ภายในรถคันหรูของอานนท์ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนในยามค่ำคืนใจกลางกรุง
อิงอิงนั่งอยู่ด้านข้างคนขับในสภาพมอมแมมเสื้อเชิ้ตสีขาวมีรอยฉีกขาดเนื่องจากล้มไปกองกับพื้นถนน ช่วงไหล่กลมมนและลำแขนเรียวสวยของเธอมีริ้วรอยของแผลถลอก กระโปรงทรงสอบสีดำที่สวมใส่ก็มีรอยขาดวิ่นเหมือนกัน เธอถูกรถพุ่งเข้าชนอย่างจัง หากเป็นคนอื่นคงได้แผลมากกว่านี้ แต่เธอที่เป็นวิญญาณของไป๋กุ้ยอิงอดีตแม่ทัพหญิงฝีมือฉกาจกำลังอาศัยร่างบอบบางของอิงอิงอยู่นี้สามารถกลิ้งไปกับพื้นด้วยวิทยายุทธ์ที่อยู่ในจิตสำนึกมาเนิ่นนานปีเอาตัวรอดจากบาดแผลฉกรรจ์ได้ไม่ยาก แต่สมองน้อยๆ นี้กลับกระแทกกับฟุตบาทเสียได้ เธอคงจะสลบไปนานเลยเชียว
อิงอิงคิดอะไรเพลินๆ สายตายังคงแอบมองผู้ชายคุ้นตาในอดีตชาติผ่านมาอย่างเหม่อลอย
ใบหน้าของเขายังคงคมคายหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาเรียวคม จมูกเป็นสันตั้งตรง ริมฝีปากสีแดงๆ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ยาวเท่ากับเมื่อก่อนแต่มันก็ไม่สามารถลดทอนความเป็นตัวตนของเขาไปได้ ท่าทางเย็นชาแลดูสูงศักดิ์สูงค่านั่นอีก เขายังคงเป็นจ้าวหยางหมิงเซียนไม่เคยเปลี่ยนไป
แต่ที่เปลี่ยนไป ก็คงเป็นความทรงจำของเขาที่ลืมเลือนไป๋กุ้ยอิงไปแล้วจนหมดใจ
เขาลืมไป๋กุ้ยอิงไปแล้ว...
เมื่ออิงอิงคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตากลมโตสวยใสพลันมืดแสงลง ที่กำลังพราวระยับเมื่อครู่นี้พลันเปลี่ยนไป เธอกำลังมองอานนท์ด้วยสายตาสะท้อนอารมณ์เจ็บปวดอาลัยอาวรณ์จนคนถูกมองรู้สึกได้
อานนท์ชินชากับสายตาพราวระยับจากผู้หญิงทั้งหลายยามเมื่อพวกเธอมองเขา พวกผู้หญิงมักจะมองเขาแบบไม่วางตาพร้อมส่งสายตาพริ้มเพรายั่วยวนมาให้เขาไม่ขาดสาย แต่กับผู้หญิงท่าทางเฉิ่มๆ ด้านข้างนี้กำลังมองเขาด้วยสายตาประหลาดแปลกไป
เดิมทีเธอก็มองเขาอย่างหลงใหลได้ปลื้มไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ชอบมองเขา แต่จู่ๆ สายตาของเธอก็เปลี่ยนไป
นี่เธอเป็นอะไรมากหรือไม่ ทำไมเขาไม่ชิน
อานนท์ขับรถไปขนลุกไปอยู่อย่างนั้น พลางแอบชำเลืองสายตามองใครบางคนอย่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“บ้านเธออยู่ทางไหน” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศวังเวงรอบๆ ตัวเต็มที เขาอยากไล่เธอลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ
อิงอิงละสายตาจากอานนท์ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทิศหนึ่งแล้วบอกทาง “เลี้ยวซ้ายอีกสามร้อยเมตรค่ะ”
อานนท์ขับรถไปตามทางที่อิงอิงบอกอย่างให้ความร่วมมือด้วยเพราะใจของเขาอยากไปส่งเธอให้ถึงบ้านเต็มที
ขืนอยู่ด้วยกันนานอย่างนี้เขาคงหลอนแน่ๆ
“ข้างหน้านี่ค่ะ จะถึงแล้ว” อิงอิงชี้นิ้วออกไปทางคอนโดหรูแห่งหนึ่ง เป็นคอนโดที่น้ากัญญาอ้อนเจ้าสัวเทียนชัยซื้อให้เมื่อไม่นานและได้ย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวานนี้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่าอิงอิงจะได้ไปทำงานสะดวกๆ โดยที่น้ากัญญาไม่ต้องคอยรับคอยส่งเหมือนเมื่อสมัยเรียน
น้ากัญญาดูแลเธอเป็นอย่างดีจริงๆ เธอทั้งรักและเคารพน้ากัญญาคนนี้มากๆ ถึงแม้ว่าน้ากัญญาจะเลือกทางเดินที่ผิดไปเสียหน่อย
อานนท์เลี้ยวรถเข้ามาตามทางที่อิงอิงบอกกล่าวพร้อมกับเรียวคิ้วคมของเขาต้องขมวดเข้าหากันแน่น
ที่นี่มันคอนโดของเขา!?
“เธออยู่คอนโดนี้หรือ?” อานนท์ถามออกไปเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดภายนอกอาคารจอดรถทางด้านหน้าของคอนโด
“ค่ะ” อิงอิงเอียงหน้าน้อยๆ ตอบรับ “ที่จริงคุณอานนท์ส่งฉันที่ริมถนนก็ได้นะคะ ไม่เห็นจะต้องเลี้ยวเข้ามาให้ลำบาก”
อานนท์ไม่ตอบ เขายังคงมองคอนโดตรงหน้าสลับกับใบหน้าของเลขาสาว
อิงอิงเห็นเขามองมาก็เลยไม่ยอมลงจากรถง่ายๆ เธอยังคงนั่งนิ่งๆ ให้เขามอง เธออยากถูกเขามองและเธอก็อยากมองเขา เธอจึงตั้งใจถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด
“ลงไป!” ประโยคคล้ายคมมีดเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีแดงๆ ของอานนท์ ทำเอาใครบางคนถึงกับใจกระตุกคล้ายถูกถีบจนกระเด็น
อิงอิงถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนก้มหน้าก้มตาตัดใจแล้วเปิดประตูออกจากรถคันหรูไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเธอออกจากรถมาแล้วจึงเดินคอตกจากไปอย่างเงียบงันทิ้งเอาไว้เพียงอานนท์ให้มองตามอย่างนึกขัดเคือง
ผู้หญิงคนนี้จะมีปัญญาอะไรซื้อคอนโดหรูระดับนี้ได้ หากไม่ใช่เงินจากพ่อของเขา
อานนท์คิดอย่างนั้นขณะยังคงนั่งอยู่ในรถไม่มีขยับไปไหน เขายังคงนั่งมองตามแผ่นหลังบอบบางของอิงอิงที่กำลังเดินเข้าไปในคอนโดอย่างนึกขัดใจขัดเคืองลูกนัยน์ตา ครู่หนึ่งต่อมาเขาจึงได้เห็นเงาร่างของชายวัยกลางคนที่แสนจะคุ้นหน้ากำลังเดินปรี่เข้าหาอิงอิง
ป๊า! อานนท์เรียกขานบุคคลนั้นอยู่ในใจ
ท่านเจ้าสัวเทียนชัยกำลังเดินออกมาจากอาคารจอดรถภายในคอนโดและกำลังเดินเข้าหาอิงอิงที่กำลังเดินเข้าไปในคอนโด อานนท์ถึงกับเพ่งสายตาคมเข้มจ้องมอง เขานึกโกรธอิงอิงเพิ่มขึ้นมาจับใจ
พ่อของเขาก็รู้ว่าเขาอยู่คอนโดนี้ แต่ไม่เคยเลยที่จะไปมาหาสู่เขาที่เป็นลูกชาย แต่กับผู้หญิงไร้ยางอายกลับมาหาอย่างหน้าชื่นตาบาน
เมื่ออานนท์คิดอย่างนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าด้านในสูทแล้วกดเบอร์ต่อสายตรงหาพ่อของเขาในทันที
ชายหนุ่มรอสัญญาณสายเรียกเข้าอยู่ครู่หนึ่งก็มีการกดรับจากปลายสาย “ว่าไงเจ้าลูกชาย”
เจ้าสัวเทียนชัยหยุดยืนรับสายจากโทรศัพท์มือถือในขณะที่อิงอิงหยุดชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน อานนท์ที่นั่งอยู่ในรถตรงหน้าลานจอดรถนอกอาคารสังเกตได้อย่างนั้น
“ป๊าอยู่ไหน” อานนท์กรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถืออย่างลองเชิง
เสียงของเจ้าสัวเทียนชัยอึกอักบางเบาก่อนตอบ “ป๊าอยู่ภัตตาคารกำลังสังสรรค์กับเพื่อน มีอะไรหรือเปล่า”
อานนท์ได้ฟังถึงกับมุมปากกระตุก แน่นอนว่าพ่อของเขาต้องโกหก พ่อของเขาแอบเลี้ยงต้อยอีหนูเอาไว้มาหลายปีโดยไม่ให้แม่รู้ เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะสนใจ แต่ช่วงหลังๆ มานี่พ่อไม่เคยกลับบ้านเลย จนแม่ของเขา...
“ว่าไง มีอะไรหรือเปล่าอาหมิง” เจ้าสัวเทียนชัยยังคงถามย้ำมาทางปลายสายทำเอาอานนท์ต้องรีบตัดบท
“ไม่มีอะไร แค่นี้นะป๊า”
“อะไรของ...” เสียงปลายสายขาดหายไปเนื่องจากอานนท์กดตัดสายไม่อยากต่อคำ
เขาเพียงนั่งหลับตาเอาศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้ฝั่งคนขับโดยไม่ยอมขยับออกไปไหนเหมือนเดิม
พ่อของเขาติดอกติดใจของกินนอกบ้านกระทั่งไม่ค่อยจะกลับเข้าบ้าน จนในที่สุดแม่ของเขาก็ตัดสินใจออกหากินนอกบ้านบ้างตามประสาคนมีอันจะกินไม่ต้องง้อกัน
พ่อมีเมียน้อยเลี้ยงดู แม่มีชู้เลี้ยงดูไม่ต่างกัน
ทุกคนดูแฟร์กันดี แต่ที่ไม่แฟร์ก็คือเขาคนนี้ที่เป็นลูกชาย
เขาที่เรียนอยู่เมืองนอกไม่เคยรับรู้จนกระทั่งเรียนจบแล้วกลับมาเมื่อปีที่แล้วถึงได้รู้เรื่องของพ่อกับแม่ที่เบื้องหน้าฉากสังคมยังคงสวยหรูรักกันปานกลืนกินแต่เบื้องหลังเน่าเฟะอย่าบอกใคร เขาจึงต้องเข้ามาบริหารงานของบริษัทในอายุแค่เพียงยี่สิบแปดปี ยังไม่สามสิบด้วยซ้ำ ถึงแม้จะเป็นเพียงตำแหน่งรองประธานบริษัทแต่งานทั้งหมดก็ไม่ต่างจากประธานใหญ่สักเท่าไหร่
ในเมื่อบ้านไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เขาจึงย้ายมาอยู่ที่คอนโดเพียงคนเดียว การร่ำรวยล้นฟ้าไม่ทำให้เขาสุขกายสบายใจเอาเสียเลย
อานนท์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาต่อสายตรงถึงอีกเบอร์หนึ่ง
เมื่อปลายสายรับแล้วเขาจึงไม่เวิ่นเว้อยืดเยื้อ
“ไอ้ธี แกอยู่ไหน ดื่มเหล้ากัน” จบคำก็ตัดสายไม่มีรอให้ปลายสายได้ปฏิเสธ ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว