“ทำไมเวลาส่งแพทย์อาสาไปต้องเป็นฉันทุกที เพราะฉันเป็นเด็กทุนใช่ไหมถึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งของผู้อำนวยการสักครั้งเดียว”
ญาณิศาบ่นกับตัวเองเบาๆหลังจากเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้างอเล็กน้อยเมื่อถูกออกคำสั่งให้ไปเป็นแพทย์อาสาจากผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลโดยตรงในที่ประชุมเมื่อครู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการไปเป็นแพทย์อาสาช่วยเหลือเด็กขาดสารอาหารในประเทศแอฟริกายังไม่ถึงสองวัน พูดง่ายๆเธอยังไม่ทันได้พักก็ต้องเดินทางอีกแล้ว
คงเป็นเพราะข่าวลือเรื่องความโหดของหัวหน้าทีมฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่าก่อนหน้านี้เป็นแน่ ถึงไม่มีใครกล้าอาสาไปเป็นแพทย์อาสาเลยสักคน
‘สงสัยจะโหดและเถื่อนทานตามข่าวลือจริงๆ เวลาที่ทุกคนได้ยินชื่อถึงได้ขยาด’
แต่เมื่อมาทบทวนดูอีกทีเธอก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้อำนวยการเลยจริงๆ เพราะถ้าหากหัวหน้าทีมดุและโหดขนาดนั้นจะส่งผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไปทำไม หรือเพราะข่าวลือที่ว่าผู้อำนวยการกับหัวหน้าเสือไฟจอมโหดเป็นเพื่อนสนิทกัน เลยมองไม่เห็นความโหดร้ายของอีกฝ่าย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ญาณิศาก็ต้องกุมขมับด้วยความเคร่งเครียดทันที
มันก็อาจจะไม่ยากเท่าไหร่หากได้ร่วมงานกับคนปกติที่ไม่เคยสร้างวีรกรรมโหดๆ จนพวกแพทย์รุ่นพี่ต้องถอนตัวจากการไปเป็นอาสาสมัครมานักต่อนัก เพราะโดยปกติแล้วเธอเชื่อว่าตัวเองสามารถอดทนต่อแรงกดดันได้สูง แต่ครั้งนี้กลับไม่แน่ใจเลยสักนิด
แต่ถ้าจะให้ปฏิเสธคำสั่งของผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลก็เห็นจะไม่ได้ เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับทุนจากโรงพยาบาลส่งเรียนจนจบแพทย์ หลังจากที่เรียนจบก็ต้องมาทำงานชดใช้ทุนตามสัญญา ถึงแม้จะได้เงินเดือนเป็นค่าตอบแทนในแต่ละเดือน แต่สิ่งที่เธอต้องตระหนักไว้เสมอคือบุญคุณต้องชดใช้ เพราะงั้นเวลาที่ผู้อำนวยการออกคำสั่งเธอจะต้องก้มหน้ารับ และทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดใดทั้งสิ้น
“มีเรื่องอะไรหนักอกหนักใจถึงทำให้คุณหมอณิศาคนสวยทำหน้าเครียดหนักขนาดนี้นะ”
แป๋วแหววพยาบาลสาวรุ่นน้องของญาณิศาเอ่ยถามลอยๆ ขณะเดินตามหลังเธอเข้ามาในห้องตรวจพลางวางแฟ้มประวัติคนไข้ลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอ เผื่อคุณหมอเจ้าของไข้จะทำการตรวจเช็คอีกที
“เฮ้อ! ลงพื้นที่เป็นแพทย์อาสาตามคำสั่งของผอ.เจษฎา”
ญาณิศาถอนหายใจออกมายาวๆพลางบ่นให้พยาบาลสาวรุ่นน้องฟังเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุมอันแสนตึงเครียดเมื่อครู่นี้
“ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ ปกติผอ.ก็ส่งคุณหมอไปเป็นแพทย์อาสาประจำอยู่แล้วนี่”
“แต่ฉันเพิ่งกลับมาจากการไปเป็นแพทย์อาสาที่ต่างประเทศได้ไม่ถึงสองวันเองนะ”
ญาณิศาบ่นพร้อมกับทำหน้างอเล็กน้อยจนพยาบาลสาวรุ่นน้องต้องทรุดนั่งลงตรงข้ามมองใบหน้างดงามรูปไข่ของคุณหมอสาวอย่างจริงจัง
“ไม่เห็นต้องเครียดเลยนี่คะคุณหมอ เพราะถ้ามองกลับกันการไปเป็นแพทย์อาสาก็ดีออก นอกจากจะได้ไปทำงานยังได้ไปเที่ยวผ่อนคลายอีกด้วย อยู่แต่โรงพยาบาลน่าเบื่อจะตาย วันๆเห็นแต่คนเจ็บไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย”
แป๋วแหววบอกพร้อมกับชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการไปปฏิบัติงานภาคสนาม ทว่าคนฟังกลับส่ายหน้าไปมาเบาๆพร้อมกับเอ่ยถึงปัญหาใหญ่ของการลงพื้นที่ในครั้งนี้
“ก็อาจจริงนะถ้าเราได้เพื่อนร่วมทีมที่ดีไม่เหมือนหัวหน้าทีมจอมโหดที่ฉันกำลังจะไปเจอ ผู้ชายอะไรขนาดยังไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็ได้ยินแต่วีรกรรมของเขาเต็มไปหมด สงสัยจะแสบน่าดูถึงไม่มีใครอยากไปร่วมงานด้วยเลยสักคน”
ญาณิศาว่าพลางนึกถึงเจ้าของวีรกรรมที่เธอยังจินตนาการภาพเขาไม่ออกว่าจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน ทำไมแพทย์ในโรงพยาบาลแต่ละคนถึงรีบก้มหน้างุดทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา
“หัวหน้าทีมจอมโหดที่ว่า คุณหมอหมายถึงใครเหรอคะ”
แป๋วแหววเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณหมอคนสาวยังทำหน้าเครียดไม่เลิก
“ก็ไอ้หัวหน้าภู หรือนายภูมินทร์นั่นไง แป๋วเคยได้ยินชื่อหรือเคยเห็นหน้าหรือเปล่า”
“หัวหน้าภู! หมายถึงเพื่อนสนิทของท่านผอ.ที่เป็นหัวหน้าทีมเสือไฟอยู่ที่ผาตะวันหรือเปล่าคะ”
แป๋วแหววอุทานออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับเอ่ยถามเสียงรัว ดวงตากลมโตจ้องมองเพื่อนสาวรุ่นพี่ด้วยความตื่นเต้นเพราะเจ้าของชื่อที่คุณหมอคนสวยเอ่ยถึง
“ใช่! หัวหน้าภูคนนั้นแหละที่ฉันต้องไปร่วมงานด้วย”
“ให้ไวเลยค่ะคุณหมอ รีบไปเก็บข้าวของไปผาตะวันให้ไวเลย ไม่ต้องคงต้องคิดอะไรแล้ว”
แป๋วแหววกระตุ้นคุณหมอสาว เพราะบุรุษหนุ่มคนดังกล่าวนั้นเป็นที่หมายปองของแพทย์หญิงและพยาบาลสาวทั่วทั้งโรงพยาบาล แต่ดูเหมือนว่าภูมินทร์จะไม่เปิดโอกาสให้สาวๆคนไหนได้เข้าถึงตัวเลย ขนาดแพทย์อาสาเขายังขอให้เป็นผู้ชาย นี่เป็นครั้งแรกที่แป๋วแหววได้ยินว่าจะมีแพทย์หญิงไป เธอเลยสนับสนุนอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ทำไมฉันต้องรีบด้วยล่ะ ก็ในเมื่อเขาเป็นบุคคลอันตรายที่ฉันไม่อยากจะเจอเลย”
“โอ๊ย…ไม่ต้องคงไม่ต้องคิดมากแล้วค่ะคุณหมอ! นี่ถ้าแป๋วแหววมีบุญวาสนามากพอจะขออาสาไปแทนคุณหมอเลย แต่เพราะเห็นว่าวาสนาไม่ถึงเลยต้องหลีกทางให้คุณหมอไป”
แป๋วแหววเอ่ยพลางดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อเปิดภาพชายหนุ่มให้คุณหมอสาวดู เพราะเธอมั่นใจว่าถ้าอีกฝ่ายเห็นภาพจะต้องเปลี่ยนใจจากถอยหนีเป็นวิ่งสู้ขึ้นมาทันที
“มีไหนนะ รูปที่เคยแอบถ่ายหัวหน้าภูเอาไว้”
แป๋วแหววพึมพำขณะที่เลื่อนภาพในจอโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เมื่อไม่เจอภาพที่ต้องการหานั้นสักที รู้อย่างนี้เธอตั้งเป็นภาพหน้าจอไว้ตั้งแต่แรกก็คงจะดี
“เขาไม่ได้อนุญาตให้คนถ่ายภาพเขาหรอกเหรอ ทำไมต้องแอบถ่ายด้วยล่ะ”ญาณิศาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“โอ้โห…คุณหมอคะ อย่าว่าแต่อนุญาตให้ถ่ายภาพเลยค่ะ แค่พวกเราแอบถ่ายภาพได้ไกลๆก็ถือว่าบุญมากแล้ว เพราะถ้าหากถูกจับได้มีหวังผอ.ต้องเรียกเราไปตักเตือนชุดใหญ่แน่ๆ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ แปลกดีนะ ผู้ชายอะไรเจ้าอารมณ์ชะมัด!”
ญาณิศาต่อว่าคนที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้า พลางคิดไปว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ถือตัวแบบสุดๆเป็นแน่
“เจอแล้วค่ะคุณหมอ นี่รูปของหัวหน้าภูค่ะ”
“ไหนขอดูรูปเขาหน่อยสิ”
ญาณิศาว่าพลางดึงโทรศัพท์ในมือเพื่อนสาวรุ่นน้องมาดู แต่แล้วคิ้วโค้งงามก็ต้องขมวดเข้าหากันยุ่ง เพราะภาพที่ถ่ายไว้ได้เป็นภาพตรงบริเวณที่นั่งรอของคนไข้ ซึ่งมีคนไข้เป็นสิบนั่งรวมอยู่ด้วยเลยมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร
“คนไหนล่ะหัวหน้าภู คนในภาพมีเป็นสิบฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
“คนนี้ไงคะ คนที่หล่อที่สุดในภาพไง”พูดแล้วก็จัดการซูมให้อีกฝ่ายดูชัดๆ แต่พอขยายภาพมากๆภาพก็แตกจนแทบจะมองไม่ออก
“ภาพเบลอขนาดนี้ยังจะให้ดูอีก ไม่มีภาพที่ดีกว่านี้แล้วเหรอแป๋ว”
“ไม่มีค่ะคุณหมอ แป๋วมีแค่ภาพนี้ภาพเดียวค่ะ”
ญาณิศาส่ายหน้าไปมาเบาๆหลังจากฟังจบ สรุปว่างานนี้เธอก็ยังไม่เห็นหน้าและรู้จักเขาอยู่ดี
“แต่คุณหมอไม่ต้องห่วงนะคะ แป๋วแหววรับรองว่าตัวจริงหัวหน้าหล่อแน่นอน”
“หล่อแต่ทำตัวแปลกๆดีนะ”
“แปลกยังไงเหรอคะ”
“ก็แป๋วแหววบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ชอบให้ถ่ายภาพ คิดดูนะผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบให้ความสนิทกับสาวๆทั้งนั้นแต่อีตานี่ไม่ยอมให้ผู้หญิงเข้าใกล้ แถมประวัติแพทย์ที่ถูกส่งตัวไปที่ผาตะวันแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นแพทย์ผู้ชายทั้งนั้น แค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้ว”
“นี่คุณหมอกำลังจะบอกว่า…”แป๋วแหววหยุดพูดเพียงเท่านั้นก็อ้าปากเหวอจ้องมองใบหน้างดงามของคุณหมอสาวด้วยความคาดไม่ถึง
“เขาเป็นเกย์ ผู้ชายทรงนี้ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกเกย์ชัวร์!”
ญาณิศาดับฝันสาวรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการประมวลข้อมูลที่แสนจะฉลาดจากมันสมองอันเป็นเลิศของเธอนั่นเอง
“โอ้ย…ทำไมคุณหมอถึงได้ฟันธงแบบนั้นละคะ หัวหน้าภูตัวจริงออกจะหล่อเท่ แถมยังหุ่นล่ำน่ากินอีกต่างหาก”
แป๋วแหววทั้งต่อว่าทั้งโอดครวญเมื่อคิดถึงพ่อหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรที่เธอแอบชื่นชมมานานโดนกล่าวหาว่าเป็นเกย์ และดูเหมือนว่าคนกล่าวหาจะมั่นใจมากเสียด้วยสิ
“ที่ฉันฟันธงแบบนั้นเพราะประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับมาดีแล้วไงล่ะ และอีกอย่างเกย์สมัยนี้ดูแลตัวเองดีจะตาย เราแยกแทบจะไม่ออกเลยนะถ้าเขาไม่สารภาพออกมาตรงๆ”ญาณิศายังคงว่าต่อ พร้อมกับบอกให้เธอตัดใจ“ทำใจเถอะแป๋ว ผู้ชายรูปหล่อที่เป็นชายทั้งแท่งยังมีอีกเยอะ”
“ถ้ารู้ว่าเขาเป็นเกย์แล้วคุณหมอยังจะไปเป็นแพทย์อาสาอยู่หรือเปล่าละคะ”
“ไปสิ! นั่นมันเป็นคำสั่งของผอ.นะ แป๋วก็รู้ว่าฉันขัดไม่ได้”
“งั้นก็ขอให้คุณหมอโชคดีนะคะ”
แป๋วแหววทำได้เพียงอวยพรเสียงอ่อยไม่ตื่นเต้นอย่างเคย เมื่อประมวลผลตามคุณหมอคนสวยแล้วจิตใจก็เริ่มโอนอ่อนไปตามคำพูดของเธอ
‘คงจะเป็นอย่างที่คุณหมอณิศาพูดไว้จริง หมดกันพ่อเทพบุตรของแป๋ว’