ดวงตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่ภาพของสองหนุ่มสาวในห้องทำงานนิ่งเป็นเวลาหลายนาทีแล้ว ขณะที่พยายามเก็บความไม่พอใจไว้อย่างสุดความสามารถ แม้นัยน์ตาจะค่อยๆลุกโชนแทบจะระเบิดออกมาก็ตามที
แต่แล้วความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวพยายามคะยั้นคะยอคุณหมอสุดหล่อด้วยท่าทางยั่วยวนไม่เลิก แถมยังเข้าถึงเนื้อถึงตัวนายแพทย์หนุ่มจนเกินจำเป็น
“กุลสตรีไม่ควรทำตัวสนิทสนมกับคนรักของคนอื่นจนเกินงามนะคะ ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำตำหนิ ทำให้ทั้งสองที่นั่งอิงแอบกันอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ต้องหันมาทางเธอแทบจะพร้อมกัน
“แก….”
หญิงสาวเจ้าของหน้าอกหน้าใจโตเกินตัวผู้ถูกตำหนิเกือบหลุดคำหยาบออกมา แต่ก็ห้ามปากไว้ได้ทัน ส่วนชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะ หลังจากที่ต้องทนอึดอัดแกมรำคาญสาวอกโตมาพักใหญ่ เพราะมัวแต่ดีใจทำให้ไม่ติดใจเอาความกับประโยคของหญิงสาวแปลกหน้าเมื่อครู่นี้
ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงวูบไหวไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะรู้สึกคุ้นๆกับใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาชวนมองของผู้เข้ามาใหม่ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร แต่กระนั้นก็ยังไม่แน่ใจซะทีเดียว
“เธอเป็นใคร แล้วเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”
อลิน หญิงสาวเจ้าของใบหน้าที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางเข้มจัดเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่พอใจที่ถูกตำหนิจากสาวแปลกหน้า แถมยังกล้าเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของนายแพทย์หนุ่มโดยไม่ขออนุญาตอีก ขณะเดียวกันก็กวาดตามองร่างบางระหงในชุดเดรสสีครีมสั้นเปิดไหล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจงใจเสียมารยาท ยิ่งเห็นอีกฝ่ายโดดเด่นกว่าตนก็ยิ่งขุ่นเคืองใจเป็นทวีคูณ แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้
‘ใช่ดาราหรือเปล่าเนี่ย หน้าคุ้นๆ’
“ฉันชื่อพรชดาค่ะ เข้ามาทางประตูห้อง เพราะประตูไม่ได้ปิดเอาไว้”
หญิงสาวผู้เข้ามาใหม่เอ่ยแนะนำตัวเอง ตามด้วยคำตอบสุดกวน ก่อนจะพาร่างบางระหงเข้ามาประชิดร่างสูงใหญ่ของนายแพทย์หนุ่มเจ้าของห้อง พร้อมพูดในสิ่งที่ทำให้คนฟังทั้งสองต้องตกใจ
“และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่คุณควรรู้ไว้คือ ฉันเป็นคนรักของคุณหมอเจษฎา คนที่คุณกำลังเกาะแขนเขาอยู่”
คำพูดของนางเอกสาวจบลงพร้อมๆกับท่อนแขนเล็กสอดเข้าไปที่แขนอีกข้างของชายหนุ่มแล้วออกแรงดึงกระชากมาหาตัว จนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อยแขนที่เกาะเกี่ยวเขาไว้อย่างขัดใจ ต่างจากเจ้าของร่างสูงที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีสาวงามมาแอบอ้างเป็นคนรัก แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะทักท้วงอะไรใดใด ยอมยืนเฉยๆ พลางคิดประชดอยู่ในใจ
‘ดีจริงไอ้เจษ จู่ๆก็มีคนรักแบบไม่ทันตั้งตัว’
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ!”
อลินส่ายหน้าไปมาไม่ยากยอมรับ ขณะเดียวกันก็พยายามระงับเสียงกรี๊ดของตัวเองเพื่อสงวนท่าทีเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่เธอแอบหมายปองมานาน
ด้วยความที่อลินเป็นเพื่อนกับเจนจิราซึ่งเป็นน้องสาวของเจษฎาทำให้เธอมีโอกาสได้ทำความรู้จักและค่อนข้างใกล้ชิดกับเจษฎาพอสมควร เพราะตอนที่เจนจิราเรียนอยู่เมืองไทยเธอมักจะไปมาหาสู่เพื่อนสาวเป็นประจำ
“อลินขอเป็นน้องสาวของพี่หมออีกคนนะคะ เพราะอลินเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง อลินแค่อยากมีพี่ชายเหมือนเพื่อนคนอื่นเขาบ้าง”
ตอนแรกอลินก็แสดงตัวเป็นน้องสาวที่แสนดีและวางตัวเป็นกุลสตรีมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่สร้างความไว้วางใจให้กับเจษฎา แต่เพื่อไม่ให้เจนจิราเพื่อนสาวของเธอที่หวงพี่ชายอย่างกับอะไรดีตายใจ
หากแต่ระยะหลังๆมานี้ คำพูดและการกระทำของอลินหลาย อย่างเปลี่ยนไป เพราะเจ้าหล่อนคอยตามตอแย และคอยตื้นจนน่ารำคาญ แถมยังเลือกแสดงออกลับหลังเจนจิราอยู่บ่อยๆ ทำให้เจษฎาต้องเว้นระยะห่างและระวังตัวเสมอเมื่ออยู่ใกล้กับผู้หญิงคนนี้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน อลินบุกมาถึงที่ทำงานและอ้างว่าเจนจิราฝากขนมจากต่างแดนมาให้ แน่นอนว่าเรื่องนี้เจษฎาต้องหาคำตอบให้ได้ว่าน้องสาวของตัวเองรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า
“ก็ไม่ได้ให้เชื่อนี่คะ แค่จะบอกให้รู้เฉยๆ”
พรชดายักไหล่ไม่ใส่ใจอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมให้ราวกับว่าตรงนี้มีแค่เราสองคน
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองกำลังทำให้หัวใจของใครบางคนสั่นไหวแปลกๆ เพราะไม่เคยมีใครให้สบตาในระยะประชิดแบบนี้มาก่อน
“ไม่มีใครเชื่อว่าเรารักกัน แต่ขอแค่ให้เราเชื่อใจกันและกันก็พอนะคะคุณหมอ”
‘ถ้าคะแนนการแสดงเธอมีเต็มสิบ ฉันจะให้เธอเต็มร้อยไม่หักเลย’
เจษฎาพูดในใจแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรออกมา เพราะมีสายตาของอลินคอยจับผิดอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น
“พี่ว่าน้องอลินกลับไปก่อนดีกว่านะ วันนี้พี่มีธุระจะคุยกับคุณพรชดา”
“อลินไม่กลับ!”
หญิงสาวบอกเสียงดังจนเกือบจะเป็นตวาดอย่างลืมตัว เพราะกลัวว่าจะมีคนมาแย่งชิงชายหนุ่มไปจากเธอ ที่ผ่านมาเธอพยายามใช้ความสนิทเพื่อจะจับเขามาหลายปี จู่ๆจะให้ปล่อยไปตกเป็นของผู้หญิงคนอื่นง่ายๆแบบนี้มันก็ดูจะไม่ยุติธรรมสำหรับเธอสักเท่าไหร่
“จนกว่าพี่หมอจะยืนยันว่าคบกับเธอจริงๆ เพราะอลินไม่เชื่อว่าเจนจะยอมให้พี่หมอมีแฟน หรือว่าพี่หมอแอบมีแฟนโดยไม่บอกยายเจนคะ”
อลินรู้ดีว่าเจนจิรานั้นรักและหวงพี่ชายยิ่งกว่าอะไร เธอเลยเลือกที่จะยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาถามปนข่มขู่นิดๆ แต่เจษฎากลับเอ่ยเสียงดุเมื่อรู้สึกว่าอลินก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไป
“พี่ว่าทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกคนรักของตัวเองนะ และอีกอย่างพี่ก็เชื่อว่าเจนโตพอที่จะแยกแยะอะไรๆได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นเป่าหู”
ชายหนุ่มจงใจตำหนิอีกฝ่ายโดยเน้นเสียงหนักในประโยคท้าย แต่ก็พยายามพูดเป็นกลางเพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายหลังจากนี้ พรชดาเห็นว่าคำพูดของเขายังไม่หนักแน่นพอ เธอเลยช่วยใส่สีตีไข่ให้อีกแรง
“อันที่จริงเรากำลังจะแถลงข่าวเปิดตัวเร็วๆนี้อยู่เหมือนกันค่ะ”
พรชดาบอกอย่างหน้าชื่นตาบาน เห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสีก็เหยียดยิ้มด้วยความสะใจ แต่คนที่กำลังพยายามทำให้เรื่องไม่ปานปลายอยู่ต้องขมวดคิ้วเครียดขึ้นมาทันที
‘ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะแม่คุณ’
“คิดดีแล้วใช่ไหมที่พูดแบบนี้”
ชายหนุ่มโน้มลงมากระซิบถามข้างใบหูเล็กให้ได้ยินกันเพียงสองคน ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ยอมเล่นละครตามน้ำตั้งแต่แรก พรชดาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะเธอเอาแต่ยิ้มและสบกับนัยน์ตาคมกริบอย่างเย้ายวนราวกับว่าทั้งสองอยู่กันตามลำพัง ทำให้คนที่มองอยู่ต้องกำหมัดแน่นเมื่อถูกเมิน
“คิดดีแล้วค่ะ คุณหมอ”
พรชดาตอบอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่มองมาด้วยแววตาวาวโรจน์น่ากลัว
“ชัดแล้วใช่ไหมคะคุณอลิน ทีนี้ก็ออกไปได้แล้วค่ะ คนรักเขาจะสวีทกัน”
พรชดาเอ่ยปากไล่พร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยันๆราวกับจะบอกเธอเป็นนัยๆว่า
‘ช่วยไม่ได้…ก็เขาเลือกฉันนี่’
“นี่คุณ”
เจษฎาสะกิดหญิงสาว เมื่อดูเหมือนว่าเธอกำลังจะสร้างศัตรูเพิ่มในอนาคตอย่างไม่ตั้งใจ
“ขา…ที่รัก”เสียงหวานขานรับพร้อมกับระบายยิ้มกว้าง ทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังพยายามจะเตือน
“อลินขอตัวก่อนนะคะพี่หมอ”
เมื่อทนดูความสนิทสนมของทั้งสองต่อไปไม่ไหว อลินก็ขอตัวพร้อมเดินออกจากห้องไปทันที แต่ก็มิวายถูกเสียงหวานตะโกนไล่หลังมาติดๆ
“หวังว่าหลังจากนี้คุณจะไม่ทำตัววุ่นวายกับคนรักของฉันอีกนะคะ คุณอลิน!”
เมื่อละครฉากใหญ่จบลง พรชดาก็ปล่อยแขนใหญ่ให้เป็นอิสระ พลางขยับออกห่างจากร่างสูงใหญ่ ราวกับคู่รักที่เธอพยายามอิงแอบเมื่อกี้นี้เป็นของร้อนไม่ควรอยู่ใกล้
แวบหนึ่งเจษฎาเกิดความคิดอยากจะมอบบทตัวร้ายให้กับเธอแทนบทนางเอกเจ้าน้ำตาเลยทีเดียว นาทีนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่า…พรชดา นางเอกเจ้าบทบาทเจ้าน้ำตาที่ทุกคนรู้จักในจอนั้นแตกต่างจากนอกจออย่างสิ้นเชิง ซึ่งคำที่เหมาะสมกับเธอที่สุดในตอนนี้ก็คือ…ร้ายไม่เบา!