Chapter 3
แสนรัก แสนชัง (3)
"ไปทำอะไรมาถึงเปียกแบบนั้นกันล่ะหนูแก้ว"
สายตามองคนที่อยู่ในชุดกีฬา คิดไปพร้อมกัน แค่ออกกำลังคงไม่เหงื่อโซมกายเปียกชุ่มขนาดนั้นแน่นอน
"แก้ว...เอ่อ...แก้วซุ่มซ่ามตกลงไปในแอ่งน้ำตกที่หลังบ้านค่ะ"
พูดแล้วรีบหลุบตาหนี ก่อนก้าวเดินเร็วๆ เพื่อขึ้นห้อง ปล่อยให้นคเรศยืนงงอยู่เพียงลำพัง...ยังไม่ทันจะหายงง ลูกชายตัวดีก็ตามเข้ามา สภาพนั้นเปียกมะลอกมะแลกไม่ต่างกัน
"ไปทำอะไรมาถึงเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนั้นล่ะเฮีย"
เสียงทักมาจากพราวนภาที่เดินตามออกมาจากครัว โดยที่นคเรศยังไม่ถามอะไร ในขณะที่นคินทร์มองเจ้าของคำพูดด้วยหางตา
"ก็เพราะปากเสียแบบนี้ ถึงหาผัวไม่ได้เสียที"
"ก็ปากเสียพอกับเฮียนั่นแหละ พูดอะไรไม่ดูตัวเอง"
"โห ยายหมาพุดเดิ้ลผูกโบว์ ปากเสียใส่กันแต่เช้า ฉันขอแช่งให้หาผัวไม่ได้ แห้งเหี่ยวแก่ตายไปแบบขึ้นคานเถอะ"
เมื่อถูกพี่ชายแช่งชักหักกระดูกเรื่องปมด้อย คนที่ทำผมคล้ายกับสุนัขพุดเดิ้ลถึงกับออกอาการของขึ้นควันออกหูรัวกลับเป็นชุด
"เฮียก็เหมือนกัน ขอให้เป็นเอดส์ตาย ขอให้ควายเรียกพี่ ขอให้อีหนูสับขาหลอกจนเสียแก่ ขอให้..."
"หยุด!จะทะเลาะกันไปถึงไหนฮึ พอกันๆ ทั้งคู่ เมื่องานเผาศพ
แม่แกยังกอดกันร้องไห้ นี่อะไร กลับมาเถียงกันเป็นเด็กๆ อีกแล้ว"
นคเรศรีบห้ามทัพ ก่อนเสียงถกเถียงกันจะดังลั่นไปทั่วบ้าน...แววตาซ่อนความสงสัยไล่มองไปทั่วร่างลูกชาย
"หนูแก้วก็เปียกมาทั้งตัว แล้วนี่ก็อีกคน พากันไปทำอะไรมากันแน่ฮึ ตาภู"
"ร้อน ก็เลยโดดลงไปเล่นน้ำ ขอตัวก่อนนะครับ เบื่อขี้หน้ายาย
หมาพุดเดิ้ล"
ตอบแบบกำปั้นทุบดินแล้วหันไปหัวเราะใส่หน้าน้องสาวที่ยืนถลึงตามอง ก่อนจะเดินผิวปากหนีไปไม่สนใจว่าบิดาจะพูดอะไรต่อ และเขาคิดว่าต่อให้ท่านสงสัยอะไรก็ตาม ถ้าแก้วกัลยาอยากพูดเขาก็ไม่เคยแคร์ จุดประสงค์เดียวที่สนใจ นั่นคืออยากให้สองแม่ลูกออกจากบ้านของตนไป เมื่อนั้นเขาถึงจะหยุดกลั่นแกล้งแก้วกัลยา
"อาภูหนีมิ้นต์ไปไหนมาแต่เช้าคะ"
เสียงนั้นสวนมาทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด...นคินทร์แค่นยิ้มปร่าแปร่งด้วยมีชนักติดหลัง เพราะหากไปวิ่งอย่างเดียวนั้นคงจะไม่แปลก คิดไปไกลว่าหล่อนรู้เห็นอะไรหรือไม่ตอนเขาอยู่กับแก้วกัลยา
มาลีรินทร์ไล่มองสภาพของอีกฝ่ายที่อยู่ในเสื้อผ้าเปียกชื้น ยิงคำถามต่อโดยไม่รอคำตอบแรก "ไปทำอะไรมาถึงเปียกไปทั้งตัวคะ"
"เอ่อ...พอดี...อาลงไปวิ่งออกกำลังในสวน แล้วทองหยอดมันคึกกระโจนลงไปเล่นน้ำในบ่อไม่ยอมขึ้นมา ก็เลย...ก็เลยเปียกเพราะลงไปลากมันขึ้นมาจากน้ำไงครับ"
คนมีความลับเอาหมามาอ้างหน้าตาเฉย เป็นสุนัขโกลเด้นเพศเมียวัยเกือบขวบปี นั่นคือสิ่งที่สมองกลั่นออกมาได้เพื่อเอาตัวรอดสัมผัสได้ถึงความอึดอัดในใจเมื่อทำอะไรแล้วมีคนมานั่งซักไซ้ เขาไม่ชิน...ไม่ชินกับการที่ต้องมานั่งรายงานในทุกความเป็นไปของตัว
ในขณะที่มาลีรินทร์หรี่ตามองตามหลังคนที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ คิดไปพร้อมกัน เขาเป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะสุนัข หากวันข้างหน้าต้องอยู่ด้วยกันแล้วเขาแบ่งเวลาและความรักไปให้กับหมา หล่อนซึ่งไม่ชอบเพราะรังเกียจขนจะติดเสื้อผ้า คงจะทำใจยากหากต้องใช้ความรักร่วมกับหมาของเขา อยากให้เขาใช้เวลาทั้งหมดที่มีให้กับตนเพียงคนเดียว โลกทั้งใบของเขา นั่นคือโลกที่มีแต่เธอ
ในเวลาเกือบแปดโมงเช้าของวันหยุด ตรงโต๊ะอาหารที่คนในบ้านจะทานมื้อเช้าช้ากว่าทุกวัน...มาลีรินทร์นั่งมองอาหารเช้าตรงหน้าโดยยังไม่แตะอะไร ในขณะที่คนร่วมโต๊ะเริ่มทานกันไปบ้างแล้ว จนนคินทร์ต้องสะกิดให้หล่อนรู้ตัว
"ทานสิมิ้นต์ ไม่หิวเหรอครับ"
"คุณพ่อไม่พูดกับมิ้นต์สักคำ ใครจะไปทานลงคะ"
หล่อนกระซิบให้ได้ยินแค่สองคน ทำหน้างอแงเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่นที่ถูกใจ
"ท่านก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขรึมๆ ไม่ค่อยพูด อย่าคิดมากเลยนะ"
มาลีรินทร์เหลือบมองไปบนโต๊ะ ทำหน้าเหม็นเบื่อผัดผักรวมใส่กุ้งตัวโต รวมทั้งขนมปังโฮลวีทกับเนยและแยมผลไม้ หล่อนอยากทานข้าวต้มปลาหากแต่ว่าวันนี้ไม่มีอาหารที่อยากทาน
"ไม่มีข้าวต้มเหรอคะ เบื่อผัดผักจะแย่อยู่แล้ว"
"ข้าวต้มน่าเบื่อกว่าอีก คนบ้านนี้ไม่ค่อยมีใครกินกันหรอก แต่
ถ้ามิ้นต์ต้องการ เดี๋ยวอาบอกคนทำให้ก็ได้ เอาข้าวต้มปลานะ"
เพียงเท่านั้น รอยยิ้มหวานก็ผุดพราวที่เขายอมตามใจ ดีใจที่เอาชนะเขาได้อีกครั้ง หากไม่ติดว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมอง หล่อนคงจะยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บตรงข้างแก้มแทนคำขอบคุณ
รอยยิ้มซ่อนเล่ห์ผุดพราวยามเหลือบมองสองแม่ลูกที่ใจแสนเกลียดชัง เขาแค่อยากปั่นหัวคนเล่นๆ เพื่อสนองหัวใจเท่านั้นเอง
"เช้านี้ไม่มีข้าวต้มเหรอครับคุณ...น้า..."
ฝืนใจคุยด้วยเพราะมีจุดประสงค์ เรียกไปแบบนั้นเขาก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ดี ในขณะแก้วกาญจน์คลี่ยิ้มปร่าแปร่งกลับมา
"เอ่อ...ข้าวต้มเหรอ ไม่มีจ้ะ เห็นว่าไม่มีใครทานก็เลยไม่ได้ทำ"
"พอดีมิ้นต์อยากทานข้าวต้มปลา...คุณน้า...พอจะทำให้ได้มั้ยครับ"
++++++++