อิงอิงรีบสาวเท้าก้าวเดินให้เร็วขึ้นเพื่อทิ้งระยะห่างเมื่อเจ้าสัวเทียนชัยเดินเข้ามาใกล้
เธอรู้ว่าเจ้าสัวเทียนชัยรักน้ากัญญามากถึงขนาดเลี้ยงต้อยกันมาตั้งแต่น้ากัญญาอายุได้เพียงสิบแปดปีจนตอนนี้น้ากัญญาอายุสามสิบสองปีแล้วก็ยังคงเลี้ยงดูกันอยู่ แต่ถึงเธอจะรู้อย่างนั้นเธอก็ยังไม่ไว้วางใจเจ้าสัวอยู่ดี ดูสายตาของเขาเมื่อมองเธอนั่นไง ลับหลังน้ากัญญาที่ไรชอบมองเธออย่างนี้ทุกที
“เป็นอะไรหรือเปล่าหนูอิง ทำไมมอมแมมอย่างนี้” เสียงทุ้มต่ำของท่านเจ้าสัวเทียนชัยวัยกลางคนถามขึ้นอย่างห่วงใยมาทางอิงอิงที่กำลังเดินอยู่ตรงด้านหน้าของเขา
อิงอิงหันหน้าไปมองท่านเจ้าสัวพร้อมทั้งส่งยิ้มตอบกลับตอบคำด้วยน้ำเสียงรื่นหู “หนูไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร” กับผู้ชายที่ยิ่งใหญ่เธอจะทำเสียมารยาทไม่ได้ เขาเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเธอก็ว่าได้เพราะว่าเขาอยู่เบื้องหลังของน้ากัญญาที่เลี้ยงดูเธอมาถึงเก้าปี
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดี” เจ้าสัวพูดแค่นั้นเมื่อทั้งสองเดินเข้ามายังคอนโดของกัญญาพอดิบพอดี
“พี่ชัย” เสียงหวานๆ ของน้ากัญญาส่งออกมาก่อนตัวเสียอีก เธออยู่ในชุดลำลองสีแดงสดลายลูกไม้ ที่เรียกได้ว่าเซ็กซี่ขยี้ใจ ดูก็รู้ว่ารอท่านเจ้าสัวอยู่ตลอดเวลา
กัญญาในมาดของผู้หญิงสวยสม่ำเสมอไม่เคยลดหย่อนปรายสายตาเรียวสวยมองหลานสาวที่เดินเข้ามาพร้อมกันพี่ชัยของเธอ “อ้าว! อิง เป็นอะไร ทำไมมอมแมมนัก”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ น้า อย่าสนใจหนูเลย” อิงอิงบอกปัดไปพร้อมทั้งเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเข้าห้องส่วนตัวของตน
กัญญามองตามหลังหลานสาวอย่างนึกขัดตาก่อนส่งเสียงแหลมให้อิงอิง “นี่อิง ทำไมไม่แต่งตัวให้มันดูดีกว่านี้หน่อย แต่งตัวเฉยระเบิด น้าจะเป็นลม” เธอพูดไปพลางเดินไปรินน้ำชาให้ท่านเจ้าสัวที่เดินไปนั่งตรงส่วนของเคาเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายบาร์เหล้าตรงกลางห้องถัดจากห้องครัว
“หนูชอบแต่งแบบนี้ น้าเลิกบ่นได้แล้ว” อิงอิงยังคงบอกปัดไปก่อนหายตัวเข้าไปในห้อง เธอไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอของคู่รักต่างวัย
เมื่ออิงอิงเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้วเธอจึงถอดชุดที่น้ากัญญาบอกว่าเชยระเบิดออกจากลำตัว เธอต้องแต่งตัวอย่างนี้ก็เพื่อน้ากัญญาและตัวของเธอเอง
เธอต้องทำตัวเฉิ่มเฉยระเบิดตลอดเวลาก็เพราะว่าไม่อยากทำตัวให้สวยโดดเด่นจนเกินไป
เมื่อตอนสมัยเรียนมีผู้ชายมาขายขนมจีบให้เธอเยอะแยะไปจนเธอนึกรำคาญ ยิ่งถ้าเธอแต่งตัวแบบที่สาวๆ สมัยใหม่เขาชอบใส่กัน เมื่อนั้นหนุ่มๆ ได้ตามเธอเป็นพรวนจนเธอไม่เป็นอันทำอะไร
มีคนบอกว่าเธอสวย แน่นอนว่าเธอชอบที่มีคนชม แต่ยิ่งมีคนชมคนเกลียดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เธอจึงเลือกที่จะทำตัวเชยๆ เฉิ่มๆ แบบนี้ตลอดเวลา พวกผู้ชายที่มองเห็นผู้หญิงเฉิ่มและเชยเป็นบ้าอย่างนี้เป็นต้องหันไปสนใจผู้หญิงโฉบเฉี่ยวสวยเปรี้ยวเข็ดฟันกันทุกคนไป นั่นยิ่งทำให้เธอได้ใจ จนต้องแต่งตัวให้เฉิ่มเข้าไว้ ยิ่งเฉิ่มยิ่งดี
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งคืน
อิงอิงที่อาบน้ำชำระล้างคราบฝุ่นดินจนเนื้อตัวสะอาดหอมกรุ่นแล้วได้แต่นอนพลิกมาพลิกไปอยู่บนเตียงนอน
เธอนอนไม่หลับ จะข่มตาลงยังไงก็หลับไม่ลง
คอนโดนี้ทั้งหรูทั้งแพง แต่ทำไมไม่เก็บเสียงเอาเสียเลย
อิงอิงนอนพลิกซ้ายพลิกขวาอีกสองสามที เสียงครวญครางอือๆ อาๆ ก็ยังคงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องของน้ากัญญาให้เธอได้ยิน ทำเอาใจสาวของอิงอิงต้องสั่นเทิ้มกันเลยทีเดียว
จริงอยู่ว่าร่างของอิงอิงนี้ยังคงเป็นสาวสวยบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กับวิญญาณของไป๋กุ้ยอิงไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องแต่อย่างใด
ไป๋กุ้ยอิงเคยมีสัมพันธ์สวาทมาแล้วกับจ้าวหยางหมิงเซียน เมื่อครั้งที่ทั้งสองรักกันจนไม่อาจห้ามใจ
ภาพแห่งการร่วมรักระหว่างกันของจ้าวหยางหมิงเซียนและไป๋กุ้ยอิงยังคงตราตรึงในใจมิเคยเสื่อมคลาย ภาพของริมฝีปากแดงๆ ที่พรมจูบไปทั่วใบหน้าและเนื้อตัวของเธอ ภาพแผงอกบึกบึนที่ขยับขึ้นๆ ลงๆ ภาพของวงแขนกำยำที่โอบล้อมหนั่นแน่น ภาพของสองร่างเปล่าเปลือยที่สอดประสานเข้าหากันตลอดทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงกลางลำตัวที่ขยับเข้าออกเป็นจังหวะแทนคำบอกรัก ทุกอย่างอิงอิงระลึกได้ทั้งหมด
เฮ่อ! ยิ่งคิดยิ่งอยากช่วยตัวเอง มีเสียงประกอบจากห้องของน้ากัญญาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ตายแน่อิงอิงเอ๋ย...
หญิงสาวคิดไปคิดมาก็เริ่มหงุดหงิดพาใจคิดฟุ้งซ่านเพิ่มมากขึ้น เธอจึงลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินอาดๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุดนอนออกแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีดำกางเกงขายาวเนื้อนิ่มสีเข้มก่อนจะตัดสินใจออกไปเดินเล่นให้ไกลๆ
สงสัยเมื่อตอนหัวค่ำจะสลบนานไปหน่อยทำให้นอนหลับยากชะมัด
อิงอิงยืนกอดอกครุ่นคิดได้อย่างนั้นขณะกำลังยืนพิงผนังห้องของลิฟต์เพื่อรอลิฟต์เคลื่อนตัวลงมายังชั้นแรกสุดของคอนโดแห่งนี้
เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวมาจนถึงชั้นแรกสุดและประตูลิฟต์เปิดออก อิงอิงถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดกับบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาภายในลิฟต์ตัวเดียวกันนี้
อาหมิง...
อิงอิงถึงกับตาโตเมื่อมองเห็นชัดเจนแล้วว่าผู้ชายตัวโตที่กำลังเดินเข้าลิฟต์มาเป็นใคร เธอจึงทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อไม่สามารถก้าวเท้าขยับขาออกจากลิฟต์ไปได้แต่อย่างใด
อานนท์ที่กำลังมึนๆ จากน้ำเหล้าที่ไปดื่มกับเพื่อนมาเมื่อชั่วโมงก่อนหน้าเพียงหรี่ตามองใครบางคนที่ยืนเกะกะอยู่ภายในลิฟต์ เขาจ้องมองใครคนนั้นอยู่ซักพักจึงเริ่มจำได้
ที่แท้ก็แม่เลขาหมาดๆ ของเขาที่เป็นเมียน้อยของพ่อมาเนิ่นนานนี่เอง
“คุณอานนท์” อิงอิงเรียกขานบุคคลที่เธอคิดถึงเขาในหลากหลายลีลาเร่าร้อนเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
อานนท์ไม่ตอบ เขาเพียงยืนกอดอกเอาแผ่นหลังพิงกับผนังลิฟต์ด้วยท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าเย็นชาและหรี่ตามองอิงอิงแบบไม่วางตา
อิงอิงไม่ได้สนใจกับอาการอย่างนั้นของเขาเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงพูดออกมา “ไปชั้นไหนคะ เดี๋ยวฉันกดให้” ว่าแล้วก็ยกนิ้วเตรียมกดอย่างกระตือรือร้นที่สุดในชีวิต
“บนสุด” น้ำเสียงทุ้มต่ำมากเสน่ห์พูดตอบมาอย่างเย็นเยียบสั้นๆ
“หือ...บนสุด” อิงอิงทวนคำพร้อมทั้งกดปุ่มในลิฟต์ให้อย่างมึนๆ แต่กลับคลี่ยิ้มกว้างขวาง “อย่าบอกนะว่าคุณอานนท์อยู่ที่คอนโดนี้”
“...”
เงียบ
ยังไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากสีแดงๆ ของอานนท์ แต่อิงอิงไม่สนใจอาการเงียบงันนั้น เธอยังคงกระดี้กระด๊ายินดีปรีดายืนเฝ้าคนตัวโตด้วยกิริยาแสดงออกว่ารักฉายชัด
“ถอยออกไป!” น้ำเสียงคล้ายคมมีดบาดเข้าเนื้อของอิงอิงอีกแล้ว อานนท์พูดกระแทกใส่หน้าอิงอิงที่ยืนจนจะสิงเข้ามาในร่างของเขา
อิงอิงถึงกับกะพริบตาปริบๆ ถอยหลังออกไปนิดนึง
แค่นิดนึง
เธอมึนได้ใจ
และเพียงไม่นาน เสียงดังติ้งของลิฟต์ที่บ่งบอกว่าถึงจุดหมายปลายทางก็ดังขึ้น อานนท์รีบเดินออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก อิงอิงก็เช่นกัน เธอแทบจะพุ่งตัวตามเขาออกมาเลยก็ว่าได้ อานนท์ถึงกับชะงักแล้วหรี่ตามอง
ที่ชั้นบนสุดนี้มีเพียงห้องของเขา ไม่มีห้องของใคร
ทั้งชั้นนี้เป็นคอนโดของเขา ไม่มีทางที่จะเป็นห้องของเธอ แล้วที่พุ่งตัวตามออกมาติดๆ นี่คืออะไร?