ตอนที่5 ล้างปาก
“ขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่ามีใครอยู่”
“เดี๋ยว” ชายหนุ่มเรียกคนที่เป็นเจ้าสาวของเขาไว้ ท่าทางเธอยึกยักเหมือนเมื่อยเท้าแต่เขาไม่ได้สนเรื่องนั้นก่อนจะผลักแพรพลอยที่สะอึกสะอื้นออกจากแผง
อก
“เข้ามา”
“ธาม...”
“ส่วนเธอก็ออกไปได้ละ เมียฉันมาแล้ว”
“ก็แค่คนที่แม่ของธามหามา ธามยังรักแพรอยู่จริงมั้ยคะ” วิริศราไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหน เธอก้มมองชุดเจ้าสาวแก้เก้อแต่พอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าบ่าวของเธอก็โดนกลีบปากสีหวานนั้นประกบปิดปากไว้แล้ว
“ยอมรับหัวใจตัวเองเถอะค่ะ”
“เรื่อง?”
“ฉันขอตัวนะคะ”
“ไม่อนุญาต!” ธนาธิปร้องบอกเจ้าสาว เธอจึงชะงักฝีเท้ากึก สายตาหลุกหลิกอย่างทำตัวไม่ถูกก่อนจะเบิกกว้างเมื่อเขาเดินมาโอบไหล่มนของเธอ
“ธามจะบอกว่ารักผู้หญิงคนนี้แล้วเหรอคะ”
“รักหรือไม่รักไม่เกี่ยวกับคนอื่น วีคือเมียของฉันเธอจำแค่นี้พอ” แพรพลอยมองภาพบาดใจน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะทนมองไม่ไหวเอาตัวเองออกไปจากห้องนี้
ธนาธิปกัดปากเมื่อจูบหวานล้ำของแพรพลอยมันยังติดอยู่ ก่อนจะใช้เมียที่แม่ให้มาล้างจูบนั้นออกไป
“อื้อ!”
สองเท้าบนรองเท้าส้นสุดหรูถอยกรูดจนสะโพกชนเข้ากับโต๊ะวางเครื่องสำอาง คนตัวสูงไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอหายใจนานหลายนาทีจนเธอต้องผลักเขาให้ผละออก
“พี่ธามทำอะไรคะ!”
“จูบไง อย่าบอกว่าไม่รู้”
“แล้วจูบทำไมคะเมื่อกี้พี่เพิ่ง...”
“ล้างปากไง ฉันไม่อยากให้ลิ้นของแพรยังติดปาก” เขาถอยไปนั่งหลังปล่อยคำพูดชวนให้เธออึ้งได้ไม่น้อย วิริศราใบหน้าแดงลามลงมาถึงลำคอระหง หน้าตายังคงเหรอหรา เธอเอาสายตาไปมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่คนตรงหน้ากระทั่งเพื่อนสนิทของเธอตามมาถึง
“วี...”
“เบล! มาพอดีเลย” วิริศรารีบผละออกไปหาเพื่อนลักษณะทะมัดทะแมง ถึงจะไว้ผมยาวสลวยก็ดูไร้จริตผู้หญิง
“ไหนว่าปวดเท้า”
“นั่นแหละ เราไปนั่งตรงอื่นกันดีกว่า” คนที่อยู่ในชุดสีขาวฟูฟ่องจับมือเพื่อนขึ้นมาประสานและไปให้พ้นสายตาคมกริบที่มองการกระทำของพวกเธอ
“เหอะ”
“อยู่นี่เอง พวกกูก็หากันไปเถอะ” ธนาธิปผ่อนลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย เขาอยู่กับความสงบเพียงสามนาทีเท่านั้นเพื่อน ๆ ก็พากันเข้ามาจนห้องนี้ดูเล็กไปโดยปริยาย
“ไม่น่าเชื่อว่ามึงจะแต่งงานคนแรกของกลุ่ม”
“กูโดนบังคับ บอกไปร้อยรอบละ” เพื่อนสามคนพากันยิ้มกริ่ม ก่อนจะพากันรุมแกล้งคนที่ได้เมียสวยปานนางฟ้าแต่หน้ายังบึ้งไม่อยากจะได้
“เจ้าสาวมึงสวยจะตาย พามาเที่ยวที่ร้านเรกินเหล้ากับพวกกูสิวะ จะได้รู้จัก”
“ใช่ เดินสวนกันเมื่อกี้ตัวห้อมหอม น้องคนนั้นด้วยชื่ออะไรนะ...”
“เบล”
“เออ ตัวก็เล็กน่าจะยกง่าย” ธนาธิปยังคงสีหน้าเรียบนิ่ง ปล่อยให้เพื่อนพูดไปเรื่อย
“ต่อไปนี้ถ้าเมียไม่อนุญาตให้มาหาพวกกูก็ไม่เป็นไรนะเว้ย พวกกูเข้าใจ” รณกรเริ่มแหย่เขาอีกครั้ง และผลมันก็เหมือนเดิม
“ทำไมกูต้องรอให้ใครอนุญาต”
“ก็เผื่อว่ามึงกลัวเมียไง” ภาวัตรพูดเสริมหวังเห็นเพื่อนหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“พออะไรมันลงตัวกูก็หย่า อาจจะแค่เดือนสองเดือนนี้แหละ”
“เสียดาย”
“เสียดายอะไร”
“เสียดายน้องวีไง สวยขนาดนั้นมึงจะเล่นแค่เดือนสองเดือนเองเหรอ”
“เผลอ ๆ ไม่ถึง” เขาตอบกลับอย่างไม่คิด เมื่อเข้ามาปั่นหัวเขาไม่สำเร็จก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น มาวินเดินออกไปเรียกพนักงานให้มาเสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องนี้เพราะอยากฉลองให้กับเพื่อนที่เป็นเจ้าบ่าวแต่ไม่ยอมออกไปหน้างาน ราวกับอายนักหนากับงานแต่งในครั้งนี้
“เบา ๆ ๆ เดี๋ยวก็อ้วกใส่เจ้าสาวหรอกไอ้ธาม”
“แค่นี้คนอย่างกูไม่เมาหรอก”
“มันไม่ใช่เหล้าที่เราเคยกินนะมึง”
“เออ แอลกอฮอลตั้งแปดสิบแปดเปอร์เซ็นต์” มาวินประคองขวดเหล้าสีใสแล้วพูดขึ้น ที่ร้านของพวกเขาก็มีแบบนี้แต่ลูกค้าไม่ค่อยสั่งมากินเพราะมันเมาไว
“ช่างหัวมันเถอะ เมาแล้วมันก็แค่หงี่”
“จัดเจ้าสาวเบา ๆ พอนะเว้ย คืนแรกเดี๋ยวน้องจะช้ำ”
“...” ธนาธิปนั่งเงียบขณะที่เพื่อนกำลังพูดถึงผู้หญิงในร้านเหล้ากันอย่างสนุกปาก เขายกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ไม่ใช่กระดกกินอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างทีแรก
“ไอ้ธามแกเมา?”
“อืม” คนที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวตอบสั้น ๆ ก่อนที่บงกชจะเดินมาพร้อมดวงตาคมดุเพราะเห็นลูกชายนั่งคอโงนเงนแล้ว
“ธาม!”
“แม่ ปล่อยมันเถอะ”
“ปล่อยได้ไงแขกอยู่เต็มงานตัวเองดันมาเมา”
“เอามันไปตอนนี้มีแต่จะขายหน้านะผมว่า” ธัญวิชญ์คอยปราม เขารู้นิสัยคนในครอบครัวดี แรง ๆ กันทั้งนั้น
“งั้นก็ลากเข้าไปนอนที่ห้องหอเลย”
เพื่อนสามคนที่กรึ่มเมากันอยู่ไม่น้อยลากคนเมาทิ้งตัวมาส่งถึงเตียงขนาดใหญ่ที่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ร่างหนาถูกโยนลงจนกลีบดอกสีแดงสดฟุ้งกระจายไม่เป็นรูปหัวใจดังเดิม
“เอาไงต่อครับ”
“ทิ้งไว้นี่แหละ วีดูแลด้วยนะ” บงกชต้อนคนอื่น ๆ และพาตัวเองออกไปจากห้องหอ อริศราเพื่อนสนิทมองเธอแววตาเศร้าก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดด้วยฝีมือของบงกช
“หนูเบลกลับยังไงจ้ะ”
“เบลจะขับรถกลับค่ะ”
“ดึกแล้ว นอนที่นี่ได้นะ”
“กลับดีกว่าค่ะ เบลบอกพ่อกับแม่ว่าจะกลับไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” บงกชกับนภามองเพื่อนของวิริศราเดินไปด้วยความเศร้าหมองที่ปิดไม่มิด
“คงเคว้งแหละ เพื่อนแต่งงานหนีซะแล้ว”