ตรงทางเดินระหว่างประตูหน้าลิฟต์กับประตูห้องเพียงหนึ่งเดียวของชั้นบนสุดภายในคอนโดแห่งนี้
อิงอิงยังคงยืนมองอาหมิงของเธอตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจในชีวิตถึงแม้ว่าเขาจะกำลังด่าเธอด้วยสายตาเรียวคม
ไม่ว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตายังไง เธอก็ยอม ถ้าเขาอยากมอง เธอก็จะให้เขามองจนพอใจ ให้สมกับที่เธอทิ้งเขาไปไม่สามารถให้เขามองเธอได้เมื่อยามที่เขาอยากจะมอง
อิงอิงคิดอย่างนั้นด้วยใจที่มีจุดยืนแน่วแน่มั่นคง
อานนท์ยังคงยืนจ้องมองผู้หญิงที่หน้าด้านที่สุดในชีวิตของเขา นี่เธอคงยังกินกับพ่อของเขายังไม่อิ่มล่ะสิ ถึงได้ตามมาคิดจะกินเขาเข้าไปอีกคน
“ตามติดกันอย่างนี้ ไม่คิดจะกลับห้องแบบนี้ เธอคงอยากจะกลายร่างเป็นพญาเทครัวเต็มที” น้ำเสียงเย็นเยียบราวมีดคมกริบเอ่ยออกมาอย่างที่คิด อีกแล้ว…
“พญาเทครัวเหรอ” อิงอิงทวนคำเอียงหน้าน้อยๆ “เขาใช้กับผู้ชายที่คิดจะได้เสียกับผู้หญิงทุกคนในบ้านหรือเปล่า”
“เธอก็ไม่ต่างนักหรอก” ประโยคนี้อานนท์ทิ่มอิงอิงเต็มๆ
อิงอิงไม่โง่ เธอแน่ใจว่าอาหมิงมองเห็นเธอกำลังเดินอยู่กับเจ้าสัวเทียนชัยตรงทางเดินหน้าคอนโดด้านล่าง เขาคงเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นอีหนูของท่านเจ้าสัวแน่ๆ
“คุณหมายถึงฉัน” อิงอิงพูดพร้อมยกนิ้วชี้ใบหน้าของตนเอง
“กับท่านเจ้าสัว พ่อของคุณ” เธอว่าพร้อมกับวาดนิ้วชี้กลับไปที่เขา
อานนท์ส่งเสียงฮึในลำคอเบาๆ บ่งบอกอารมณ์ดูถูกอิงอิงชัดเจน
อิงอิงเห็นอย่างนั้นจึงถอนหายใจออกมาคำโต แล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเจ้าสัวนะ”
“ผมไม่ใช่ควาย” อานนท์กระแทกเสียงใส่
“แน่นอน ควายไม่หล่ออย่างนี้” อิงอิงตอบกลับ
“...!”
“เอาเป็นว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยพ่อของคุณ”
“คุณสองคนรู้จักกัน พ่อของผมฝากงานให้ ซื้อคอนโดให้ และเดินเข้ามาพร้อมกันในคอนโดแห่งนี้ หรือไม่จริง” อานนท์พูดจายาวเหยียดใส่หน้าอิงอิงอย่างไม่คิดจะถูกหลอกด้วยคำปฏิเสธแบบหน้าซื่อตาใสนั่น
“เอ่อ...ก็” คราวนี้อิงอิงถึงกับเถียงไม่ออกบอกไม่ถูก
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมรับหรอกว่าเธอเป็นเมียน้อยของท่านเจ้าสัว แต่เธอจะปฏิเสธยังไงดี ดูๆ ไปแล้วอาหมิงของเธอกำลังคิดไปไกล ขืนเสียงแข็งต่อไปคงถูกต้อนไปจนพากันเดินถึงหน้าห้องแล้วเผลอๆ เขาอาจจะใช้สิทธิ์ความเป็นลูกชายเข้าห้องนั้นจนไปเจอกับท่านเจ้าสัวและน้ากัญญาแน่ๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้นน้ากัญญาอาจจะเดือดร้อนเอาได้
อานนท์เห็นผู้หญิงตรงหน้าทำแววตาครุ่นคิดอย่างนั้นจึงส่งเสียงในลำคอแกร่งเบาๆ อีกหนึ่งทีอย่างต้องการเย้ยหยัน หากจะโกหกกันก็ให้มันแนบเนียนหน่อย หน้าด้านเสียจริง
“ที่จริงเธอน่าจะไปเป็นเลขาให้พ่อมากกว่า ไม่ใช่มาเป็นเลขาให้รองประธานต่ำต้อยอย่างนี้” อานนท์ยังคงพูดจากระแทกกระทั้นน้ำเสียงประชดประชัน
“ไม่ได้หรอก จะทำอย่างนั้นได้ไงกันคะ” อิงอิงรีบพูดปฏิเสธทันที ท่านเจ้าสัวมีเลขากิติมาศักดิ์อยู่แล้ว และถ้าเธอไปเป็นเลขาให้ท่านเจ้าสัวคนคงสงสัยว่าเธอเป็นเมียน้อยของท่านเจ้าสัวอย่างไม่ต้องป่าวประกาศแน่ๆ แค่นี้คนตรงหน้ายังเข้าใจผิดอย่างแรงเลย
“แน่นอนเธอทำไม่ได้ เพราะกลัวว่าคนจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับพ่อ” อานนท์พูดตามจริงอย่างที่ใจคิด ปกติเขาเป็นคนถนอมคำพูด และไม่ชอบจะพูดจาเสวนายาวเหยียดกับใคร แต่กับผู้หญิงตรงหน้า ขอหน่อยเถอะ “เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง นั่นรุ่นพ่อเธอเลย”
“หือ...” อิงอิงถึงกับหน้าเหวอ นี่เขาคิดไปกันใหญ่แล้ว
อานนท์ที่กำลังมึนเมาจากฤทธิ์ของน้ำเหล้าที่ดื่มมากับเพื่อนก่อนหน้ารวมกับอารมณ์คุกรุ่นที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนจึงทำให้เขาไม่คิดจะถนอมคำพูดกับผู้หญิงตรงหน้าเลยสักนิด เขายังคงพูดต่อ “ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างเธอ ไปให้ห่าง ออกไป”
อิงอิงเจอประโยคนี้เข้าไปถึงกับจุก
แต่เธอจะหน้าด้านใครจะทำไม
“ไม่ไป!” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด่นชัด
คราวนี้เป็นอานนท์บ้างที่รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณต้องอยู่คนเดียว อาหมิง” อิงอิงพูดจาชัดเจนทุกคำโดยไม่ทันได้คิดอะไร ทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งอึ้งไปคล้ายกับเหวอไปชั่วขณะ
“ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว อาหมิง ฉันจะอยู่กับคุณตลอดไป”
อิงอิงพูดเสียงเบามากกว่าเดิมเพิ่มเติมคือความหมายที่ลึกซึ้ง
“คุณจะไม่ต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม คุณจะไม่ต้องฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ใจกำลังร่ำไห้ คุณจะไม่ต้องทุกข์ใจ...”
“พูดบ้าอะไรของเธอ?”
“...!”
เฮ่อ! คนกำลังซึ้ง
อิงอิงถอนหายใจอีกที
อานนท์ที่รู้สึกแปลกๆ อย่างประหลาดกับคำพูดน้ำเน่าอย่างนั้นถึงกับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา ผู้หญิงหลายคนที่พยายามเข้าหาเขาก็มักจะมีมารยาอยู่เป็นร้อยเล่มเกวียน แต่มุขนี้เขายังไม่เคยเจอ ทำเอาขนแขนของเขาลุกเกรียวเลยทีเดียว
ผู้หญิงแต่งตัวเชยๆ ท่าทางเซอร์ๆ บุคลิกเฉิ่มๆ ผิดกับหน้าตาและคำพูดชวนขนหัวลุกแบบนี้ เกิดมาไม่เคยเจอ
อานนท์ถึงกับยืนนิ่งก้มมองหน้าของอิงอิงอยู่อย่างนั้น
อิงอิงที่เห็นอานนท์ยืนจ้องอยู่อย่างนั้นจึงยืนนิ่งยิ่งกว่าให้เขาได้จ้องมอง
เอาเลย มองให้หนำใจ อยากมองตรงไหน เชิญ!
หญิงสาวคิดอย่างนั้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกนิด ยื่นใบหน้าให้เขาอีกหน่อย แถมส่งยิ้มหวานๆ ให้อีกด้วย
อานนท์ยิ่งก้มหน้ามองตาปริบๆ
“ข้าคิดถึงท่าน” อิงอิงเงยหน้าขึ้นสูงพูดเสียงเบาๆ ใส่หน้าอานนท์ “เหมือนที่ท่านก็คิดถึงข้า”
คราวนี้อานนท์ถึงกับเบิกตากว้าง
อิงอิงที่เดินเข้ามาใกล้อานนท์จนได้กลิ่นเหล้าผสมกลิ่นกายของเขายังคงคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้
ใบหน้าสวยหวานแต่โฉบเฉี่ยวจึงขยับอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจนปลายจมูกเฉียดกัน
“คุณกำลังยั่วผม” อานนท์พูดเสียงต่ำ เขากำลังได้กลิ่นหอมๆ ของผู้หญิงตรงหน้าผสมผสานสายตาสวยหวานซ่อนคมของเธอทำให้อารมณ์บางอย่างเริ่มมีขึ้นมา
ทั้งฤทธิ์ของเหล้า ทั้งคำพูดโบราณชวนหลอน ทั้งใบหน้าใสซื่อที่ซ่อนความร้ายกาจนั่น ทำเอาเขาที่เคยสุขุมกลับรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ
เขาพยายามดึงสติของตนเองแล้วพูดเหยียดหยาม
“หากคิดจะยั่วผมก็ควรแต่งตัวให้ดูดีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เสื้อยืดกางเกงผ้า”
อิงอิงได้ยินอย่างนั้นยิ่งคลี่ยิ้มแล้วสวนกลับ “เรื่องนี้เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเลย ใจสั่งมาล้วนๆ”
“...”
เมื่อก่อนไป๋กุ้ยอิงใส่อาภรณ์ของทหารมีชุดเกราะสีดำด้านด้วยซ้ำจ้าวหยางหมิงเซียนยังชมว่างาม
อิงอิงคิดอย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มที่หวานล้ำมากยิ่งขึ้น ดวงตาทอประกายลึกล้ำมากยิ่งขึ้น
อานนท์ยิ่งรู้สึกแปลกๆ อย่างประหลาด เขาแน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอร์กับอารมณ์เพศโดยธรรมชาติจึงไม่ใส่ใจรายละเอียดอะไรในความรู้สึกแปลกๆ นั่น
“อยากนักเดี๋ยวจัดให้” เขาพูดเสียงกดต่ำแค่นั้นพร้อมกับเอื้อมฝ่ามือจับเอวบางของผู้หญิงตรงหน้าให้เข้าแนบชิดกับกลางลำตัวของเขา
ผู้หญิงคนอื่นยั่วเขาไม่เคยสำเร็จ
แต่กับคนนี้ ขอหน่อยเถอะ
อิงอิงถึงกับหุบยิ้มตกใจจนตาโต แต่เธอยังไม่ทันได้คิดอะไรริมฝีปากของเขาที่ทั้งแดงและอุ่นชื้นก็แนบชิดเข้ามาที่ริมฝีปากของเธอ
อา...ริมฝีปากที่คิดถึง
อิงอิงคิดได้อย่างนั้นพลางหลับตาลงยินยอมให้เขาจูบเธอแต่โดยดี ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้จูบนี้ อิงอิงยังคงคิดได้แค่นั้น