(ไหนแกบอกจะมาช่วยฉันถือของไง) เสียงหวานของร่างเล็กแวดใส่มือถือเครื่องหรูของตัวเอง ใบหน้าสวยติดหงุดหงิด เมื่อเพื่อนรักของเธอผิดนัด
(ก็แกบอกว่าจะไปช่วงเย็น แต่นี้อะไรแกมาเปลี่ยนเป็นเวลานี่ใครจะไปวะ? แดดประเทศไทยร้อนจะตายห่า) เสียงทุ้มดัดเล็กของแคนดี้เอ่ยบอกกับปลายสาย ร่างเล็กถึงกับพ่นลมออกจากปากของตัวเองเพื่อระบายอารมณ์เดือดดาลในใจ
(แกติดผู้อยู่ใช่ไหม) น้ำเสียงจริงจังของโซลเอ่ยถามแคนดี้และคำตอบที่ได้จากเพื่อนรักเป็นน้ำเสียงที่ดูร้อนรนจนเธอจับพิรุธได้
(ฉันเปล่านะ)
(ขอความจริง) อันที่จริงเธอสามารถมาที่ตลาดนี้คนเดียวได้สบายแต่ เพราะอยากแกล้งเพื่อนให้มาลำบากด้วยกันก็เท่านั้น แถมเพื่อนรักยังเคยบอกว่าอยากหารายได้พิเศษเอาไว้ซื้อของที่อยากได้ซึ่งเธอก็เห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่
(ก็นิดหน่อย แกไปเองได้ใช่ไหม)
(ก็แค่เนี่ย ฉันไปเองได้ ขอให้รักกันยาวนาน) น้ำเสียงติดประชดประชันของร่างเล็กกระแทกเสียงใส่เพื่อนรัก ก่อนที่เธอจะชิงตัดสายเพื่อนรักทิ้งไป
ดวงตากลมโตหันไปมองร้านสักลายขนาดไม่ใหญ่มาก ที่อยู่ระหว่างทางไปตลาดของถูก คิ้วเรียวสวยขมวดกันเป็นปม เธอมาตลาดนี้หลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นร้านนี้แม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่เคยเห็นร้านนี้เลยแฮะ” ดวงตากลมโตสำรวจภาพรอยสักที่ติดอยู่กระจกใสหน้าร้านจนแทบมองไม่เห็นด้านใน เธอกวาดสายตามองไปเรื่อย ๆ จนสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เปิดประตูออกมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“จะสักก็รีบเข้ามา ผมมีคิวอีกเยอะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกร่างบางที่กำลังยืนทำหน้างุนงงกับประโยคของผู้ชายผมแดงที่ใบหน้าหล่อเหลาถูกปิดด้วยผ้าแมสเอาไว้ให้เห็นเพียงแค่ครึ่งหน้า ก่อนที่เธอจะถูกร่างสูงของผู้ชายคนนี้ลากเข้าไปภายในร้านสักทันที
“เฮ้ย!!คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาสัก”
“ลีลา” ร่างเล็กที่ขืนตัวเองดันขอบเคาเตอร์เอาไว้ เธอพยายามยื้อสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ตัวเองเดินไปตามแรงดึงของผู้ชายคนนี้แต่ด้วยแรงอันน้อยนิด ทำให้เธอถูกลากเข้าไปภายในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับสักลายครบครัน
“ฉันไม่ได้มาสักค่ะ ฉันแค่ดูลายเฉย ๆ”
“ทำไมเธอเป็นคนพูดมากจังวะ” น้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดของผู้ชายคนนี้ ทำให้ร่างบางเริ่มงุนงงกับเหตุการณ์เพิ่มเป็นทวีคูณ ในเมื่อเธอบอกเขาว่าเธอไม่อยากสักและเธอก็แค่ดูว่าสวยแค่นั้นและในชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะสักเลยสักครั้ง
“นี่คุณ!!” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะแวดใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มเป็นอันต้องชะงัก เมื่อเธอเห็นใบหน้าของผู้ชายผมแดงชัดเจน ใบหน้าของผู้ชายที่หล่อราวกับเทพบุตรเพียงแค่เขาถอดผ้าปิดจมูกออก
“จะกลัวอะไรกับอิแค่เข็ม แค่นี้ก็ป๊อดแล้วเหรอ”
“เฮ้ย!!ฉันไม่ได้มาสักจริง ๆ ฉันแค่เดินผ่านมา”
“มุกเด็กขี้แย” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วเป็นเชิงท้าทายและกวนประสาทโซล ใบหน้าที่ท้าทายและดูถูกของชายหนุ่ม ทำให้เลือดร้อนในตัวของร่างบางปะทุขึ้นมาทันที
เพราะนิสัยของโซลมักไม่ชอบให้ใครมาดูถูกหรือสบประมาทเธอ ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดหน้ามองชายหนุ่มรูปงาม ก่อนที่เธอจะตอบออกไปไม่มีความกลัวใด ๆ
“เออ จะสักก็สัก” เมื่อศักดิ์ศรีค้ำคอ ร่างบางจึงตอบตกลงสักกับชายหนุ่มอย่างง่ายดาย เพียงแค่อยากเอาชนะที่ผู้ชายคนนี้สบประมาทตัวเอง
“จะสักตรงไหน”
“ปกติเขาสักตรงไหนล่ะ”
“ลาย?”
“โอ๊ย!!ถามมากจัง จะสักตรงไหนก็สัก สักเล็ก ๆ ก็พอ แบบมินิมอล นายเข้าใจไหม” ใบหน้าติดหงุดหงิดตอบกลับชายหนุ่มออกไป เพราะเธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะสักอะไรและสักที่ไหน
“นั่งลง” เสียงทุ้มติดโหดทำให้ร่างเล็กนั่งลงตามที่ชายหนุ่มสั่ง เธอหันไปมองภายในห้องสักที่ดูสะอาดสะอ้านและมีอุปกรณ์ครบครันแถมเครื่องปรับอากาศยังเย็นเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือ
“ลูกค้าไม่มีรึไง ถึงได้ลากฉันเข้ามาสักเนี่ย” ร่างสูงที่กำลังเตรียมอุปกรณ์เป็นอันต้องชะงัก เมื่อร่างบางเอ่ยประโยคที่ตรงกันข้ามออกมา
“ใครบอกว่าไม่มีคน”
“อ้าว!!ก็ไม่เห็นสักคน”คิ้วเรียวสวยขมวดกันเป็นปม เพราะตอนที่ผู้ชายคนนี้ลากเธอเข้ามาภายในร้านไม่เห็นลูกค้าแม้แต่คนเดียวอยู่ด้านในร้าน
“ก็ที่นั่งอยู่นี่ ไม่ใช่คนเหรอ”
“ไอ้!!” เพียงแค่ได้ยินประโยคของชายหนุ่ม ร่างเล็กเริ่มโมโหขึ้นมาจนเกือบหลุดคำด่าใส่ผู้ชายหน้าโหดคนนี้ แต่ประโยคไม่สุภาพต้องถูกกลืนลงคอ เพียงแค่เจอคำขู่ของช่างสักเถื่อนคนนี้
“หลุดพูดคำหยาบออกมา อย่าหาว่าผมไม่เตือน” ใบหน้าจิ้มลิ้มรีบหงุบปากลงทันที ดวงตากลมโตกวาดไปมองในห้องสี่เหลี่ยมอีกครั้งด้วยความระแวง ผู้ชายคนนี้ดูโหดและเถื่อนจนเธอแทบอยากวิ่งหนีออกจากร้าน
“โอ๊ย!!เจ็บเว้ย เบาหน่อย” เสียงอุทานด้วยความเจ็บดังลั่นห้อง เพียงแค่เข็มแหลมจิ้มลงไปบนผิวขาวเนียนละเอียดของโซล
“ยังไม่ได้เริ่ม”
“พอ ฉันเจ็บ”
“ใจมดจังวะ?” เหมือนลีจะเริ่มจับทางร่างเล็กถูก เพียงแค่พูดจาดูถูกเธอไปนิดหน่อย ร่างเล็กถึงกับเชิดหน้าและยื่นแขนเล็กไปให้เขาแต่โดยดีทั้งที่ดวงตากลมโตทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ปากกระจับเม้มเข้าหากันแน่น
“รีบสัก ฉันมีธุระต่อ” ร่างสูงหลุดขำเธอออกมา เมื่อเห็นการกระทำเหมือนเด็กไม่รู้จักโตในตัวของผู้หญิงคนนี้
“ฉันเจ็บตัวขนาดนี้แล้ว ฉันต้องจ่ายเงินอีกไหม”ประโยคคำถามของหญิงสาว ทำให้ร่างสูงที่กำลังตั้งใจลงเข็มบนผิวเธอ ถึงกับหยุดชะงัก เพราะตั้งแต่ทำร้านสักมาไม่เคยมีลูกค้าคนไหนเอ่ยถามประโยคแบบนี้ออกมาเลยสักครั้ง
“อยากจ่ายก็จ่าย ไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย”
“เจ็บขนาดนี้ ฉันไม่จ่ายหรอกนะ” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหล่อ ผู้หญิงคนนี้แปลกกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ก่อนที่เขาจะก้มหน้ากลับไปสักลายต่อจนเสร็จ เพราะต้องทำทุกอย่างให้รวดเร็วก่อนที่หญิงสาวคนนี้จะเปลี่ยนใจรีบวิ่งออกจากร้าน
“เสร็จแล้ว”
“กว่าจะเสร็จ ว่าแต่นายสักรูปอะไรให้ฉันเหรอ” ดวงตากลมโตลืมตาขึ้น หลังจากได้ยินประโยคสวรรค์จากปากชายหนุ่ม เธอยกข้อมือขึ้นมามองลายสักด้วยความสงสัย
“รูปอะไร?” คิ้วเรียวสวยขมวดกันเป็นปม เมื่อเห็นรอยสักที่ข้างข้อมือของตัวเอง ที่เหมือนจะเป็นครึ่งเสี้ยวของหัวใจและมีลายเส้นภาษาอังกฤษที่เธอก็ไม่รู้ความหมายเช่นกัน
“ไม่ต้องรู้หรอก”
“อ้าว!!นี่นายเป็นช่างสักจริงปะเนี่ย” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มเหวี่ยงใส่ร่างสูง เมื่อเห็นเขายังคงทำหน้านิ่งไม่ยอมตอบคำถามของเธอ
“เธอไม่เคยเห็นรอยสักนี่เหรอ”
“โอ๊ย!!หน้าฉันเหมือนครูศิลปะรึไง ไอ้บ้า” เมื่อเธอด่ากราดร่างสูงเสร็จ ร่างบางรีบวิ่งออกจากห้องสี่เหลี่ยมทันทีเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังเผลอ
“เฮ้ย!!จะไปไหน? เธอคิดว่าจะหนีพ้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกร่างเล็กเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน เมื่อเธอวิ่งเร็วกว่าลิงลมเสียอีก