“คุณหมอ”
“ตอนนี้ผู้กำกับสั่งคัดแล้วครับ ไม่ต้องเรียกผมเหมือนตามบทละครก็ได้”
พระเอกหนุ่มคู่จิ้นเอ่ยบอกเสียงนุ่ม ขณะมองใบหน้างดงามของคู่สนทนานิ่งพลางส่งสายตาลึกซึ้งให้เธอราวกับอยากสื่อความนัยน์อะไรบางอย่างให้กับหญิงสาวได้รับรู้ถึงความรู้สึกในส่วนลึกข้างในให้เธอได้รับรู้
เจสัน พระเอกหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่มักจะหาโอกาสสานสัมพันธ์ต่อกับเธอนอกจอเสมอ แต่พรชดากลับไม่ให้ความพิเศษใดๆกับเขานอกเหนือจากเพื่อนร่วมงาน และคู่จิ้นในจอเพียงเท่านั้น
“ขอโทษนะคะ พอดีอินกับบทไปหน่อย”
พรชดาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเผลอเรียกเขาแบบนี้ เพราะตลอดทั้งวันที่ได้อยู่ด้วยกันในกองถ่ายละครในช่วงพักกองเธอมักจะเรียกเขาว่าคุณหมอ ทำให้เจสันหลงดีใจว่าเธออยากจะตีสนิทกับเขาโดยการเรียกเขาเหมือนในละคร
“อินกับบทในจอขนาดนี้ แล้วไม่คิดจะอินกับคู่จิ้นนอกจอคนนี้บ้างเลยเหรอครับ”
เจสันเอ่ยถาม ด้วยความหวังที่มีอยู่เต็มเปรี่ยมในหัวใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาชายหนุ่มต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว
“นอกจอคงไม่อินค่ะ เพราะชดามีคนในหัวใจอยู่แล้ว”
แม้จะเป็นแค่การมโน แต่เธอก็ตั้งใจที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง และตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตามแบบฉบับของคนที่ไม่ชอบอ้อมค้อมให้เสียเวลา
“น่าน้อยใจจริงๆนะครับ ที่คู่จิ้นของตัวเองแอบมีคนในใจอยู่แล้ว ถ้าแฟนคลับรู้คงผิดหวังแย่”
เจสันบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ แต่ก็แฝงคำขู่ไว้ในประโยคตอนท้าย
หลังจากที่ได้ร่วมงานกันไปครั้งก่อนทำให้เกิดกระแสจิ้นหนักจนเรตติ้งละครพุ่งกระฉุดทำให้ทั้งสองถูกเรียกตัวมาร่วมงานกันอีกครั้ง โดยการเปิดตัวละครเรื่องใหม่ที่ถ่ายทำไปพร้อมๆกับออนแอร์ไป ทั้งสองเลยจำเป็นต้องรักษาฐานแฟนคลับเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ละครเรื่องนี้ทางผู้ใหญ่ตั้งความหวังไว้สูงมาก ถ้าหากทำเรตติ้งละครได้ดีก็จะทำให้ทั้งสองคนมีงานในวงการบันเทิงต่อไปยาวๆ แต่ทั้งนี้ต้องวางตัวการดีๆ ห้ามทำให้แฟนคลับผิดหวัง อาจจะมีการร่วมงานคู่บ่อยขึ้นเพื่อตอบสนองกระแสที่กำลังมาแรง และถ้าหากคู่จิ้นจะกลายเป็นคู่จริงได้ก็จะดีมาก”
ตอนนั้นผู้ใหญ่ทางช่องพูดกับสองพระนางแบบนั้น แต่มีหรือนางเอกสาวผู้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงอย่างพรชดาจะสนใจ เพราะเธอเข้าวงการบันเทิงมาด้วยความสามารถ ไม่ใช่เพราะกระแสจิ้น ฉะนั้นเธอเลยคิดว่าคู่จิ้นไม่ควรมีผลต่อชีวิตจริงและการทำงานของเธอ ซึ่งต่างจากเจสันที่ดูจะไม่คิดเหมือนเธอ
“ไม่หรอกค่ะ ชดาคิดว่าแฟนคลับเขาแยกแยะได้ว่าอันไหนเป็นการแสดง อันไหนเป็นชีวิตจริง หากต้องเลือกชดาก็เลือกที่จะพูดเรื่องจริงกับพวกเขาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่การหลอกลวง”
“ดูคุณมั่นใจจังเลยนะครับว่าแฟนคลับที่คลั่งไคล้การมโนมากๆจะเข้าใจอะไรง่ายๆอย่างที่คุณว่าไว้”
“ค่ะ เพราะชดาเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
คำตอบหนักแน่นของพรชดาที่เอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจทำให้พระเอกหนุ่มต้องลอบขบกรามกรอดด้วยความเจ็บใจ เพราะคำขู่ที่เขาคิดว่าเธอจะกลัวนั้นดูจะไม่มีผลอะไรต่อเธอเลยสักนิด
‘ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายงั้นเหรอ’
ก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกันพรชดา เธอยังให้ความสนิทสนมกับเขาอยู่เลย ถ้าจำไม่ผิดเธอแสดงท่าทางดีอกดีใจที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง จนเขาเข้าใจว่าเธอนั้นก็สนใจในตัวเขา แต่พอเขาจะรุกจีบเธออย่างจริงจังกลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือ เธอมีคนในใจอยู่แล้ว
“ที่ชดารับละครเรื่องนี้เพราะบทน่าสนใจดี ไม่ได้รับเพราะกระแสจิ้น แต่ถ้าหากการร่วมงานกันครั้งนี้ทำให้คุณเจสันเข้าใจชดาผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ บอกตามตรงว่าคุณเจสันไม่ใช่สเปคของชดาค่ะ”
คำพูดตรงๆของนางเอกสาวทำให้เจสันชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะรู้สึกหน้าชาวาบราวกับถูกตบอย่างแรง ตั้งแต่เข้าวงการมาเขาภูมิใจนักหนากับใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองที่มีแต่สาวๆตามกรี๊ดไม่ขาด แต่กับพรชดาเธอกลับปฏิเสธเขาอย่างไม่คิดจะรักษาน้ำใจกันเลยสักนิด แบบนี้มันยอมได้ที่ไหนกัน
“พรชดา!”
“ขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระต่อ”
ร่างบางระหงลุกพรวดจากเก้าอี้ทันทีที่พูดจบ จากนั้นก็หันมาทางผู้จัดการส่วนตัวที่เก็บข้าวของใส่กระเป๋าใบใหญ่เสร็จพอดี
“ไปค่ะพี่เชนทร์”
บอกกับผู้จัดการก่อนจะเดินนำไปที่ประตู แต่ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกพระเอกหนุ่มคู่จิ้นอย่างผู้หวังดี
“ถ้าคุณยังอยากมีงานทำในวงการบันเทิงก็อย่าขู่ฉันเหมือนเมื่อกี้นี้อีก เพราะถ้าฉันอารมณ์เสียขึ้นมาไม่ใช่แค่คุณจะถูกแฟนคลับเท แต่มันจะทำให้คุณหมดอนาคตในวงการนี้ด้วย”
กล่าวจบพรชดาก็สะบัดตูดเดินเชิดออกจากประตูไปทิ้งให้พระเอกหนุ่มมองตามด้วยความเจ็บใจ
“บ้าชิบ! เธอกล้าดียังไงมาขู่ฉัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน พรชดา”
เจสันกำหมัดแน่นพร้อมคาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจอย่างเดือดดาล
………………………………
“วันนี้ไม่มีคิวงานที่ไหนแล้ว น้องชดาจะกลับบ้านไปพักผ่อนเลยหรือว่า…”
“ไปโรงพยาบาลค่ะ ชดาจะไปโรงพยาบาลเจนาไทน์”
พรชดาบอกกับผู้จัดการส่วนตัวร่างใหญ่ หุ่นล่ำ ที่กำลังเปิดดูตารางงานของเธอผ่านหน้าจอโทรศัพท์ โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
“น้องชดาไม่สบายเหรอครับ ทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย”
คเชนทร์กดปิดจอโทรศัพท์พร้อมหันขวับมามองหญิงสาวข้างกายด้วยความตกใจ พลางคิดไปว่าตัวเองนั้นทำหน้าที่บกพร่องไปหรือเปล่า ถึงไม่รู้ว่าดาราสาวที่อยู่ในความดูแลของตัวเองกำลังป่วย
“เปล่าค่ะ ชดาไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากไปดูสถานที่ถ่ายทำละครในอาทิตย์หน้าก็เท่านั้นเอง”
หญิงสาวยักไหล่ปฏิเสธ แล้วบอกความตั้งใจของตัวเองให้กับอีกฝ่ายทราบ
“ช่วงนี้น้องชดามีปัญหากับบท หรือสถานที่ถ่ายทำหรือเปล่าครับ ถ้ามีอะไรไม่โอเคบอกพี่ได้เลย เดี๋ยวพี่จะเคลียร์กับผู้กำกับให้เอง น้องชดาไม่ต้องลำบากจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองหรอกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่เชนทร์ ชดาไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่อยากรบกวนพี่เชนทร์ให้ช่วยปฏิเสธงานทุกอย่างในช่วงนี้ทั้งหมด ชดาจะรับแค่ละครเรื่องนี้เรื่องเดียว จบงานนี้ชดาอยากหาเวลาพักผ่อนค่ะ”
“ได้เลยครับน้องชดา”
คเชนทร์รับคำอย่างว่าง่าย ไม่แม้แต่จะขัดใจเพราะถึงพรชดาไม่รับงานในวงการบันเทิง นางเอกสาวก็ไม่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายค่าตัวให้ผู้จัดการส่วนตัวในราคาหกหลักต่อเดือนอยู่แล้ว เนื่องจากเจ้าหล่อนมีบิดาที่ร่ำรวยมหาศาลจากธุรกิจอาหารแปรรูปที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกนั่นเอง
คุณหนูไฮโซ ที่เพรียกพร้อมในทุกด้านไม่จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงตัวเองด้วยซ้ำ แค่นั่งๆนอนๆอยู่บ้านชิวๆหรือจะเที่ยวผลาญเงินเล่นไปวันๆทั้งชาติเงินที่มีก็ใช้ไม่หมด นอกเสียจากว่าเธออยากหาอะไรทำเล่นๆแก้เบื่อ ซึ่งนั่นก็คือการแสดงละครที่เธอถนัดนั่นเอง
“ว่าแต่น้องชดาอยากจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนละครับ พี่จะได้หาที่พักสวยๆและจองตั๋วเครื่องบินไว้ให้”
“ชดายังไม่ได้คิดเลยค่ะ ไว้ใกล้ปิดกล้องเรามาคิดกันอีกทีว่าจะไปไหนกันดี”
“เรา…นี่น้องชดาจะชวนพี่เชนทร์ไปด้วยเหรอครับ”
คเชนทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เพราะการได้เที่ยวกับเธอคือสวรรค์บนดินดีๆนี่เอง ไหนจะที่พักราคาแพงหูฉี่ อาหารรสเลิศ และการช้อปปิ้งแบบจัดเต็มซึ่งพรชดารับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เป็นใครก็อยากจะไปกับเธอทั้งนั้น
“ก็ชดายังไม่มีคู่นี่คะ ถ้าไม่ให้พี่เชนทร์ไปด้วยแล้วใครจะคุยเป็นเพื่อนแก้เหงาละคะ”
หญิงสาวบอกเสียงหวานเจือเสียงหัวเราะ เอ็นดูท่าทางของผู้จัดการส่วนตัวที่ดีใจจนยิ้มไม่หุบ
“พูดถึงคู่…จะว่าไปแล้วคุณเจสันก็ไม่เลวนะ น้องชดาไม่คิดจะสนใจเขาหน่อยเหรอ”
คเชนทร์เอ่ยถามเพราะเห็นพรชดาปฏิเสธพระเอกหนุ่มหล่ออย่างไร้เยื่อใยในห้องแต่งตัวไปเมื่อกี้
“หึ! เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องแต่งตัวพี่เชนทร์ได้ยินที่เจสันพูดกับชดาหรือเปล่าคะ”
“พูดอะไรเหรอครับ พี่มัวแต่เก็บของเลยไม่ได้ฟัง”
“เจสันเอาแฟนคลับมาขู่ชดาค่ะ เขาบอกว่าหากแฟนคลับรู้ว่าคู่จิ้นแอบมีคนอื่นในใจพวกเขาคงผิดหวัง”
พรชดาฟ้องผู้จัดการส่วนตัว ขณะที่นึกเจ็บใจอีกฝ่ายไม่หาย แต่ผู้จัดการกลับสะดุดหูกับคำว่าแอบมีคนอื่นในใจมากกว่าอารมณ์กรุ่นๆของเจ้าหล่อน
“น้องชดามีใครในใจแล้วเหรอครับ แล้วทำไมเรื่องนี้พี่เชนทร์ไม่เคยรู้เรื่องเลย ไหนเล่ามาซิ”
คราวนี้เสียงของคเชนทร์ตกใจปนตื่นเต้นมากกว่าตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนเสียอีก
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะพี่เชนทร์”หญิงสาวบอกเสียงอ่อยเมื่อนึกถึงความมโนของตัวเอง“มันเป็นแค่การประทับใจอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ”
“ประทับใจเบอร์ไหนละครับบอกพี่เชนทร์ที”
“เบอร์แรงสุดค่ะ ชนิดที่หยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย และยิ่งนานวันความคิดถึงก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีจนชดารู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ต้องเป็นแบบนี้”
“ถ้าเป็นความประทับใจก็ไม่น่าจะอาการหนักจนต้องคิดถึงขนาดนี้นะครับน้องชดา นอกเสียจากว่ามีความรู้สึกอย่างอื่นปนอยู่ด้วย”
“ไม่รู้สิคะ ชดาไม่แน่ใจ”หญิงสาวส่ายหน้าไปมาขณะบอกกับผู้จัดการส่วนตัว
“ถ้างั้นบอกพี่ได้ไหมว่าผู้ชายที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร”คเชนทร์ยังคงถามเข้าประเด็นด้วยความอยากรู้
“คุณหมอเจษฎา เจ้าของโรงพยาบาลเจนาไทน์ค่ะ”
พรชดาไม่คิดจะปกปิดหรืออ้อมค้อมให้เสียเวลา แต่คำตอบของเธอนั้นส่งผลให้ผู้จัดการหุ่นล่ำถึงกับอ้าปากค้างด้วยความอึ้งปนตกใจ
“อย่าบอกนะว่าที่น้องชดาจะไปโรงพยาบาลเพราะคิดถึงคุณหมอ ไม่ใช่เพราะงานอย่างที่บอกไว้”
คเชนทร์เพิ่งจะเข้าใจความตั้งใจของนางเอกสาวก็ตอนนี้เอง แต่ไหนแต่ไรลองได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว ก็ไม่มีใครขวางได้ ซึ่งข้อนี้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างเขารู้ดีที่สุด
“รู้แบบนี้แล้วพี่เชนทร์จะห้ามไหมละคะ”
“พี่จะห้ามทำไมละครับ เป็นเรื่องดีซะอีกถ้าน้องชดาจะมีความรัก ยังไงพี่เชนทร์ก็ขอให้น้องชดาประสบความสำเร็จในเรื่องของหัวใจนะครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่เชนทร์”
เสียงหวานกล่าวขอบคุณจากใจจริง ก่อนที่ใบหน้างามจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อทางสะดวก แถมมีคนคอยสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้ของเธออีกด้วย