Chapter 3
แสนรัก...แสนชัง (4)
'เรื่องมาก...มีไอ้นี่จะกินไอ้นั่น มีอย่างโน้นจะกินอย่างนี้ มารยาสาไถอ้อนผัวชัดๆ น่าหมั่นไส้ อีกคนก็โง่เหมือนควาย หลงเด็กจนทำตัวปัญญาอ่อนตาม'
นั่นคือความคิดในใจพราวนภา เหลือบมองคนที่นั่งเบียดอยู่ข้างพี่ชายด้วยสายตารู้ทันแกมหมั่นไส้...มาลีรินทร์เห็นแล้วกับแววตานั้นหากแต่ไม่ใส่ใจ ยิ้มหวานส่งไปให้น้องสาวคนรักเพื่อเชื่อมไมตรี
"เดี๋ยวน้าไปทำให้ตอนนี้เลยก็ได้จ้ะ เอาข้าวต้มปลาใช่มั้ยจ๊ะ"
แก้วกาญจน์วางช้อน ไม่สนใจสายตาและเสียงกระแอมของนคเรศที่มองว่าช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย...แก้วกัลยารีบลุกขึ้น จับแขน
มารดาให้นั่งลงตามเดิม
"คุณแม่ทานต่อเถอะค่ะ แก้วอิ่มพอดี เดี๋ยวแก้วไปทำเองค่ะ"
เหลือบมองเจ้าของคำสั่งที่กำลังโฟกัสสายตาเจ้าชู้มาทางตนหล่อนรีบเดินหนีไปทางครัว เมื่อเรื่องนั้นกำลังทำให้สองข้างแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา ทั้งที่ไม่อยากจำ แต่สายตาของเขากำลังทำให้หล่อนร้อนวูบไปทั้งร่างเพราะสัมผัสที่มากกว่าการถูกเนื้อต้องตัวธรรมดา
"รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวอามา"
เหมือนมีบางอย่างฉุดรั้งให้เขาต้องตามไปให้ได้...ในครัวที่ไม่มีใครนอกจากคนที่ไม่ลงรอยกันสองคน แก้วกัลยากำลังมองหาเนื้อปลาสดที่หั่นแช่ไว้ในตู้เย็น จำได้ว่าเห็นผ่านๆ ตาไปเมื่อวาน"
"อะแฮ่ม"
เสียงกระแอมทำให้ต้องเหลือบมอง...หล่อนลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นร่างสูงในเสื้อผ้าชุดใหม่กำลังเดินเข้ามาใกล้ พร้อมรอยยิ้มที่มองแล้วไม่ชอบเอาเสียเลย
"มารยาเก่ง ทำอาหารเก่ง เรื่องเรียนก็ไม่เป็นรองใคร แล้ว...อย่างอื่นจะเก่งด้วยหรือเปล่านะ..."
"....."
"ฉันอยากรู้...ว่าเรื่องบนเตียงของเธอจะขนาดไหน ก็คง...ผ่านมาไม่น้อยแล้วใช่ไหม กว่าจะโตมาได้ถึงวันนี้"
ถ้อยคำดูถูกขั้นรุนแรงพาดผ่านกลางใจจนเสียวแปลบ คนฟังกำมือแน่นหน้าชา ยอกย้อนกลับอย่างเหลือทน
"นั่นก็เรื่องของแก้วหรือเปล่าคะ ถึงจะผ่านมากี่คน แก้วทำให้คุณเดือดร้อนตรงไหนมิทราบ!"
"ปากดี! ระวังเถอะ ระวังตัวให้ดี ถ้ายังลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่ สักวันฉันจะพังประตูห้องแล้วจับเธอทำเมีย!"
ชายหนุ่มขู่ฟ่อให้รู้ว่าเอาจริงไม่ได้คิดเล่นๆ แก้วกัลยาทำเป็นหูทวนลม หยิบกล่องใส่เนื้อปลาออกมาแล้วปิดตู้เย็นใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เดินไปยังเตาทำอาหาร ทำข้าวต้มให้สุดที่รักของเขาตามคำบัญชา...ยอมทานข้าวไม่อิ่มเพราะไม่อยากให้มารดาเดือดร้อนจากการกลั่นแกล้งของคนที่ตามมาหาเรื่องกันถึงในครัว
นคินทร์ยังคงไม่ออกไป ไม่รู้ทำไมจึงอยากเอาชนะท่าทีแสนหยิ่งจองหองทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่บนพื้นโลก..เขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงความโอหังใส่ โดยเฉพาะเธอ คนที่ใจร้องบอกว่าเกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ
"คนที่ทำหน้าชื่นตาบานอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นได้อย่างไม่รู้สึกผิดและละอายใจ...ต้องเป็นคนแบบไหนกัน ต้องต่ำตมแค่ไหนถึงไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองทำให้คนๆ หนึ่งต้องฆ่าตัวตาย ครอบครัวของเขาต้องระส่ำระสาย ต้องทนอยู่กับความสูญเสียคนที่รักมากที่สุดไปอย่างไม่มีวันหวนคืน"
เสียงนั้นเจือความเศร้าในท้ายประโยค ระหว่างที่รอให้ข้าวต้มบนเตาเดือด แก้วกัลยาอดไม่ได้ที่จะเผยความในใจอันแสนอัดอั้น
"คุณภูกำลังเข้าใจผิด คุณแม่..."
"หยุดพล่าม! หยุดทำตัวน่าสงสาร ฉันไม่เชื่อคำแก้ตัวของลูกสาวคนที่สิ้นคิดทำตัวเป็นเมียน้อยหรอกนะ...ฉันเข้าใจ...เข้าใจว่าเธอก็อยากปกป้องแม่ของเธอ ในเมื่อเธอยังรักแม่ของเธอ ฉะนั้นก็ควรเข้าใจฉันบ้าง มีลูกคนไหนไม่รักแม่บ้าง ถ้าเธอเข้าใจ ก็ควรจะทำให้ฉันสบายใจด้วยการออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ"
"เพราะคุณอคติ ก็เลยเป็นแบบนี้ไงคะ"
เสียงนั้นสั่นเครือ แววตากลมโตจับจ้องสบตากับเจ้าของแววตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้น แววตายาวรีที่สั่นระริกจากความอัดอั้น ทำให้นคินทร์รีบเบือนหน้าหนีเพราะเขาจะไม่ใจอ่อนให้กับลูกสาวของศัตรู ต่อให้อีกฝ่ายร้องไห้คร่ำครวญอ้อนวอนให้เขาเห็นใจ หล่อนจะไม่มีวันได้เห็นแง่มุมดีๆ เหมือนที่เขามีให้กับคนอื่น...ไม่มีวัน
โธ่เว้ย!...เขาได้แต่สบถในใจด้วยอารมณ์สับสนว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะอดที่จะปรายตามองไปยังปลายนิ้วที่โดนเศษแก้วเมื่อวานไม่ได้...แต่...หล่อนสามารถวิ่งออกกำลังกายได้ นั่นแสดงว่าอาการบาดเจ็บนั้นไม่ได้มากมายจนถึงขั้นพิการ
"ฉันไม่ได้อคติ แต่เกลียดเลยแหละแก้วกัลยา...เกลียดทั้งแม่ทั้งลูก เกลียดคนที่สร้างภาพภายนอกดูว่าเป็นคนดี แท้จริงต่ำตมเกินจะเปรียบเปรย"
"เอาเถอะค่ะ เพื่อความสบายใจของคุณ แก้วจะชวนคุณแม่ออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้ พอใจคุณหรือยังคะ ถ้าพอใจแล้วก็ควรออกไปข้างนอกได้แล้ว เพราะเดี๋ยวเด็กของคุณจะเข้ามาตาม"
"ปากดีไล่เจ้าของบ้านงั้นเหรอ นี่มันบ้านของฉัน ทุกตารางนิ้ว
ในบ้านหลังนี้ฉันจะเดินไปตรงไหน ทำอะไรก็ได้เท่าที่อยากทำ แม้กระทั่ง...จับเธอขึ้นไปนั่งถ่างขาบนนั้นแล้วก็...จะลองของมั้ยล่ะฉันจะสาธิตให้ดู"
คนพูดขบริมฝีปาก พยักพเยิดไปยังเค้าท์เตอร์สำหรับทำครัวถ้อยคำที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงซ่าน นั่นไม่ใช่เพราะความอาย แต่กำลังเก็บซ่อนอารมณ์โกรธเพราะถูกยั่วด้วยถ้อยคำวนเวียนอยู่แต่เรื่องใต้สะดือ
"พูดอะไรออกมา ก็ทำให้ได้อย่างที่ปากพูดด้วยล่ะ ถ้าทำไม่ได้เธออยู่ไม่เป็นสุขมากกว่านี้แน่"
"ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ"
".....!"
เสียงนั้นทำให้ทั้งสองต้องสงบศึกชั่วคราว...มาลีรินทร์เดินเข้ามาด้านใน แววตาซ่อนความสงสัยมองกวาดไปทั่ว จนมาหยุดนิ่งอยู่บนหน้าของแก้วกัลยา เซ็กส์แอพรีลที่อีกฝ่ายมีคือแรงดึงดูดที่ทำให้ไม่อาจละสายตามาได้ ในขณะที่คนถูกมองส่งยิ้มมาให้สร้างมิตรไมตรี มาลีรินทร์แค่นยิ้มปร่าแปร่งส่งกลับไป ลึกๆ แล้วไม่ชอบใจที่เห็นคนของตนใกล้ชิดกับผู้หญิงที่กลายมาเป็นน้องสาวนอกไส้ที่เขาไม่ยอมรับ รู้สึกหึงหวงแม้เขาจะบอกว่าเกลียดอีกฝ่ายแค่ไหนก็ตาม
"อาภู...มาทำอะไรในนี้เหรอคะ มิ้นต์นั่งรอตั้งนาน"
เจ้าของชื่อรีบหันไปปั้นหน้ายิ้ม ตอบออกมาหน้าตาเฉย
"มาช่วยแก้วทำข้าวต้มให้มิ้นต์ไงครับ กลัวจะช้าไม่ทันใจ ไม่อยากให้มิ้นต์รอนานไง"
"มิ้นต์ไม่อยากทานแล้วค่ะ มิ้นต์แค่จะเดินมาบอกอาภูว่าขออนุญาตไม่ทานมื้อเช้าร่วมกับทุกคนได้มั้ยคะ"
"ถ้าไม่อนุญาตล่ะครับ"
"คืนนี้อาภูก็จะอดกินของอร่อยๆ โทษฐานที่กล้าขัดใจเมีย"
ย้ำชัดถ้อยชัดคำในท้ายประโยค แววตาสื่อความหมายส่งไปให้แก้วกัลยา ให้รู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว ใครก็ห้ามคิดเกินเลยมากกว่าคนร่วมบ้านเดียวกัน
"อย่าดื้อสิครับ ยังไงก็ต้องกิน เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ"
'ช่วยไปจีบกันไกลๆ ได้มั้ย นี่ถ้าทำได้คงจะขึ้นคร่อมกันในนี้ไปแล้ว'
แก้วกัลยายืนนับหนึ่งถึงสิบในใจ อยากหาอะไรมาปิดตาจะได้ไม่ต้องเห็นภาพชวนให้หมั่นไส้ จะอาเจียนออกมาก็เสียดายอาหารที่เพิ่งกินลงไป ทั้งสองคงลืมไปว่าในนี้คือห้องครัวไม่ใช่ห้องนอน จึงมายืนนัวเนียกันต่อหน้าต่อตาทำราวกับว่าหล่อนคืออากาศธาตุไร้ตัวตน