ่มกระชวยมีแรงทำงานเพิ่มอีกเป็นกอง” “เฮ้อ! สงสัยจะอาการหนักจริงๆนะเราเนี่ย” ญาณิศาถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆกับท่าทางเคลิบเคลิ้มของสาวรุ่นน้อง ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรักชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอยังคงตัดใจคลั่งไคล้ในตัวเขาไม่ได้อยู่ดี “แป๋วรักแป๋วหลงมาตั้งนาน จะให้ตัดใจง่ายๆได้ยังไงละคะคุณหมอ”แป๋วแหววว่าพลางทำหน้างออย่างน่าสงสาร “เอ่อน่า…ตื่นจากฝันได้แล้วสาวน้อย ยังมีเจ้าชายหล่อๆรออยู่อีกมาก” ญาณิศาดึงเพื่อนสาวรุ่นน้องมากอดลาพร้อมตบหลังบางเบาๆเป็นการปลอบใจเมื่อเพื่อนสาวรุ่นน้องทำหน้างอไม่หาย “ดูแลตัวเองดีๆนะคะคุณหมอ ถ้าคิดถึงแป๋วก็โทรมาหาได้ตลอดเวลา”แป๋วแหววบอกพร้อมกับกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความรักความเป็นห่วงจากข้างในไม่ได้มีการแสแสร้งแต่อย่างใด ซึ่งญาณิสารับรู้ด้วยหัวใจ “แป๋วก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ไว้จะกลับมาเล่าประสบการณ์การไปเป็นแพทย์อาสาครั้งนี้ให้ฟัง” “ค่ะ คุณหมอ เดินทางปลอดภัยนะ” สองสาวยืนกอดกันอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่ญาณิศาจะขอตัวแยกออกมา เพื่อที่จะเดินทางไปที่สนามบินตามที่ผู้อำนวยการได้บอกเอาไว้ ……………………………………… รถกระบะยกสูงสีดำคันใหญ่กำลังวิ่งอยู่บนถนนลาดยางสองช่องจราจร ที่มีความคดโค้งและลาดชัน ตัดผ่านพื้นที่ป่าไม้ ทิวเขา และภูเขา เป็นเส้นทางขึ้นเขาลงเขาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เมื่อใดที่รถขึ้นไปอยู่ในที่สูงจะสามารถมองเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนกันไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากสำหรับสาวชาวกรุงอย่างญาณิศาที่เพิ่งจะเคยพบเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่แล้วความสุนทรีย์ในอารมณ์ก็ต้องสะดุดลง เมื่อได้ยินเสียงสบถของสารถีหนุ่มข้างๆ “อ้าวเฮ้ย! ซวยแล้วไง” คนที่กำลังเร่งทำเวลาให้ถึงฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่าก่อนตะวันลับขอบฟ้า รู้สึกหัวเสียเมื่อเครื่องยนต์กระตุกอยู่สองสามครั้งแล้วก็ดับสนิทลง แต่ก็ยังดีที่ขึ้นเขาสุดพอดี ไม่อย่างนั้นก็คงติดแหงกอยู่ตรงทางขึ้นเขาเป็นแน่ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ พี่หมอก” ญาณิศา หันมาถามเจ้าหน้าที่หนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในทีมปฏิบัติการพิเศษหน่วยเสือไฟ หรือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเธอจากสนามบินเชียงใหม่ข้ามจังหวัดมาที่นี่ด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย “น้ำมันหมดครับคุณหมอ พอดีผมรีบมาก ก็เลยลืมเติมน้ำมัน” หมอกหันมาตอบคุณหมอสาว เจ้าของใบหน้ารูปไข่ที่มีเครื่องหน้าโดดเด่นสะดุดตา ทุกมุมหน้าแลดูสวยสดงดงามโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องสำอางมาประโคมใส่ให้มากมาย ดวงตาคู่สวยหวานหยด ผิวพรรณขาวนวนน่าสัมผัส ทรวดทรงองค์เอวก็แสนจะอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม ‘ใครกันนะ ช่างใจร้ายส่งนางฟ้านางสวรรค์มาลำบากกลางป่ากลางเขาได้’ นั่นเป็นความคิดแวบแรกที่หมอกพึมพำถามตัวเองในใจเมื่อเห็นคุณหมอคนสวยที่หัวหน้าสั่งให้มารับ ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะเป็นแพทย์ผู้ชายเสียอีก เพราะทีมแพทย์แต่ละคนที่อยู่ประจำฐานควบคุมไฟป่าล้วนแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น “แล้วเราจะทำยังไงกันดีละคะ ที่นี่ห่างจากตัวเมืองอีกไกลหรือเปล่าคะ” “อีกยี่สิบกิโลจะถึงหมูบ้านเล็กๆที่อยู่ตีนเขาครับ ที่นั่นน่าจะมีน้ำมันรถขายครับคุณหมอ” คำตอบของหมอกทำให้ใบหน้างามระบายออกมาอย่างมีความหวัง ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยถามต่อ “พี่หมอกมีเบอร์ชาวบ้านแถวนั้นไหมคะ ลองโทรให้ชาวบ้านเอาน้ำมันมาให้เราก่อนดีไหมคะ” “เบอร์โทรมีครับ แต่แถวนี้ไม่มีคลื่นโทรศัพท์หรอกครับคุณหมอ” “อ้าว! แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ อีกไม่ถึงชั่วโมงตะวันก็จะตกดินแล้ว จะไปถึงที่พักทันก่อนค่ำไหมคะ” เป็นคำถามที่แฝงไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะคงไม่ดีแน่หากมาติดอยู่กลางป่ากลางเขากับผู้ชายแปลกหน้าที่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดี ถึงแม้ว่าตลอดการร่วมเดินทางหลายชั่วโมงมานี้หมอกจะไม่แสดงนิสัยเจ้าชู้กับเธอก็เถอะ “ใจเย็นๆก่อนครับคุณหมอ เรายังมีทางเลือกอื่นครับ” ว่าแล้วก็คว้าวิทยุสื่อสารชนิดติดรถยนต์จากหน้ารถออกมากด พร้อมกรอกเสียงเรียกอีกฝ่ายตรงข้ามด้วยรหัสโค้ดลับที่คุณหมอสาวไม่มีวันเข้าใจมันทั้งหมด จากนั้นก็ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสายสองสามประโยคแล้วก็ดับไป “อีกครึ่งชั่วโมง หัวหน้าจะเอาน้ำมันมาให้ครับ แต่ผมคงโดนดุหูชาแน่ เพราะไม่รอบคอบเอง” แค่ได้ยินคำว่าหัวหน้า หัวใจดวงน้อยของคุณหมอสาวก็กระตุกวูบไปทีหนึ่ง เพราะการอยู่ในฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่ามีหัวหน้าหน่วยเสือไฟเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ซึ่งนั่นก็แปลว่าเธอต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขาตลอดภารกิจนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้รู้สึกหวั่นใจเท่ากับเรื่องเล่าของทีมแพทย์รุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกับหัวหน้ามาก่อนหน้านี้ เห็นลือกันว่านอกจากเขาจะเข้มงวด ระเบียบจัดแล้วยังเถื่อนทานแบบสุดๆอีกด้วย ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการคิดยังไงถึงได้ส่งผู้หญิงร่างน้อยเอวบางมาร่วมทีมในครั้งนี้ เสร็จภารกิจไม่รู้ว่าเธอจะรอดปลอดภัยกลับเมืองกรุงได้อยู่หรือเปล่า ญาณิศาทำได้เพียงภาวนาให้อีกฝ่ายเอ็นดูและไม่ใจร้ายกับเธอมากจนเกินไป “หัวหน้าที่พี่หมอกหมายถึง ใช่คนเดียวกับหัวหน้าภูมินทร์ของหน่วยเสือไฟหรือเปล่าคะ” ญาณิศาลองหยอดถามให้แน่ใจว่าคนที่เธอกำลังจะเจอในอีกครึ่งชั่วโมงเป็นคนเดียวกับที่เธอคิด เพราะหากเป็นเขาจริง เธอจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ และที่สำคัญจะได้สร้างความประทับใจแรกพบเพื่อให้ได้รับความรักความเอ็นดูตลอดในการอยู่ฐานปฏิบัติการนั่นเอง “ครับ! หัวหน้าภูมินทร์หรือหัวหน้าภูเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเสือไฟ เจ้าของฉายาพญาไฟครับ” “พญาไฟ” เสียงหวานทวนประโยคที่แสนจะสะดุดหู พลางเลิกคิ้วโค้งงามขึ้นสูง “ครับ เพราะหัวหน้าเป็นนักผจญไฟป่ามือฉกรรจ์ แถมยังลุยด่านหน้าเสมอ ไม่ว่าจะดับไฟบนดิน ดับไฟป่ากลางอากาศ หรือแม้แต่ดับไฟใต้ดินก็ผ่านมาหมดแล้วครับ และไม่ใช่แค่ดับไฟในประเทศไทยเท่านั้นนะครับ แต่หัวหน้ายังเป็นอาสาสมัครดับไฟป่าในต่างประเทศอีกด้วย ไม่ว่าจะเมืองหนาวที่เกิดไฟเรือนยอด หรือเมืองร้อนที่เกิดไฟผิวดินและใต้ดิน หัวหน้าก็ลุยสุดเสมอครับ” “โห…เท่าที่ฟังมานี่หัวหน้าหน่วยเสือไฟผ่านประสบการณ์มาเยอะ เลยนะคะ” คุณหมอสาวทำตาโตด้วยความทึ่งเมื่อได้ฟังวีรกรรมใหม่ของหัวหน้าทีมปฏิบัติการในครั้งนี้ เริ่มที่จะรู้สึกสนใจอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ว่าแต่สายลุยขนาดนี้ ใจดีหรือใจร้ายคะ” คำถามที่เต็มไปด้วยอาการลุ้นของหญิงสาว ทำให้หมอกหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูในความกลัวโดนดุของอีกฝ่าย ถึงหัวหน้าจะเป็นคนเฉียบขาดกับทีมงานชายตามแบบฉบับผู้นำ แต่กับผู้หญิงเขาเองก็ไม่แน่ใจเลยเลือกที่จะตอบเป็นกลางๆ “หัวหน้าเป็นคนมีเหตุผลครับ” แม้คำตอบที่ได้รับจะไม่ตรงประเด็นเสียทีเดียว แต่ญาณิศาก็พยักหน้าน้อยๆอย่างเข้าใจ รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยเธอก็ได้ร่วมงานกับคนที่มีเหตุผล เพราะเชื่อว่าตัวเองจะไม่โดนดุเพราะเรื่องไร้สาระแน่นอน “รบกวนพี่หมอกถ่ายรูปให้ณิศาหน่อยได้ไหมคะ เห็นวิวรอบๆสวยดี ณิศาอยากเก็บรูปไปอวดเพื่อนๆในกรุงเทพฯค่ะ” เมื่อคลายกังวล หญิงสาวก็เอ่ยขอเจ้าหน้าที่หนุ่มด้วยความเป็นการเอง อันที่จริงเธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นตั้งแต่แนะนำตัวที่สนามบินแล้ว ถึงแม้ภารกิจที่นี่จะแค่ชั่วคราว แต่เธอก็อยากมีเพื่อนร่วมงานที่เอ็นดูกันและกันเหมือนพี่เหมือนน้องมากว่าคนรู้จากทั่วไป “ยินดีครับ ที่นี่เป็นวิวที่สวยที่สุดของอำเภอผาตะวัน และที่ๆเรากำลังยืนอยู่คือจุดชมวิวผาตะวันที่สามารถมองเห็นวิวทิวเขาได้สามร้อยหกสิบองศา นักท่องเที่ยวจะชอบมาชมตะวันขึ้นและตะวันตกดินที่นี่ครับ” “จริงเหรอคะ” “จริงสิครับ ถ้าคุณหมอได้มาที่นี่ตอนเช้าๆจะเห็นทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา รับรองว่าจะประทับใจไม่มีวันลืมเลยละครับ” “สงสัยณิศาต้องหาโอกาสมาแล้ว” “ผมยังพูดไม่จบครับคุณหมอ ต้องเป็นตอนเช้าในฤดูหนาว หรือไม่ก็ฝนเท่านั้นนะครับ เพราะถ้าคุณหมอมาฤดูร้อนช่วงเดือนเมษาแบบนี้คงเห็นแต่หมอกควันครับผม” “อ้าว…แล้วแบบนี้ณิศาก็อดเห็นทะเลหมอกสวยๆนะสิคะ นี่กะว่าจะแอบหนีออกมาจากฐานปฏิบัติการตอนเช้าๆเพื่อมาชมทะเลหมอกที่นี่เลยนะคะเนี่ย” พูดแล้วหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเสียดาย หมอกไม่น่าพูดให้เธออยากเลย “ถ้าคุณหมอเสร็จภารกิจที่นี่แล้ว ว่างๆก็ลองหาโอกาสมาเที่ยวฤดูอื่นดูสิครับ รับรองว่าที่ผาตะวันแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ไม่มีวันลืม” “ถ้าอย่างนั้น ณิศาขอจองพี่หมอกเป็นไกด์ไว้ก่อนเลยนะคะ” “ด้วยความยินดีครับคุณหมอ” หมอกตอบรับเสียงหนัก ก่อนที่จะเดินตามคุณหมอคนสวยลงมาจากรถ แล้วรับโทรศัพท์ของเธอมาถ่ายภาพให้เธอคู่กับวิวทิวเขาในมุมต่างๆ กระทั่งตะวันค่อยๆเลือนลับขอบฟ้าไป ……………………………………..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD