ประชุมก่อนงาน ท.ท.ท.
"ปีที่แล้วยอดเรือสำราญเราได้น้อยกว่า Me Tour ไหน ใครมีอะไรแนะนำ"
"ปีที่แล้วเราลดราคาน้อยว่า Me Tour ปีนี้เราลดมากกว่าดีไหมคะ บัตรเราอาจจะขายหมด" การตลาดรุ่นป้าเอ่ยพูดขึ้นมา เธอชื่ออะนะ ป้าศรีรึเปล่า จำชื่อไม่ได้เลยแฮะ มีวิธีเดียวเหรอ มันไม่ได้ตอบโจทย์สักหน่อย ฉันใช้เวลาที่คนอื่นพูดคุยกัน หาจุดบอดในเรือสำราญของเรา
"เราจะต้องลดกี่ %" บอสถามขึ้นมาอย่างหนักใจ กับไอเดียนี้
"ปีที่แล้วลด 48% ปีนี้สัก 50% ดีไหมคะ ใคร ๆ ก็ทำกันในงานแบบนี้ทุกคนไปหาของถูก" ป้าศรียังคงแนะนำ สิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำกัน
"คุณมาริสา คุณมีไอเดียอะไรไหม" บอสเอ่ยชื่อฉันขึ้นมา ฉันเลยต้องลุกขึ้นยืน
"ฉันไม่เสนอให้มีการลดราคา เยอะขนาดนั้น เราจะขึ้นราคา แล้วตั้งลดหลอกให้เท่าราคาเดิม แต่สิ่งที่เราจะเพิ่มเติม คือการรีโนเวท ทาเก็ตของเราคือลูกค้าประเภท อายุ 20-60 ปี แต่เราลืมอะไรกันไปหรือเปล่า ทุกครอบครัวมีเด็ก ถ้าเอาราคาที่จะลด ไปเพิ่มล่ะ!!!! เราจะเพิ่ม 3 จุด 1. วอเตอร์พาร์ค สร้างส่วนของเล่นในสระน้ำให้ยิ่งใหญ่ 2.ห้องพี่เลี้ยงเด็ก เราจะได้ให้พ่อแม่ได้เข้ากาสิโนได้อย่างเต็มที่ เราจะทำรายได้จากกาสิโนได้อีกมหาสาร 3. มุมถ่ายรูปชิค ๆ เพื่อให้ทุกคนมาถ่าย แล้วโฆษณาเรา ในโซเชี่ยลได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการโปรโมทที่เราไม่ต้องเสียเงินสักบาท" ฉันเสนอบอสที่ตอนนี้ส่งยิ้มมาให้ฉันแล้ว ฉันเลยยักคิ้วกลับให้เจ้าของบริษัทซะเลย
"งั้นเอาตามนี้ คุณกับผม เราจะมาดูเรื่องนี้กันอีกที ส่วนเรื่องขายทัวร์ ทีมคุณศรีจัดการได้เลย"
"ค่ะบอส"
พวกเราต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ทันที ใช้คำว่าทันที บอสพาฉันไปที่เรือสำราญที่เป็นเหมือนชูโรงของเราในวันนี้ มันลำใหญ่มากกกกกก ทุกที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา แต่กลับไม่ได้เหมาะกับคนทุกวัยอย่างที่คิด เพราะมีแต่มุมหรูหรา ไม่มีความรู้สึกอื่นเลย
"เราจะใส่สไลด์เดอร์มากสุดกี่อัน" บอสถามช่างหน้างาน เขากลับบอกถ้าใหญ่เลยก็ 4 อัน สระใหญ่ชนาดนี้ใส่ได้แค่ 4 อันเองเหรอ แล้วไอ้เก้าอี้หรูหรา หมาเห่านี่มีไว้ทำอะไร กินพื้นที่ยาวตั้งหลายสิบเมตร
"ยกเก้าอี้พวกนี้ทิ้งไปเลย ไม่มีใครหรูตอนเล่นน้ำ ตอนนี้ได้สไลด์เดอร์เท่าไหร่แล้วคะ" ฉันชี้ไปที่ เก้าอี้แถบที่ตั้งมาเพื่อให้ถ่ายรูปกับสระไว้น้ำแหละ แต่ทำมาเพื่อ!!!!! คนตัวเปียกที่ไหน นั่งเก้าอี้นวม
"6 แล้วครับ"
"เอาตามนี้เลยไหมคะบอส ฉันมองว่า เก้าอี้พวกนี้คนไม่นั่ง แถมเสี่ยงอับชื้นของตัวนวม เราไปหาห้องไว้ที่หลังได้ไหมคะ" ฉันถามบอสที่มองฉันตาค้าง
"ผมคิดเหมือนคุณ แต่ไอ้เก้าอี้นี้มันมีมาตั้งแต่รุ่นพ่อ จะเอาออกคุณศรีก็บอกว่ามันคือซิกเนเจอร์" บอสพูดไปพลางพาฉันเข้าไปดูข้างในเรือ แน่นอนมันมีห้องเยอะมาก มีกระทั่งโซนนวดคุณผู้ชาย ไม่ว่ากัน แต่จะทำของ Nanny จุดไหนดี
"ห้องเด็ก นี่ขอใหญ่หน่อยดีไหมคะ เด็กที่อยู่รวม ๆ กันจะได้ไม่เบื่อแล้วงอแง ผมว่าดีนะ ดีมากเลย ผมเห็นด้วย ผมจะเอาห้องจัดเลี้ยงมาทำ ดีไหม มันไม่ค่อยมีใครมาเช่า ผมจะพาคุณไปดู
ฉันมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลา บ่าย 3 โมง แย่แล้วอีก 1 ชั่วโมง ฉันอาจจะไปรับลูกไม่ทัน เพราะมากับบอส รถอยู่ที่บริษัทด้วยสิ ฉันมองหน้าบอส จะขอให้เขาช่วยไปส่งหน้าปากซอยดีไหมนะ แล้วนั่งแท็กซี่กลับไปรับลูก
"คุณมองผมทำไม มีอะไรหรือเปล่า"
"บอสคะ ฉันให้เวลาคุณได้ตลอด เช้ายันดึก ฉันขอเวลาแค่ช่วง บ่าง3โมงครึ่ง ถึง 4 โมงได้ไหมคะ ฉันต้องไปรับลูก แล้วจะกลับมาทำงานต่อก็ได้" ฉันเจรจาออกไปตรง ๆ ค่าตัวฉันแพง ฉันเข้าใจ จะขอกลับเลยก็ยังไงอยู่ ฉันกล้าเรียกค่าตัวไปเยอะ ต้องทำงานให้คุ้มด้วยฉันเข้าใจ
"อ้าว แล้วสามีของคุณ ไม่ว่างรับให้เหรอ"
"ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่มีหรอกค่ะ สามี บอสแค่ขับรถไปส่งฉันหน้าปากซอย ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปรับยัยหนูเองค่ะ แล้วจะกลับมาทำงานต่อ แบบนี้ได้ไหมคะ" คำถามของฉันทำให้บอสชั่งใจ ก่อนจะตบไหล่ฉันเบา ๆ บอกว่าไม่เป็นไร
"ผมไปขับรถพาคุณไปรับ แล้วพายัยหนูของคุณมาที่นี่ แล้วเรามาดูเรื่องห้องเด็กก่อน จะทำให้เด็กไม่มีเด็กมาคอมเม้นท์ได้ยังไง" คำตอบของบอสทำเอาฉันโคตรอึ้ง คุณแม่งโคตรบอสในฝันเลย ฉันกระโดดกอดชายตรงหน้าอย่างลืมตัว
"อุยยย ลืมตัว เราไปรับของขวัญมาเลยดีไหมคะ" ที่ฉันตื่นเต้นไม่ใช่เขาจะพาฉันไปรับลูก แต่ลูกฉันจะได้มาวิ่งเล่นบนเรือรำใหญ่ขนาดนี้ ของขวัญต้องดีใจแน่ ๆ
ฉันขอให้บอสมาส่งที่โรงเรียนของของขวัญ แต่การมาครั้งนี้ กลับเจอคุณชลมารอรับลูกอยู่แล้ว ฉันไม่สนใจเขาหรอก เพราะงานนี้ฉันจะเอาชนะเขาให้ได้อีก เอาให้ร้องไห้กลับไปฟ้องพ่อ ฟ้องแม่เลย
"ไม่นึกว่าประธานบริษัท รับหน้าที่เป็นคนขับรถด้วย" คำถากถางทำให้บอสของฉันยิ้มออกมา
"เราจะต้องไปทำงานกันต่อ แล้วฉันก็เอาตัวลูกน้องมาแล้ว ไม่รับผิดชอบได้เหรอ ฉันไม่ใช่แก ไปครับคุณมาริสา อย่าไปสนใจหมาเห่าเลย" บอสผายมือให้ฉันเดินนำ
"เซียงเซียง" ชื่อที่ฉันไม่อยากจะได้ยินจากปากคนแบบนั้น ทำให้ขาฉันชะงัก แล้วเดินย้อยกลับไปหาคนที่เรียกแทบจะทันที
"ชื่อนี้ ฉันสงวนให้คนสำคัญเรียก คุณไม่มีสิทธิ์" ฉันเคล้นเสียงด้วยความโกรธ เพราะตอนนี้ ฉันไม่ใช่เซียงเซียงคนนั้นอีกแล้ว ฉันผลักอกคุณชลแล้วเดินจากไปทันที ฉันเกลียด เกลียดที่สุด แต่ตอนนี้ต้องรับลูกด้วยรอยยิ้มก่อน ให้เขาคิดว่าฉันเข้มแข็งมาก ๆ เหมือนที่ผ่านมา
"หม่าม้าาาาาาา วันนี้พี่มาดูแลของขวัญ คงนี้คาย แม่คุยกับคนแปลกหน้า หาไม้มะยมก่อง" ลูกสาวฉันเดินตามหาไม้อีกแล้ว ฉันเลยต้องรีบรวบตัวของเธอมาและแนำนะให้บอสของฉันลูกจัก
"ของขวัญคะ คนนี้คือเจ้านายของหม่าม้า ชื่อ คุณลุงอชิค่ะ สวัสดิ์สิคะ"
"หาไม้มะยมเลยเหรอ อย่าตีแม่หนูเลย เพราะแม่หนูจะพาไปเรือลำใหญ่ ๆ" บอสฉันหลอกล่อลูกฉันได้เป็นอย่างดี แน่สิเราต้องทำงานกันต่อ เราเดินจูงมือเด็กตัวน้อย ผ่านหน้าไอ้เวรตะไลนั่นโดยไม่สนใจเลย
"อุ้ววววว หนูยังไม่ได้ลาพี่อัง" ของขวัญสลัดมือฉันทิ้งแล้ววิ่งกลับไปหาเด็กชายที่พ่อเขามารับอยู่ ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งตาม โหยยยยย กว่าจะสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ก็ยาก เก็บตังจ่ายค่าเทอมก็ยาก ทำไมโลกมันต้องกลมอะไรแบบนี้ด้วยวะ เจอทุกวันแบบนี้ไม่ปลื้ม
"พี่อัง หนูของขวัญกลับก่อนนะ ม้าจะพาไปเล่นที่เรือใหญ่ ของคุณลุงที่ชื่อชิ วันนี้ไม่เหงาแล้วนะ" มีอารมณ์ไปห่วงเขา ห่วงตัวเองก่อนไหมลูก ฉันลากแขนของขวัญให้ออกมาห่าง ๆ หน่อย อย่าใกล้มาก
"เด็กคนนี้หน้าเหมือนฉันจังเลย" ประโยคที่ทำเอาหัวของฉันมีความกลัว เต้นรัว และบีบรัด ไม่ ๆ เขารู้แล้วเหรอ
"เหมือนอะไร ฉันมั่วกับวินมอเตอร์ไซค์หน้าหมู่บ้านมา หลบ!!!!" ฉันอุ้มของขวัญออกมาเลย ไม่เอา ไม่ให้คุย ไม่อยากให้เจออีกแล้ว ของขวัญเป็นของฉัน ฉันไม่อยากให้เขารู้ ฉันจะไม่ให้เขามาเอาลูกฉันไปแน่
ฉันอุ้มของขวัญเดินจ้ำ ๆ มาถึงรถของคุณอชิเลย ดีที่เขาไปหาที่สูบบุหรี่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
"ไม่เอาต่อไปห้ามเขาใกล้ผู้ชายคนนั้นอีก ม้าขอนะคะ ม้าไม่อยากให้เขาเอาหนูจากหมาม้าไป หนูเชื่อหม่าม้านะ ถ้าม้าเสียหนูไปม้าอาจจะอยู่ไม่ได้" ฉันกอดลูกเอาไว้แนบอก ให้ความกลัวในใจมันลดลง พอเห็นบอสเดินกลับมา ฉันก็ต้องรีบทำตัวปกติ แม้ใจจะกลัวเหลือเกิน
สายชล Say ::
"ได้เรื่องว่าไง"
"ผมให้คนของเราในเขต ค้นหาแล้วนะครับ เด็กคนนั้น ไม่มีชื่อบิดาในใบเกิดครับ อายุ 4 ขวบ 2 เดือน ตามที่ไปถามจาก คุณครูที่รู้จักเธออยู่อนุบาลสอง เพิ่งเข้ามาปีนี้เองครับ เราถึงได้เพิ่งเจอเธอ" ไอ้พลรายงานถึงเด็กของขวัญ ที่ตอนนี้มามีอิทธิพลต่อลูกชายผม มาก มาก ๆ เพราะลูกชายผมพูดถึงน้องตลอด
"ฉันจะตรวจ DNA"
"จะไปหา อะไรจากไหนละครับ จะไปหลอกดึงผมเด็กก็ยังไงอยู่ อย่าหาทำเชียวนะ" ไอ้พลเอ่ยห้ามสิ่งที่ผมกำลังคิด ผมอยากรู้ที่แม่เธอโกรธผม เพราะผมทำเธอท้องใช่ไหม ถ้าใช่ ผมก็ควรจะมีสิทธิ์ในตัวลูก
"พ่อทำน้าเขาโกรธอีกแล้ว พ่อไม่ได้เรื่อง ไอ้หน้าหล่อเพื่อนพ่อ มันกำลังจะแย่งน้าเซียงเซียงของผมแล้ว ผมจะรีบโต แล้วไปแต่งงานกับเธอ" นี่ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน โตแล้วแล้วไปแต่งงานเนี่ยนะ เลิกฉี่รดที่นอนก่อนดีกว่าไหม
"ไม่อยากได้แม่แล้วเหรอ" ผมแกล้งถามลูก แต่ลูกกลับมองหน้าผม
"สงสารเขา" ห๊ะ!!! อะไรคือสงสารเขา ฉันนี้ผู้ชาย แสนดี อบอุ่น เลยนะ
"พาฉันไปส่งที่ออฟฟิศที แล้วก็ให้อัณณ์เล่นกับพวกพี่ ๆ ไปก่อน ฉันจะต้องจัดการเคลียร์เรื่องงาน ท.ท.ท. อีก งานนี้ฉันคิดว่ามันไม่ธรรมดาแน่ อาจจะมีเรื่องให้เราได้อึ้งอีก"
หลายวันต่อมา
งาน ท.ท.ท. ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่อิมแพคเมืองทองธานี บรรดาเจ้าของทัวร์ ต่างมาเปิดบูธ สาดโปรโมชั่นใส่กันไม่ยั้ง บริษัทของผม อยู่ฝั่งตรงข้าม Love Travel ที่ตอนนี้คนมุงกันเยอะแยะมากมาย เพราะตอนนี้เขามีจัดโปร เปิดโซนครอบครัวใหม่ เด็กลด 50% อีก คนรุมระนาว จนบริษัทผมเริ่มเหงา
"เฮ้อออออ ชัยชนะอีกครั้ง ฉันขอรับไว้ ฉันอยากจะทำให้คุณเห็น ว่าฉันอาจจะไม่รวยเท่า แต่ฉันเหนือคุณทุกอย่าง ต่อจากนี้คุณจะโดนฉันไล่บี้ จนไม่มีที่ยืน" หญิงสาวร่างเล็กเดินจากไป แล้วเดินเข้าไปหาทีมงานของเธอ
"ให้ตายเถอะ ยัยนี่มันน่าหงุดหงิดกว่าไอ้อชิอีกว่ะ"
"เธอโคตรสวยเลย คุณชลปล่อยผ่านได้มาได้ยังไง นี่แหละนะ ทำชั่วไว้กับเขา กรรมมันเลยตามสนอง"
"ไอ้เวร ตอนได้กันเสร็จ บัตรประชาชนยัยนี่ อายุแค่ 18 ขวบเอง ไม่ลี้ กูนี่คุกนะมึง" ผมหันไปคุยกับไอ้พล ถึงเหตุผลที่ลี้ภัยจากเธออออ
"ชั่ว x3 ไปเลย"
หลายวันต่อมา
"อะไรทำให้เราพลาดได้งานนี้!!!" ประธานคณะผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดเรียกผมคุยส่วนตัว นั่นก็คือพ่อของผมเอง แม่ผมที่เป็นรองประธานจ้องผมตาเขียวยิ่งกว่าเสียอีก
"พลาดแค่ไม่กี่ครั้งเอง เราจะเอาคืนแน่นอนน่ะพ่อ"
"มันตามขยี้แต่เรา ไอ้พล ทำไม!!!!" พ่อผมหันไปถามไอ้พลแทน ผมเลยต้องรีบชิ่งตอบ
"เราทำยอดมาที่หนึ่งมาตลอด จะล้มบ้างไม่เป็นไรหรอกหน่าพ่อ"
"เพราะคุณชลมีสิทธิ์จะไปทำเขาท้อง เขาถึงได้เกลียดแล้วตามบี้เราทุกทางครับ ตอนนี้อาจจะมีพยานรักเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่เจอคุณชลกี่ทีก็วิ่งเอาไม้ไล่ตีครับ" ไอ้ทรยศ มึงไปเล่าทำไมยังไม่ชัวร์สักหน่อย แต่เด็กของขวัญนั่นก็น่ารักดี แถมเข้ากับเจ้าอัณณ์ได้ดีด้วย
"แกจะบอกว่าคนที่ไล่บี้เราทุกงาน คือผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของไอ้ชลนะเหรอ เก่งมากไหม" แม่ผมถามขึ้นมา
"ตีเราได้ทุกงานครับท่านรอง" ไอ้พลตอบออกมาแบบไม่เกรงใจเจ้านายมันเลย
"แล้วหลานฉันอายุเท่าไหร่ มั่นใจได้ยังไงว่าหลานฉัน" แม่ผมยังคงถามอีก
"ไม่มั่นใจครับคุณนาย เพราะเขาจะขยี้เราให้ตาย แล้วเกลียดคุณสายชลเหมือนขี้ด้วยครับ แบบไม่เผาผี ไปถึงหน้าบ้านก็เอาน้ำสาดไล่" ยัง ยัง มึงยังไม่หยุดอีก มึงจะเล่าให้หมดเลยใช่ไหมไอ้เวร
"กลับมาเพื่อแก้แค้นงั้นเหรอ กะจะบี้เราให้จม เลยตามตัดงานเราทุกงาน แล้วเด็กผู้หญิงที่เป็นว่าที่หลานของฉัน ฉันจะไปเจอได้ที่ไหน" แม่ผมยังคงถามซ้ำ ในขณะที่พ่อของผมนั้นนั่งกุมขมับ
"โรงเรียนเดียวกับเจ้าอัณณ์ เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ตาโต ๆ ชอบแทนตัวเองว่าของขวัญ เด็กอะไร ตีผมทุกครั้งที่เจอเลย" ผมสบถออกมา อย่าว่าแต่ตัวลูกเลย ตัวแม่เองก็พ่นไฟใส่ผมทุกครั้งที่เจอ ไม่เห็นจะน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลย
ผมนึกไปถึงเรื่องราววันที่เจอกับเธอครั้งแรก เธอเป็นผู้หญิงน่ารัก ที่ซ่อนความน่ารักผ่านแว่นตาที่เธอใส่ เธอไร้เดียงสา และน่ารักกว่านี้มาก เธอดูอ่อนต่อโลก ไม่เหมือนตอนนี้ เหมือนยัยป้าที่ พยายามจะกินหัวผมอยู่ตลอดเวลา
"แล้วนี่แม่จะไปไหน"
"ไปดูเด็กผู้หญิงที่ชื่อของขวัญไง"
"แม่ผมต้องทำงานนะ งานผมเยอะแยะ ตุณอย่าลืมไปรับเจ้าอัณณ์" แม่เห็นผมว่างขนาดนั้นเลยหรือไง!!!
สุดท้ายผมกับแม่และพ่อ เลยต้องมาเกาะขอบลูกกรงโรงเรียนก่อนเวลา เพื่อรอดูน้องของขวัญ ทำไมถึงเชื่อว่าเป็นลูกผมกันง่าย ๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ใครจะไปรู้
“คนไหนไอ้พล เด็กยืนเรียงแถวรอผู้ปกครองมารับเนี่ย” คุณนายสายธารถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“แม่จะใช่ลูกผมไหมก็ไม่รู้ แม่ของเด็กบอกไปมั่วกับวินมอเตอร์ไซค์มา แม่ควรจะสืบหาความจริงก่อนมา” ผมมองแม่ที่ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด
“ยังไม่เจอครับท่านรอง หรือวันนี้อาจจะไม่มา เธออยู่ อนุบาลสองครับ แถวสั้น ๆ นั่นอ่าครับ แต่ไม่มีหนูของขวัญ”
“งั้นไปที่บ้านแม่เธอเลย”
“แม่!!!”
“แกทอดทิ้งคนคนหนึ่ง แล้วทำให้แม่ของเด็กเหมือนตายทั้งเป็น แบกหน้าสู้ขี้ปากชาวบ้าน แกยังจะมา ทำตัวงี่เง่าอีกเหรอ” แม่ของผมถลึงตา ทำให้ผมเองต้องจำใจเดินเข้าไปรับเจ้าอัณณ์ แล้วไปที่บ้านยัยหนูของขวัญก่อน
“คุณย่า น้าเซียงเซียงใจดีมาก ๆ เขาเป็นคนดุมาก ๆ ด้วย” เจ้าอัณณ์เล่าถึงผู้หญิงคนอื่นอย่างอารมณ์ดี
“ย้อนแย้งจัง พาย่าไปหาน้องของขวัญหน่อยนะอัณณ์”
เมื่อมาถึงบ้านของเจ้าหนูของขวัญ เพียงแค่เราก้าวลงจากรถ คนในบ้านนั้นก็ถือถังน้ำวิ่งเข้ามาสาดใส่พวกเราจนตัวเปียกปอน ไม่ยินดีที่เรามาจริง ๆ ด้วยสินะ ไม่ใช่แค่ผมโดน พ่อแม่ผมก็ไม่เหลือ เปียกเป็นลูกหมากันหมด
“ผมบอกแล้วไง เขาไม่ต้อนรับ กลับสักทีผมต้องทำงาน" ผมจะไม่ยอมแพ้อีกเด็ดขาด ทำให้เด็กมันรู้ว่าเก๋าเกมเป็นยังไง
"สงสัยจะเกลียดจริง เกลียดจังเลยแฮะคุณ"
"คุณย่า ของขวัญเป็นน้องของอัณณ์เหรอ อัณณ์ไม่เข้าใจ" ลูกชายผมกำลังเดินเข้าไปหาย่าของเขา จะยืนคุยอีกนานไหม ผมตัดสินใจเดินนำไปขึ้นรถก่อน คนอื่น ๆ จะได้ตามมาได้แล้ว เสียเวลาจริง ๆ
มาริสา Say ::
ฉันมาส่งของขวัญที่โรงเรียนปกติ แต่วันนี้ดันมาพร้อมน้องอัณณ์ด้วย แต่ที่แปลกใจคือน้องอัณณ์อาละวาดอีกแล้ว คนที่มาส่งวันนี้คือ อีตาเลขานั่น ช่างเถอะ ไม่ใช่หน้าที่ฉันที่ต้องห่วง ฉันไปส่งของขวัญที่ห้องเรียน ก็เจอคุณครูกำลังซุบซิบถึงเรื่องของน้องอัณณ์ ที่จะอาละวาดทุกทีที่พ่อเขาไม่สนใจ หรือไม่มารับมาส่ง
"ม้าาาา ต้องโดนก้างมะยมค่ะ" ของขวัญที่ยังซื้ดน้ำมูกด้วยอาการหวัด เดินหาก้านมะยมให้ฉันอีกแล้ว ไม่ได้ เราจะตีลูกคนอื่นไม่ได้
"นิสัยไม่ดีเลย ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อรวย จ่ายค่าเทอมมากกว่าคนอื่น ผ.อ. เอาออกไปแล้ว" เสียงจากครูพี่เลี้ยงทำให้ฉันต้องถอนหายใจ แล้วเดินไปหาน้องอัณณ์ ตอนนี้แม้แต่กับฉันเขาก็ไม่พูดด้วย ร้ายแรงเหรอ
"ของขวัญไปกระซิบบอกพี่เขา ว่าเย็นนี้ ม้าจะซื้อเค้กมาฝาก เราจะมานั่งกินเค้กด้วยกัน"
"ค่ะ ก้างมะยม ไม่ต้องใช้" ของขวัญเดินเข้าไปหาเด็กชายแล้วกระซิบที่หูของเขาตามที่ฉันบอก ทำให้เด็กชายไม่อาละวาดแล้ว แต่ก็ไม่ยอมพูดกับใครอยู่ดี นอกจากของขวัญ
เฮ้ออออ มีลูกเมื่อพร้อมจริง ๆ ฉันเดินไปขึ้นรถ ปล่อยให้พวกคุณครูจัดการต่อ เพราะฉันเองนั้นก็ต้องไปทำงาน วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องขายทัวร์ให้ชนะ Me Tour ฉันขับรถมาที่เมืองทองธานีแล้วตรงมาที่บูธของบริษัท แต่วันนี้คนของทางเรา น้อยจนบางตา ผิดกับคู่แข่งที่คนรุมจน แล้วล้นทะลัก ด้วยโปร มา 4 จ่าย 3
"เฮ้อออออออ คนที่มากันเป็นครอบครัว อาจจะมีลูกสองคนก็ได้ ถ้าเด็กเล็กได้เข้าฟรี ยังไงครอบครัวก็ต้องเลือกทางฉัน อย่ามาคิดว่าจะชนะฉัน เธอเนี่ยแค่เด็ก ๆ สวยขึ้นนะ" ไอ้ขี้เก๊กนั่นเดินมาเย๊าะเย้ยฉันด้วยตัวเอง ว่างมากหรือไง ชนะวันสุดท้าย ยังไงยอดขายเราก็ดีกว่าอยู่ดี
"สวยค่ะ เพราะฉันต้องใช้หน้าตาทำงาน" ฉันพยายามจะเดินหนี แต่กลับโดนไอ้ขี้เก๊กนั่นคว้าแขนเอาไว้
"ของขวัญ ลูกฉันรึเปล่า" คำถามที่ทำให้ฉันเหวอ ใจตกตาตุ่มเลย
"ลูกแท็กซี่หน้าหมู่บ้าน ฉันเนี่ย ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลูกใคร เพราะฉันอย่ามาคิดเอาเอง" ฉันพยายามจะสะบัดมือของเขาออก แต่เขากลับบีบแน่น
"ตรวจ DNA สิ"
"ทำไมต้องตรวจ ไม่จำเป็น ฉันบอกว่าไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ หลบไป!!! ฉันจะไปทำงาน" ฉันเตะเข้าที่หน้าแข้งของเขาอย่างแรง จนเขาทรุดตัวด้วยความเจ็บ แล้วเดินตรงออกไปทันที แต่เป็นการตรงไปเข้าห้องน้ำนะ ฉันต้องการสงบความว้าวุ่นในใจนี่ก่อน
เขาจะไม่มีทางรู้ว่าของขวัญเป็นลูกใคร ต่อให้จะต้องพูดให้ตัวเองดูสกปรกกว่านี้ ฉันก็จะทำ ของขวัญคือลูกของฉัน เราต้องสู้ ถ้าใจเรากระจอกอีก เราจะถูกเหยียบฉันหายใจเข้าปอดช้า ๆ แล้วฮึบตัวเองขึ้นมาใหม่ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำด้วยใจที่สงบกว่าเดิม ฉันจะไม่ให้ใครเห็นว่าอ่อนแออีกแล้ว
ฉันกลับมาที่บูธขายทัวร์ของบริษัท พร้อมกับจะหาทางแก้เกม เราจะลดตามเขาไม่ได้ ไม่งั้นคนที่จองเอาไว้เมื่อวาน จะต้องโวยแน่ ๆ สิ่งที่เราจะทำได้ คือของแถม แล้วต้องแถมทุกคน แต่จะแถมอะไรดีเราล่องไปในทะเล สิ่งที่แถมให้ได้คือทริปดำน้ำ แต่จะอันตรายไปไหม เดี๋ยวฉลามกินอีก หรือจะตกปลา แถมคอร์สจะปลาตกหมึกแบบนี้ดีไหม แต่ตกเอามาทำอะไร ใบเรือมีเชฟ 5 ดาว คิดสิ คิดสิ ฉันเดินคิดวนไปวนมา
"ล่องเรือสำราญไหม"
"ทางนั้น มา 4 จ่าย 3 ด้วยนะ โปรวันสุดท้ายมันดีแบบนี้แหละ" แล้วทั้งสองคนก็จัดการจูงมือกันไปที่ Me tour ตอกย้ำความแพ้ อย่างสมบูรณ์ให้ฉัน เพราะเขาเลือกมาทำในวันสุดท้ายที่ตอนนี้เราเหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมง
หลังจากทางนั้นขึ้นป้าย Sold out ก็ก็กลับมาทางเรา ทุกคนที่ทำงานนี้ไม่มีใครเดือดร้อน เพราะยังไงเราก็ขายหมด แต่มันโคตรไม่ภูมิใจเลย เหมือนเราขายหมดเพราะเขาขายหมดก่อน ลูกค้าถึงกลับมาหาเรา
"นี่เป็นครั้งแรกที่เราขายตั๋วเกลี้ยงแบบนี้" พนักงานของเรายินดีกับแบบมาก ๆ แต่ฉันกลับไม่ดีใจแล้วรู้สึกแพ้ ทั้ง ๆ ที่เราทำดีนำมาตลอด
ฉันขอตัวจากทุกคนไปซื้อเค้ก แล้วตรงรับไปของขวัญที่โรงเรียน วันนี้เจอน้องอัณณ์นั่งคนเดียวอีกแล้ว อาจจะเพราะพ่อเขาต้องทำงาน ทำให้มารับไม่ได้ ฉันเดินไปรับของขวัญที่ห้องเรียน แล้วไปรับน้องอัณณ์ด้วย ฉันชวนคนที่นั่งเซ็งมากินเค้ก เป็นการทำตามสัญญาเมื่อเช้า
"ของขวัญเอาสตรอว์เบอร์รี่ พี่อัณณ์เอาไหน"
"ไม่อยากกินอะ พ่อสัญญาว่าจะมารับ ยังไม่มาเลย เมื่อเช้าก็สัญญาว่ามาส่ง พ่อมีแต่งาน ๆ พ่อไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า ผมชอบอะไร บอกให้พาไปหาแม่ ก็ไม่ยอมพาไป รับปากส่ง ๆ จนผมไม่อยากจะเชื่อพ่ออีกแล้ว" อัณณ์พูดไป น้ำตาไหล แหมะ แหมะ
"ของขวัญอย่าไปกินของพี่เขานะ หนูเป็นหวัด"
"คามเดียว ไม่ได้หงอ" คำถามของลูกสาวทำให้ฉันส่ายหัว เดี๋ยวเอาหวัดไปติดเขาไม่ได้ เราต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
"หนูอัณณ์!!!! ย่าตามหาให้ทั่วเลย ปะ อ๊าาาา คนนี้ใครลูก" คุณป้าหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาหาฉัน แล้วมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย
"คุณน้าเซียงเซียง กับน้องของขวัญครับคุณย่า พ่อไม่มาจริง ๆ ด้วย พ่อผิดคำพูดอีกแล้ว!!!!" เด็กน้อยจากที่ร้องไห้อยู่แล้ว ตอนนี้เริ่มฟูมฟาย ฉันเลยเอามือมาแนบแก้มทั้งสองข้างของอัณณ์เอาไว้
"ไม่ร้องเป็นเด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง เราจะต้องเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้อย่างสวยงามแม้ไม่มีไม้ค้ำ วันนี้กินเค้กกับคุณย่า พรุ่งนี้นี้ก็มาเล่นกับของขวัญใหม่ เข้าใจไหมครับ ใครจะผิดสัญญาอย่าไปใส่ใจ ปกติน้าไม่ชอบให้ใครเรียกเซียงเซียงนะ แต่น้าจะยอมให้อัณณ์ 1 คน เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ตอนนี้อัณณ์จะต้องฮึบ กินเค้ก กลับบ้าน แล้วพรุ่งนี้เรามาเล่นกันใหม่" เพราะตอนนี้น้าจะต้องเอาของขวัญหนีแล้ว จะอยู่โอ๋อีกไม่ได้
ฉันส่งอัณณ์คืนให้ย่าของเขา แล้วจะพาของขวัญหนีทันที แต่ย่าของอัณณ์กลับวิ่งมาขวางหน้าเราไว้
"นี่เองน้องของขวัญที่เจ้าอัณณ์พูดถึง น่ารักมาก ๆ เลยนะคะ หนูช่างเป็นคนที่เลี้ยงลูกได้ดี ฉันอยากขอบคุณที่ดูแลเจ้าอัณณ์ให้ ไปทานอาหารที่บ้านฉันดีไหมคะ ฉันจะ...." ฉันยกมือขึ้นเบรกเอาไว้ตามความเคยชินที่ทำกับลูก
"ตอป ตอป แบบนี้ ม้าบอกว่าตอปค่ะ"
"ฉันไม่ไปค่ะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ฉันขอตัว" ฉันพาของขวัญไปขึ้นรถไม่สนใจคุณป้าคนนั้นอีก ป้าเป็นแม่ของผู้ชายคนนั้น ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งแล้ว
ย้อนอดีต
ฉันที่นอนเล่นแอพหาเพื่อนหนึ่งอยู่บนที่นอน เพราะฉันเรียนหนัก ไม่เคยมีเพื่อนเลย แต่ขนาดเล่นแอพฉันก็ไม่ค่อยจะคุยกับใคร ฉันตั้งคำถามเอาไว้มากมายเพื่อให้คนที่อยากจะเป็นเพื่อนกับฉันโดนกรอง ไม่มีใครตอบคำถามได้เกินครึ่งสักคน จนวันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งอายุ 27 ตอบของฉันได้ 90% เราจึงได้เริ่มคุยกัน
สายชล : พี่ชื่อสายชลนะ
SS : เซียงเซียงค่ะ
สายชล : อายุเท่าไหร่แล้วเราอ่า
SS : 20 ค่ะ
หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเป็นเดือน คุยกันทุกวัน คุยกันตลอด เขาให้กำลังใจฉันเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน และทุก ๆ เรื่อง เขาคือรักครั้งแรกที่ฉันมี เขามีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันมากขึ้น จนวันที่ฉันทนไม่ไหว ยอมออกมาเจอเขา ในเดือนที่ 3 ที่เราคุยกัน เขาเป็นผู้ชายชวนฝันที่ฉันตกหลุมรักลงไปหมดใจ แบบถอนตัวไม่ขึ้น
อีกด้าน
"คุณค้าาาาาา ฉันไปเจอน้องของขวัญกับแม่มาแล้วนะ น่ารักมาก ทั้งแม่และลูก ของขวัญน่ารักมาก หน้าเหมือนเจ้าชลเลย" สายธารบอกสามีถึงเด็กหญิงและหญิงสาวที่ตัวเองไปเจอมาวันนี้
"คุณว่าหลานเราจริง ๆ เหรอ ไม่ต้องตรวจ DNA ก่อนเหรอ" ศรุตพยายามเบรกภรรยาที่ออกตัวแรง
"ไม่เคยได้ยินคำว่า DNA บนใบหน้าหรือคะ ไม่รู้แหละ ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาช่วยให้เจ้าอัณณ์ของเราเลิกเกเร ต่อให้เขาตรวจ ดูจากที่เกลียดเราขนาดนั้น ไม่ยอมหรอกค่ะ แต่คุณคะ ของขวัญน่ารักมากเลยนะ"
[อย่าค่ะ คุณหนูอัณณ์ ป้าจอยกลัวแล้ว] เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้คนเป็นย่ากับปู่ไปดูหลานชาย ที่ตอนนี้กำลังอาละวาด เพราะพ่อของเขาผิดสัญญา
"ฉันว่าเจ้าอัณณ์ต้องมีแม่ค่ะ"
"เฮ้ออออ ตอนนี้มีพ่อให้ได้ก่อน เจ้าชลกลับจากบริษัทหรือยัง พอดูแลลูก ยอดบริษัทก็ตก พอจะทำงานลูกก็ไม่ปลื้มอีก แบบนี้จะทำยังไงนะ" ศรุตมีอาการหนักใจ ทำให้ภรรยาเข้ามาปลอบ
"แบบนี้ไงคะ เจ้าอัณณ์ถึงต้องมีแม่ แล้วเราจะได้คนเก่งมาช่วยงาน เจ้าชลจะได้ไม่ต้องปวดหัว แถมมีหลานสาวมาเรียกปู่จ๋าทั้งวัน" สายธารเกลี้ยกล่อมคนเป็นสามี
"เฮ้อออออ อย่ามาหลอกล่อผมเลย เอาตอนนี้ให้เขาไม่เอาน้ำสาดไล่เราก่อนเถอะ"