“ไม่ให้คุยตอนนี้ บอกแล้วว่าฟาดเธอจนเบื่อเมื่อไรจะส่งไปให้พี่ชายเธอเอง”
ตั้งแต่ถูกเขาลากลงเรือมาก่อนจะขึ้นฝั่งที่เกาะฮ่องกง เขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของแบรดลีย์ อาเชอร์ มหาเศรษฐีลูกสอง เจ้านายแสนดี แสนอบอุ่นของเธอ สมองของคนสวยรีบคิดหาทางรอด
“ฉันเป็นพี่เลี้ยงลูกของคุณแบรดลีย์ ถ้าคุณแบรดลีย์รู้เรื่องนี้ต้องโกรธแน่”
“แบรดลีย์มันเป็นเพื่อนฉัน ฉันคุยกับมันได้”
ลิลลี่เม้มปากแน่นอย่างขัดใจ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณแบรดลีย์จะเป็นเพื่อนกับคนอย่างแก คนดีๆ ไม่น่าคบกับคนเลวเลย” ปลายประโยคเสียงสูงจนคนฟังหมั่นไส้
‘ปากดีนัก’
ดีแลนอยากจะหัวเราะใส่หน้าคนโลกสวย ไอ้แบรดลีย์ดีกว่าเขาตรงไหน เธอไม่รู้อะไรเสียแล้ว ไอ้หมอนั่นเป็นพวกเจ้าแผนการ มันแสบจะตาย ผิดกับเขา ถ้าจะร้ายก็ร้ายอย่างเปิดเผย ร้ายตรงๆ ไม่ใช่แอบร้าย เจ้าเล่ห์
“นี่ แม่คนโลกสวย อยู่กับฉันห้ามพูดถึงผู้ชายคนอื่นอีก บันทึกช่วยจำไว้ในหัวเธอหน่อย” เขาว่าแล้วก้มมองต่ำลงมาที่หน้าอกขาวอวบที่มันคอยดึงดูดสายตาเขาเหลือเกิน
ลิลลี่ยกมือกอดอกแน่นเมื่อรู้ว่าถูกมอง ก็ตอนนี้ทั้งเนื้อตัวถูกห่อไว้ด้วยผ้าเพียงผืนเดียว “แกเอาเสื้อผ้าฉันไปทิ้งแล้วฉันจะเอาอะไรใส่” คนต้องการเอาตัวรอดรีบเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้ต้องได้เสื้อผ้ามาสวมก่อน ดูสายตาไอ้บ้านี่สิ เหมือนจะจับเธอกินตลอดเวลา
ดีแลนอมยิ้ม ดวงตาวาววับกรุ้มกริ่ม “อยู่ที่นี่เสื้อผ้าคงไม่จำเป็นต้องใส่มั้ง”
“อะไรนะ!” ลิลลี่หน้าร้อนผ่าว
“ทำไมต้องตกใจด้วย อยู่กับผัว เสื้อผ้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่ เพราะทั้งตัว ผัวเห็นหมดแล้ว”
ลิลลี่เบิกตากว้าง ปฏิเสธเสียงขื่นๆ “ฉันไม่เชื่อ”
“งั้นฉันจะบอกให้ เธอมีไฝแดงตรงแก้มก้นขวาหนึ่งเม็ด”
กรี้ดดด
“แกรู้ได้ไง”
“ก็ฉันเปิดดู”
มันคือเรื่องจริง แต่ประสบการณ์ที่ผ่านความยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ลิลลี่ไม่ได้อ่อนต่อโลก เธอมั่นใจว่ายังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีครั้งไหนที่มีอะไรแทรกผ่านเข้าไป เคยได้ยินมาว่าครั้งแรกนั้นอาจทำให้เป็นไข้ หรือไม่ก็เดินแทบไม่ไหว แต่เธอปกติดีทุกอย่าง
เขาอาจจะให้ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ได้ ไม่รู้ว่าสมองทำไมถึงคิดบวกเช่นนั้น เหตุการณ์เลวร้ายมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น เธอจำได้ว่าเธอเริ่มเห็นผู้ชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่ไม่รู้ทำไมถึงจำเขาได้อย่างติดตา
ตอนที่เธอไปเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อกลับไปทำอาหารให้สองแฝดก็เห็นเขามองเธอ จนกระทั่งตอนไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ก็ยังมองอยู่
และตอนนั้นเองที่เธอไม่ทันระวังสังเกต หลังจากเธอเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นมานั่งพร้อมบอกสถานที่ให้คนขับแล้ว เธอก็มองออกไปนอกรถ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคนขับดังขึ้น พร้อมกับการคุยแบบสำเนียงไทยปนจีน
“เรียบร้อยดีครับ อีกไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงแล้วครับ” คนขับรถแท็กซี่ตอบกลับคนปลายสาย
ลิลลี่ไม่ได้สนใจ แต่คนขับที่มีใบหน้าเหมือนชาวจีนก็ชวนคุยขึ้นมาทำให้ต้องหันไปมอง
“มีลูกค้าเจ้าประจำโทร.มาให้ไปรับน่ะครับ เขาเป็นคนจีนมาทำงานที่ประเทศไทย เรียกรถผมให้ไปรับไปส่งบ่อยๆ เพราะไม่ไว้ใจคันอื่น แต่คงไปรับไม่ทัน เพราะรับคุณผู้หญิงมาแล้ว”
“ค่ะ” ลิลลี่ตอบรับไปอย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่คนขับรถแท็กซี่ยังพูดต่อ
“ที่จริงเขาพักอยู่โรงแรมข้างหน้า ทางผ่านเราพอดีเลยครับ”
“หมายความว่าไงคะ” ลิลลี่ถามกลับด้วยความสงสัย
“ถ้าผมจะแวะรับเขาด้วยแล้วไปส่งคุณผู้หญิงจะได้ไหมครับ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน มันไม่ค่อยถูกต้องนัก มีแบบนี้ด้วยหรือ ใครเขาทำกัน
“แต่ว่าฉันคงไม่สะดวกเท่าไหร่นัก”
“เสียดายจัง ลูกๆ ผมใกล้เปิดเทอม ช่วงนี้กำลังต้องหาเงินมากเป็นพิเศษ”
เรื่องนี้บังเอิญชกเข้าถูกจุด ตั้งแต่ยังเล็ก ลิลลี่รู้ดีแม้เธอจะเรียนโรงเรียนรัฐบาล ค่าเทอมเรียกได้ว่าถูกมาก แต่ด้วยฐานะที่ค่อนข้างลำบาก ก่อนจะมาเจอพี่ชาย แม่ต้องอดทนลำบากมาก กว่าจะเก็บเงินมาเป็นค่าเทอมในแต่ละเทอม
“เอาล่ะ ก็ได้ค่ะ”
ลิลลี่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เห็นคนทำมาหากินเพื่อลูกแล้วจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เขาจะได้มีรายได้ ไม่เสียลูกค้าประจำ ลูกของเขาจะได้มีเงินค่าเทอม
“ขอบคุณครับ”
เพราะเธอไม่รีบมาก เผื่อเวลาไว้แล้ว ยังไงก็กลับไปทำอาหารให้สองแฝดจอร์แดนกับจัสตินได้ทัน
คนขับแท็กซี่ยิ้มรับ “คุณสวยแล้วยังใจดี เจ้านายคนจีนนี่เขาหล่อรวยมากเลยนะครับ มีเมียที่จีนแล้วยังมีเมียที่ไทยอีกสองคน ผมก็โชคดีไปด้วยที่ได้ทำงานกับเขา”
“ค่ะ” ลิลลี่ตอบกลับอย่างขอไปที ไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดถึงเจ้านายตัวเองทำไม แล้วรถแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้าไปจอดในชั้นจอดรถของโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ข้างทาง เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วจอดสนิทตรงลิฟต์ที่เป็นส่วนไว้ใช้สำหรับแขกที่มีห้องพักลงมา คนขับรถแท็กซี่ก็โทรศัพท์ไปบอก
“ผมมาถึงแล้วครับ”
ลิลลี่เห็นคนขับรถเปิดประตูลงไป และในตอนนั้นเองที่ประตูข้างตัวของเธอถูกเปิดออกแล้วผ้าสีขาวก็โปะลงมาบนจมูก เธอหมดสติไม่รู้ตัวกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีในสภาพเปลือยเปล่า มีผู้ชายที่เธอจำติดตาได้ดีตอนอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมานอนเปลือยกายอยู่ข้างๆ พร้อมกับคำว่าผัวที่เขายัดเยียดให้จนเธอตั้งรับไม่ทัน ลิลลี่ตกใจมาก แต่เธอไม่เชื่อ เพราะร่างกายของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ
‘แต่จะพิสูจน์ยังไง ว่ายังบริสุทธิ์’
เธอจนปัญญาจริงๆ จากนั้นจึงอาศัยไหวพริบหนีเอาตัวรอดออกมา แต่หลังจากนั้นชีวิตเธอก็ไม่เหมือนเดิมเพราะถูกเขาตามรังควาน กระทั่งตอนนี้ที่ถูกจับตัวมายังที่ไหนก็ไม่รู้
“นี่คุณ บอกฉันมาที่นี่ที่ไหน ปล่อยฉันกลับไปเถอะนะ” ลิลลี่พยายามสงบสติอารมณ์ หันหน้าเข้าเจรจา
ดีแลนกระชากเสียงดุ “ที่นี่เป็นบ้านพักที่ฉันสร้างให้ผู้หญิงของฉัน ฉันหมดไปเยอะรู้ไหม เธอก็รู้นี่ว่าที่ดินที่ฮ่องกงแพงยิ่งกว่าทองคำ”
“ฉันเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ ส่งฉันกลับไปสิ ไล่จับฉันมาเพื่ออะไร เราไม่ได้มีความแค้นกันเสียหน่อย แค้นพี่ฉัน ก็ไปจับพี่ฉันมาสิ ดูละครน้ำเน่ามากหรือไง แค้นอีกคนจับอีกคน หรือหน้าตาแยกไม่ได้ ว่าเป็นคนละคน”
ดีแลนนึกฉุน อยากฟาดริมฝีปากเข้าใส่ริมฝีปากแม่คนปากดีสักทีสองที
“เสียใจด้วยแม่ตัวดี เธอไม่รู้หรือไงที่ละครชอบทำแบบนั้น ก็เพื่อความฟินไง ถ้าฉันไปลากพี่เธอมา นอกจากกระทืบมัน ฉันจะทำอะไรได้อีก ฉันไม่กินถั่วดำ ที่สำคัญเธอน่ากินกว่ามันเยอะ” ดีแลนแสยะยิ้มโหดๆ
“แกไอ้บ้า ไม่เข้าใจหรือไงว่าฉันไม่เกี่ยว โกรธใครก็ไปแก้แค้นคนนั้นสิ ฉันจะกลับ”
ลิลลี่ลุกขึ้นพรวด แต่ถูกเขาดึงตัวเอาไว้ “ฉันไม่ได้โกรธเธอ แต่ฉันอยากกินเธอ เพราะพี่เธอมันคงกลืนผู้หญิงของฉันเข้าไปทั้งตัว เหตุผลของฉันก็คือไม่ยอมเสียของไปฟรีๆ เข้าใจหรือยัง มันได้ผู้หญิงของฉัน ฉันก็ต้องได้น้องสาวของมันมาทดแทน”