-9-
(มินิมาร์ท)
ตอนนี้ฉัน ฌอนและหมอสกายกำลังเดินอยู่ในงานอะไรสักอย่างมีแสงสีเต็มงานไปหมด เขียวบ้างล่ะ เหลือง แดงบ้างล่ะแถมยังมีของกินมากมายละลานตาที่สำคัญมีซุ้มของเล่นด้วยนะปาโป่งเอย โยนหวง ยิงปืนเอย
“คุณมินิมาร์ทอยากทานอะไรมั้ยครับ”
แน่นอนประโยคสุภาพและดูเป็นปัญญาชนแบบนี้ไม่ได้ออกจากปากฌอนแน่ มันมาจากคุณหมอสุดหล่อของฉันเอง><
“เรียกมินเฉยๆก็ได้ค่ะ มินกินอะไรก็ได้”
“เหอะ”
ฉันตวัดสายตามองฌอนนิดๆเขายืนเท้าสะเอวอยู่ด้านหลังมองฉันและหมอด้วยสายตาไม่พอใจ
“อย่ากวนตีนให้มากนะไอหมอ”
ฌอนชี้หน้าหมอก่อนจะเข้ามากอดคอฉันลากออกไปให้เดินกับเขา
“มินเบื่อไอฌอนมาหาหมอได้นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นมินไปหาหมอตอนนี้ได้เลยนะคะ”
“มิน!!”
ฉันและหมอหัวเราะออกพร้อมกันเมื่อเห็นท่าทางโมโหของฌอนด้วยความที่ฉันยังเจ็บเท้าอยู่ฌอนเลยลากฉันให้เดินหนีหมอไม่ได้ หมอเลยแกล้งเขาได้อย่างสนุกเลยล่ะทีนี้
“มึนปาแบบนี้ชาติหน้าก็ไม่โดนหรอก”
อยากจะเปลี่ยนทิศทางลูกดอกจากปาใส่ลูกโป่งมาปาใส่ไอคนปากหมาด้านข้างจริงๆ
“นายเก่งมากรึไง”
ฌอนยืนกอดอกด้วยท่าทางท้าทายก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกวนตีน
“แข่งมั้ยล่ะใครปาโดนมากกว่ากันสั่งให้อีกคนทำอะไรก็ได้”
“หึ ได้เรื่องแค่นี้สบายอยู่แล้ว”
ฉันรับคำท้าแบบลืมคิดหน้าคิดหลังไปเลยเพราะคำว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอถึงก่อนหน้าจะปาพลาดเป็นสิบแต่น้องมินิมาร์ทคนนี้จะไม่ยอมแพ้
“ต่อให้เลย5อัน”
ฌอนพูดด้วยท่าทางสบายๆ อ๊ากก ไม่ติดว่าเจ็บเท้าแม่จะกระโดดถีบให้
“อ้าว ทำไมยืนมองหน้าเคียดแค้นกันขนาดนี้ล่ะครับ”
เสียงหมอสกายพึ่งเดินเข้ามาทักขึ้นเพราะคงเห็นฉันและฌอนยืนจ้องหน้าส่งสายตา ชิ้ง ชิ้งให้กันอยู่
“หมอสกายมาก็ดีค่ะมาเป็นกรรมการให้พวกเราหน่อย”
กติกามีอยู่ว่าเราจะแข่งปาทั้งหมด20ดอกใครปาลูกโป่งแตกได้มากที่สุดชนะโดยฌอนต่อให้ฉันต่อให้ฉัน5ดอกฉะนั้นฉันจะได้ปา25ดอก ฌอนปา20ดอก
“นายเริ่มก่อนเลย”
ฌอนหันมายกยิ้มมุมปากก่อนจะขว้างลูกดอกออกไปโดยไม่มองด้วยซ้ำ
โป่ง!
เหยด แตกได้ไงวะ
“ตามึนแล้ว”
ฉันหลับตาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขอให้ลูกป่โดนด้วยเถอะ
โป่ง!
“เย้”
“ฟลุ๊คดีนะ”
ฌอนว่าพลางเอามือมาโยกหัวฉัน หน็อยแน่มาดูถูกฉัน
“ตอนนี้เหลือกันคนล่ะ2ดอกแล้วนะครับ ถ้ามินได้ทั้ง2ดอกแล้วฌอนไม่ได้เลยสักอันถือว่ามินชนะนะครับ”
ริบหรี่เหลือเกินความหวังของฉันสองดอกว่ายากแล้ว ฌอนปาไม่ได้ว่ายากกว่าอีก
ฟิ้ว ฟิ้ว
“ว้า พลาดได้ไง”
ฉันมองหน้าฌอนสลับกับแผงลูกโป่งเป็นไปได้ไงเขาปาไม่โดนสักลูกเลย เอาวะมีโอกาสชนะแล้ว
โป่ง โป่ง
“มินชนะครับ”
“เย้”
ฉันกระโดดดีใจเมื่อฟลุ๊คปาโดนทั้งสองลูก โผเข้ากอดหมอสกายแต่โดนฌอนดึงไว้ก่อน
“กอดมันทำไม กอดว่าที่สามีสิ”
เขากระซิบข้างหูกอดฉันไว้จากด้านหลังแน่นเท่านั้นยังไม่พอฌอนยังหอมแก้มแถมพูดเสียงเซ็กซี่อีกว่า
“วันนี้จีบแล้วนะ”
“หือ”
ฉันเอี่ยวหน้าไปมองเขา ขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ยอมให้ชนะไง เขาบอกผัวยอมเมียแล้วเมียจะรัก”
คำพูดของเขาทำให้ฉันเบิกตากว้างและยิ่งกว้างขึ้นอีกเมื่อฌอนก้มลงจุ๊บปากฉัน
“แฮ่ม สงสารกูบ้างเถอะ”
“อิจฉาก็บอก”
ฌอนพูดยิ้มๆหันไปยักคิ้วกวนตีนให้หมอ ส่วนฉันได้แต่ก้มหน้างุดๆเพราะทั้งเขินทั้งอาย
“อย่าให้กูมีบ้างนะมึง”
“มึงมีกูไงครับเมีย”
เสียงเข้มของใครบ้างคนดังขึ้นพวกเราทั้งหมดเลยพร้อมใจกันหันไปมองและภาพที่เห็นคือผู้ชายคนนึงหล่ออะหล่อเลย ขาวสูง หน้าติดกวนตีนหน่อยกำลังยืนถือช่อลูกโป่งอยู่
“ไอดินแดนมึงมาได้ไง”
“มึงหนีกูทำไมวะสกาย”
“ไอเหี้ยฌอนมึงบอกมันใช่มั๊ย”
ฌอนยกยิ้มมุมปาก ยักไหล่ให้ตามสไตล์เขาแต่ก่อนที่หมอสกายจะได้เข้ามาถึงตัวฌอนเขาโดนผู้ชายคนนั้ดึงไว้ก่อน
“คุยกันดีๆหน่อยได้มั้ยสหาย”
“...”
“อะนี่กูให้กูรู้มึงชอบลูกโป่ง”
น่ารักจังเลยอะ ผู้ชายอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้เหมือนหมอจะอ่อนลงเขายอมรับลูกโป่งส่งผลให้คนให้ถึงกับยิ้มกว่าแต่เพียงไม่กี่วินาทีรอยยิ้มนั้นก็หายไปเพราะหมอสกายปล่อยลูกโป่งออกจากมือทั้งกำ
“กูปล่อยมึงแบบที่ปล่อยลูกโป่งนั่นแหละ ปล่อยไปแล้วยังไงกูก็ไม่โง่พอดันทุรังขึ้นไปเอามันลงมาหรอก”
ฉันเห็นหมอน้ำตาคลอนิดๆด้วย ทันทีที่หมอพูดจบเขาก็วิ่งออกไปเลย
“กูตามมันไปก่อนนะ ขอบคุณมึงมาก”
“เออ โชคดีนะมึง”
ดินแดนหันมาขอบคุณฌอนก่อนจะวิ่งตามหมอสกายออกไป
ฉันและฌอนเดินได้สักพักก็ตัดสินใจกลับเพราะฉันเริ่มปวดเท้า
“ฌอนไปเดินเล่นริมทะเลกัน”
“เดินไหวรึไง”
“ขี่หลังหน่อยสิ”
ฉันกอดแขนขอเขาเสียงอ้อนๆฌอนหรี่ตามองฉันนิดนึงสุดท้ายเขาก็ยอมย่อตัวลง
“กูยอมให้ครั้งเดียวนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทะเลยามค่ำคืนมองมุมหนึ่งสวยงามแต่หากมองอีกมุมมันดูอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก เสียงจันทร์กระทบน้ำทะเลส่องแสงวิบวับบรรยากาศเงียบสงบได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเบาๆ
“มึนขอบคุณนะที่เธอยอมลำบากมาด้วยกัน”
“เอาความจริงมั้ยฌอน”
“ความจริงอะไร”
“คือฉันไม่ได้อยากเจอสถานการณ์แบบนี้แต่มันไม่มีทางเลือก”
“โอ๊ย ขอโรแมนติกสักห้านาทีได้มั้ยห้ะ มึนมึน!”
“ฮ่าๆ ขอโทษมันก็ไม่ได้ลำบากสักหน่อยถือว่ามาเที่ยวแบบประหยัดไง”
เขาไม่รู้หรอกว่าฉันอยากจะต่อท้ายว่าและมันก็มีความสุขดีนะ
“พรุ่งนี้ลูกน้องกูจะมารับ”
“อือ”
ไม่รู้ทำไมแทนที่ฉันจะดีใจได้กลับบ้านสักทีแต่ใจกลับรู้สึกหวิวแปลกๆ
“ไม่ต้องทำเสียงหงอยแบบนั้นหรอก กูไม่ได้จะหายไปไหน”
“ใครเสียงหงอยดีออกไม่ต้องเจอให้รำคาญ”
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริงแท้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ครับ แต่ยังไงกูก็สัญญาว่าจะจีบมาเป็นเมียให้ได้อยู่ดีมึนมึนต้องเป็นของกูเท่านั้น”
น้ำเสียงจริงจังของเขาทำให้ฉันเขินจนเผลอฟาดลงไปบนบ่าเขาหลายที
ฉันสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดพรุ่งนี้แล้วสินะที่เราต้องไปจากที่นี่แม้จะอยู่ไม่กี่วันแต่กลับรู้สึกชอบที่นี่และผูกพันจัง
——