บทที่ 2 : เข้าทาง (2)

2204 Words
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับคุณพรชดา” เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เจษฎาก็เอ่ยถามขณะที่เดินอ้อมโต๊ะทำงานมานั่งลงบนโซฟารับแขกกลางห้อง โดยมีหญิงสาวเดินมาหย่อนสะโพกงอนงามลงข้างๆ ไม่รอให้อีกฝ่ายเชิญนั่งเสียก่อน พรชดายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อได้มีโอกาสอยู่กับชายหนุ่มตามลำพัง และยิ่งได้พิจารณาดูความหล่อเหลาของเขาใกล้ๆหัวใจดวงน้อยก็ยิ่งเต้นรัวแรง ความอบอุ่นผ่านทางสายตาคู่หวานซ่อนคมทะลุกรอบแว่นใสๆยังคงปรากฏให้เห็น แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามแสดงสีหน้าและท่าทางเคร่งขรึมให้เห็นก็ตามที ‘ท่าทางอบอุ่น ใจดี รูปร่างสูงสง่าสมชายชาตรี ใบหน้าหล่อเหลาบาดใจ แม้จะมีแว่นตาพรางดวงตาคู่หวานไว้ก็ไม่อาจซ่อนเสน่ห์อันน่าดึงดูดที่รุนแรงนั้นได้ หากผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนคุณหมอ คงโชคดีมากๆแน่!’ พรชดาวิพากษ์วิจารณ์ชายหนุ่มอยู่ในใจเงียบๆ ขณะจ้องใบหน้าหล่อเหลาไม่วางตา “รู้จักชื่อชดาดีขนาดนี้ แสดงว่าคุณหมอต้องเคยติดตามผลงานของชดามาบ้างแล้ว จริงไหมคะ” พรชดาไม่ตอบแต่ย้อนถามเสียงใส แถมยังแทนตัวเองอย่างสนิทสนม รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยผู้ชายที่เธอเพ้อถึงมาตลอดทั้งเดือนรู้จักชื่อเธอ “ผมไม่เคยดูละครน้ำเน่าอะไรพวกนั้นหรอกนะ แต่ที่ผมจำชื่อคุณได้ก็เพราะคุณเป็นหนึ่งในนักแสดงที่จะมาถ่ายทำละครในโรงพยาบาลของผมอาทิตย์หน้านี้ และถ้าจำไม่ผิดเลขาของผมบอกว่าคุณต้องการครูสอนท่าทางและวิธีการจับมีดผ่าตัดด้วย” เจษฎาบอกกับหญิงสาว และจงใจพูดให้เธอเข้าใจ เพราะไม่ต้องการให้เธอเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนคลั่งดารา หรือเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเธอ “ทีนี้คุณจะบอกผมได้หรือยัง ว่าคุณมีธุระอะไรกับผม” “พอดีทำหัวใจหล่นหายไว้ที่โรงพยาบาลนี้ คุณหมอพอจะเห็นหัวใจของชดาบ้างไหมคะ” พรชดาตอบนอกเรื่อง พร้อมเอ่ยถามประโยคสุดเลี่ยนที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะพูดมันออกมาได้ แล้วก็เหมือนจะเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าหล่อเหลาแวบหนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างเดิม “ขอโทษค่ะ” พรชดาเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจริงจัง และไม่อยู่ในอารมณ์ล้อเล่น อีกอย่างเธอก็ไม่อยากถูกมองเป็นผู้หญิงไม่ดีในสายตาของเขา เลยต้องพูดออกมาอย่างจริงจัง “ชดามาหาคุณหมอเพราะอยากได้คุณหมอเป็นครูสอนวิชาผ่าตัดที่จะใช้ในการแสดงอาทิตย์หน้านี้ แต่บังเอิญเห็นประตูห้องคุณหมอเปิดอยู่ก็เลยถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต อันที่จริงชดาตั้งใจจะมาช่วยกู้สถานการณ์อันน่าอึดอัดนั่นด้วยค่ะ” พรชดาบอกไปตรงๆโดยไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา สาบานได้ว่าเธอตั้งใจจะมาช่วยเขาให้หลุดพ้นจากผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจแอบอ้างเป็นคนรักเขาแต่อย่างใด “แต่คุณไม่ควรเสี่ยงชื่อเสียงตัวเองเพราะเรื่องแบบนี้ เกิดมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวเสียๆหายๆคุณเองนั่นแหละที่จะลำบาก” ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดี แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าหูเธอเลยสักนิด เพราะนอกจากเธอจะไม่สนใจแล้วยังเอ่ยถามเขาต่ออย่างหน้าตาเฉย “คุณหมอไม่ชอบเธอเหรอคะ” “ใคร?”ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามเมื่อจู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้นมา “ก็ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไงละคะ คุณอลินเธอก็สวยดีนี่” “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ชอบเธอ” “ก็สีหน้าและท่าทางของคุณหมอไงคะ ดูง่ายจะตายไป ดูคุณหมอไม่ค่อยจะเต็มใจให้เธอเข้าใกล้สักเท่าไหร่ชดาพูดถูกไหมคะ” พรชดาบอกพร้อมเอ่ยถามในตอนท้าย เจษฎาไม่ได้ตอบแต่กลับย้อนถามแทน “พูดมาขนาดนี้แสดงว่าแอบดูอยู่นานแล้วสิ” “ก็ประตูไม่ได้ปิด ถึงไม่แอบดูก็เห็น และไม่ใช่แค่ชดาที่เห็นนะ คุณพยาบาลที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เห็นกันทั้งนั้น” พรชดายักไหล่ตอบในสิ่งที่ตัวเองเห็น ซึ่งเจษฎาก็ไม่ได้ตกใจหรือแปลกใจอะไร เพราะเขาเองนั่นแหละที่จงใจเปิดประตูห้องทำงานเอาไว้ เมื่ออยู่กันตามลำพังกับอลิน อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่กล้าทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการพูดคุยกันเฉยๆ แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินเธอผิดไป เพราะทันทีที่เจ้าหล่อนเข้ามาในห้องก็ทำราวกับว่าได้อยู่กันตามลำพัง แถมยังไม่เกรงกลัวสายตาของพยาบาลที่เดินผ่านห้องไปมาอีกด้วย ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ที่ได้นางเอกสาวสวยมาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน แต่เขาก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลายไปใหญ่ เพราะเจ้าหล่อนเล่นประกาศเป็นคนรักไปแบบนั้น “ขอบคุณที่ช่วยผมไว้ และถ้ามีอะไรที่จะตอบแทนความมีน้ำใจในครั้งนี้ได้ผมก็ยินดี” “ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าหายกัน ที่คุณหมอเคยช่วยชดาไว้ครั้งก่อน” “ผมเนี่ยนะเคยช่วยคุณ เรายังไม่เคยเจอกันเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน” เจษฎาขมวดคิ้วถาม พร้อมยืนยันเสียงหนักแน่น ส่งผลให้หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนักๆ สีหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มหุบลงแทบจะทันที ‘ว่าแล้ว คิดไว้ไม่มีผิด’ พรชดาคิดอย่างรู้สึกผิดหวังลึกๆ แต่ก็เพียงชั่วครู่เดียวก็สามารถปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ เพราะตอนนั้นเรื่องราวผ่านไปไวมาก เขาแทบจะไม่มีเวลามองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้เธอสามารถอภัยให้เขาได้ “ถ้าคุณหมอจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นเอาเป็นว่าการช่วยเหลือครั้งนี้ฉันจะคิดค่าตอบแทนก็แล้วกันนะคะ” “ค่าตอบแทน” เจษฎาทวนประโยคพลางขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม และเขาก็ได้รับคำตอบมาในเวลาอันรวดเร็ว “ช่วยเป็นคุณครูสอบวิชาผ่าตัดให้หน่อย นะคะ…คุณหมอ” ท่าทางและน้ำเสียงออดอ้อนราวสนิทกันมาเป็นสิบชาติ ส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มเผลอระบายยิ้มออกมาอย่างลืมตัว เขาเองก็มีน้องสาวขี้อ้อน แต่เจนจิราก็ไม่เคยเล่นใหญ่เบอร์แรงเท่าคนตรงหน้าสักที เห็นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ “นะคะคุณหมอ รับรองว่าจะไม่ทำตัววุ่นวาย แต่จะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนนะคะ” “แน่ใจเหรอว่าจะไม่ทำตัววุ่นวาย” เจษฎาหรี่ตาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เลยได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มแสนหวานพร้อมใบหน้างามขยับมาใกล้ส่งสายตาอ่อนเชื่อมเพิ่มอีกเบอร์ จนนัยน์ตาของทั้งสองประสานการนิ่ง ‘ให้ตายเถอะ…นี่จะฆ่ากันตายด้วยสายตาหรือไง แม่คุณ’ ชายหนุ่มสบถในใจอย่างหัวเสีย แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ควรตกหลุมพรางนางร้ายจอมมารยา แต่หัวใจกลับไม่ยอมทำตาม ‘ให้สบตานานขนาดนี้คุณหมอจะรู้หรือเปล่าคะว่าฉันแอบชอบคุณหมออยู่’ นั่นเป็นสิ่งที่พรชดาอยากจะถามออกไปตรงๆ แต่ก็เกรงว่าจะดูไม่ดีเธอเลยเลือกที่จะใช้วิธีนี้ และหวังว่าดวงตาจะเป็นหน้าต่างของหัวใจที่จะสื่อความหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ความในใจ สาบานได้ว่าชีวิตนี้เธอไม่เคยสบตากับใครในระยะประชิดและเนินนานเท่านี้มาก่อน ถึงจะเข้าฉากพระนางในละครก็ไม่เคย “ค่ะ แน่ใจ แต่ถ้าเผลอทำตัววุ่นวาย ชดาอนุญาตให้คุณหมอทำโทษได้ตามใจคุณหมอเลย” พรชดาบอกพลางระบายยิ้มไม่หยุด กลับเป็นฝ่ายชายเองที่ต้องเมินไปทางอื่น เมื่อรู้สึกว่ากำลังหายใจติดขัด เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง “ได้ ตกลงผมจะเป็นคนสอนคุณเอง” เจษฎาบอกทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย คิดว่าตอบตกลงไปแล้วเรื่องจะจบแต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด “คุณหมอจะเป็นครูสอนส่วนตัว จนกว่าจะจบละครเรื่องนี้ ตกลงไหมคะ” พรชดาถามแกมบังคับนิดๆ ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “ผมคงไม่ว่างขนาดนั้นหรอก แค่งานบริหารและดูแลคนไข้ก็แทบจะไม่มีเวลาพักแล้ว เจียดเวลามาสอนคุณครั้งสองครั้งก็น่าจะเข้าใจ เพราะเป็นแค่การแสดงไม่ได้ผ่าตัดจริงๆสักหน่อย” “ถ้าการแสดงมันง่ายขนาดนั้นชดาจะมาเรียนกับคุณหมอมืออาชีพทำไมละคะ แค่เปิดดูซีรี่เกาหลี หรือนั่งดูสารคดีอยู่บ้านสบายๆไม่ดีกว่าเหรอคะ” พรชดาย้อนถาม เริ่มมีอารมณ์เริ่มกรุ่นๆเมื่อถูกปฏิเสธ แต่ก็ยังคงรักษาสีหน้าและท่าทางเรียบเฉยเอาไว้อย่างแนบเนียน “งั้นเอาเป็นว่าผมจะหาเวลาเท่าที่ทำได้แล้วกันนะ” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” พรชดากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดคนที่ตัวเองกำลังแอบชอบ “แต่วันนี้ผมไม่ว่าง เชิญคุณกลับไปก่อน” เสียงทุ้มบอกพร้อมพยุงตัวลุกขึ้นเต็มความสูง เจษฎาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน แต่ยังไม่ถึงสองก้าวก็ต้องชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อเสียงหวานใสเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหมอ” “มีอะไรอีกครับ คุณพรชดา” ทันทีที่หมุนตัวหันกลับมามองต้นเสียง จมูกเชิดรั้นนิดๆของนางเอกสาวก็ประทับลงบนแก้มสากของเขาเข้าอย่างจัง ทำให้ดวงตาคมกริบสว่างวาบไปวูบหนึ่ง “ทำอะไรของคุณ!” เจษฎาร้องถามเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะแก้มที่ถูกจู่โจมหอมอย่างไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะอย่างมิอาจห้ามได้ หากแต่คนที่จู่โจมกลับระบายยิ้มหวานราวกับไม่ได้ทำอะไรเสียหายแต่อย่างใด “ขอบคุณค่ะ เป็นการขอบคุณสำหรับความน่ารักของคุณหมอ” หญิงสาวตอบน่าตาเฉย จนเจษฎาเริ่มจะมีอารมณ์กรุ่นๆที่คิดว่าสาวเจ้าแจกหอมไปทั่ว และเขาเองก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดที่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่เธอทำแบบนี้ “ไม่ยักจะรู้ว่าคุณขอบคุณคนด้วยวิธีการหอมแก้มไปเสียหมด” “เปล่าคะ ชดาเลือกขอบคุณด้วยการหอมแก้มกับคนที่ชดาอยากทำด้วยเท่านั้น นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว ก็มีคุณหมอนี่แหละเป็นคนแรก” พรชดาบอกด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ บ่งบอกชัดว่าเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกโล่งอกจนเผลอระบายยิ้มออกมาอย่างลืมตัว “แล้วทำไมต้องเป็นผม คุณควรเก็บไว้ทำกับคนที่คุณรักหรือกับคนพิเศษมากกว่านะ” “เพราะชดาอยากให้คุณหมอเป็นคนพิเศษของชดายังไงละคะ” พูดมาขนาดนี้มีหรือนายแพทย์หนุ่มผู้ผ่านโลกและสตรีมามากมายจะไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังรุกจีบเขาอยู่ “พูดแบบนี้อยากเป็นข่าวกับผมหรือไงกัน” “แล้วไงคะ ชดาต้องกลัวด้วยเหรอ” หญิงสาวยักไหล่ เชิดหน้าท้าทาย หาได้เกรงกลัวข่าวที่ว่าเลยสักนิด “ถ้าคุณไม่อยากเป็นข่าว ผมแนะนำให้อยู่ห่างๆผมไว้จะดีกว่า” เจษฎาเตือนด้วยความหวังดี เพราะถึงเขาจะสุภาพกับผู้หญิงทั้งโลก แต่ถ้าอ่อยมาเบอร์แรงขนาดนี้ก็ต้องตอบสนองกันบ้างแหละ แต่วิธีตอบสนองของเขานั้นเกรงว่าจะไม่ใช่แค่การพูดต่อปากต่อคำ หากแต่อาจจะถึงขึ้นเรียนรู้จักนิสัยใจคอกันแบบจริงจังกันเลยก็ได้ “แล้วถ้าเกิดชดาอยากเป็นข่าวกับคุณหมอขึ้นมาละคะ คุณหมอจะว่ายังไง” พรชดาเลิกคิ้วถามรุกต่อไม่หยุด ไม่รู้ว่าตัวเองถูกนางร้ายบทไหนเข้าสิงถึงได้ไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด เห็นสายตาคู่หวานภายใต้แว่นใสใสแล้วอยากจะท้าทายเป็นบ้า “แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน” เสียงทุ้มต่ำบอกในลำคอ ก่อนจะก้าวยาวๆกลับมานั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ เป็นการตัดจบบทสนทนาเพื่อจะได้แยกย้ายกันกลับไปทำงานของตนเอง “ไปก่อนค่ะคุณหมอ แล้วเจอกันเร็วๆนี้ค่ะ” พรชดาบอกโบกมือลาแล้วหมุนตัวก้าวออกจากห้องด้วยท่าทางสง่างามตามแบบฉบับของเธอ ส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มมองตามจนลับสายตา ………………………………….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD